Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ศิลป์แห่งคน
•
ติดตาม
13 ก.พ. 2020 เวลา 10:20
" ศิลปะของคนโง่ "
มีคนจำนวนมากที่เกิดมามีสติปัญญา ความจำดี
และมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เป็นประเภท ตรงกันข้าม
พวกเขาจะเรียนรู้ช้า หรือมีอาการสมาธิสั้นควบคู่ไปด้วย
ทำให้เป็นปัญหาอย่างมากในการเรียนรู้จดจำ และเข้ากับสังคม
ใช่แล้วครับ ในบทความนี้ผมจะพูดถึงคนที่เรียนรู้ช้า
ในสมัยปัจจุบัน เราเรียกโรคนี้ว่า..
LD ย่อมาจาก Learning Disabilities คือ ภาวะความบกพร่องด้านการเรียนรู้ในเด็กที่มีสติปัญญาฉลาดในเกณฑ์ปกติหรือฉลาดเหนือกว่าเด็กอื่น แต่การเรียนรู้ในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆ ด้านช้ากว่าเพื่อนที่มีอายุเท่ากัน ทั้งๆ ที่เพื่อนอาจมีสติปัญญาเท่ากันหรือต่ำกว่า
ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย คือ คนที่เป็นโรคนี้จะมองภาพใหญ่และประมวลผลได้เก่ง เผลอๆอาจจะมองได้เก่งกว่าคนที่จบด็อกเตอร์เสียอีก
จึงไม่แปลกใจที่มีการวัด IQ พวกเขาถึงทำได้ในเกณฑ์มาตรฐาน หรือสูงกว่าเกณฑ์ด้วยซ้ำ ก็จริงอาจจะหมายความได้ว่าพวกเขาไม่ได้โง่ในทางทฤษฎี แต่ในสายตาคนอื่นและทางปฏิบัติแล้วพวกเขาถือว่าโง่
แต่ก็นั่นแหละครับ ยังไงมันก็คือปัญหา เพราะพวกเขาจะเรียนรู้ได้ช้ามากๆ แม้ว่าบางคนจะดูขยันแค่ไหน แต่ก็เรียนไม่เข้าใจ อ่านไม่ออก หรือ พูดไม่รู้เรื่อง บางคนอาจมีอาการเอื่อย กินข้าวช้า ผูกเชือกรองเท้า แกะผลไม้ไม่ได้ จำเรื่องง่ายๆไม่ได้ เช่นจำทางไปบ้านเพื่อนสนิท
โรคนี้จึงทำให้คนเก่ง กลายเป็นคนโง่ทันที ทั้งๆที่เขามีความสามารถในสิ่งที่คนธรรมดาไม่มี เช่นการจดจำ หรือเข้าใจ ในบางเรื่องอย่างลึกซึ้ง
ทำไมฉันอ่านไม่รู้เรื่องงงง สมองทำไมช้าจัง
ความโง่ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ในสมัยพระพุทธกาล ก็ยังมีพระสาวก ที่ได้ชื่อว่าสมองทึบ และเรียนรู้ช้า จนทำให้ท่านอยากจะสึกเลย
ในสมัยพระพุทธกาล มีพระรูปหนึ่ง นามว่า พระจูฬปันถก หรือ พระจูฬปันถกเถระ หรือ พระจุลลปันถกะ
แต่ในที่นี้ผมขอเรียกนามท่านว่า "พระจุลลปันถกะ" เพื่อเป็นการแสดงความรำลึกถึงพระคุณ หลวงพ่อเจ้าอาวาสที่ท่านได้เล่าเรื่องราว "พระจุลลปันถกะ" ให้ผมฟัง ตอนที่ผมบวชเณร โดยตอนนั้นหลวงพ่อท่านได้เรียกชื่อนี้
พระจุลลปันถกะ เป็นผู้ที่เรียนรู้ได้ช้ามาแต่กำเนิด ซึ่งจะตรงข้ามกับพี่ชายที่เฉลียวฉลาดกว่าท่านในทุกเรื่อง
จนเกิดการเปรียบเทียบและล้อเลียน ท่านอยู่เนื่องๆ
เมื่อพี่ชายท่านได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา ท่านก็ได้ออกบวชตามด้วย
เมื่อออกบวช พระพี่ชายได้ให้ท่องคาถาหนึ่งคาถามีใจความดังนี้
ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
ตปนุตมาทิจฺจมิวนฺตลฺเข ฯ
“ดอกปทุมชาติที่ชื่อว่าโกกนุท ขยายกลีบแย้มบานตั้งแต่เวลารุ่งอรุณยามเช้า กลิ่นเกษร
หอมระเหยไม่รู้จบเธอจงพินิจดูพระสักยมุนีอังคีรส ผู้มีพระรัศมีแผ่ไพโรจน์อยู่ ดุจดวงทิวากร
ส่องสว่างอยู่กลางนภากาศ ฉะนั้น”
พระจุลลปันถก ได้ใช้เวลาถึง 4 เดือนในการท่องคาถานี้ แต่ปรากฎว่าท่านก็ไม่สามารถท่องจำได้
พระพี่ชายของท่าน จึงไล่ท่านให้สึกและกลับบ้านไป เพราะไม่เห็นหนทางที่จะบรรลุธรรมได้
วันนั้นได้มีคนนิมนต์ให้พระพุทธเจ้าและพระสาวก ไปฉันอาหาร
แต่พระพี่ชายห้ามไม่ให้นิมนต์ พระจุลลปันถกะไปด้วย พระจุลลปันถกะเสียใจมากและร้องไห้ อยากที่จะสึก
เมื่อพระพุทธเจ้าล่วงรู้ว่าพระจุลลปันถกะจะสึก จึงเสด็จไปทรงโปรด พระจุลลปันถกะ โดยการนำผ้าเช็ดหน้าสีขาว ให้พระจุลลปันถกะลูบ แล้วท่องว่า " ผ้าเช็ดธุลี ผ้าเช็ดธุลี "
พระจุลลปันถกะ นั่งแลดูพระอาทิตย์ไปพลาง ลูบผ้าไปพลาง ลูบไปเรื่อยๆ จนผ้าขาวสะอาด เปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำ เมื่อพิจารณาดูแล้วท่านจึงบรรลุเป็นพระอรหัต จากการลูบผ้าในครานั้น
เมื่อขยายความดีๆแล้ว พระพุทธเจ้าให้ "พระจุลลปันถกะ" ลูบผ้าขาว แล้วท่องคำว่า"เช็ดธุลี" ผ้าขาวเปรียบดังร่างกายและจิตที่บริสุทธิ์ ธุลีแปลอีกนัยหนึ่ง ก็คือราคะ ที่ประกอบด้วย โทสะ(ความโกรธ) โมหะ(ความหลง) การเช็ดธุลีคือการตัดราคะให้หมดสิ้น เมื่อท่านตัดกิเลสได้หมด ท่านจึงบรรลุเป็นพระอรหันต์
พระพุทธเจ้ายกย่องพระจุลลปันถกะว่าเป็นผู้ที่ฉลาดในสมาธิ ฉลาดในลักษณะสมาธิ ฉลาดในการย่ออารมณ์
ถ้าท่านผู้อ่านพิจารณาดีๆ พระจุลลปันถกะท่านไม่ได้โง่นะครับ แค่ท่านยังไม่ได้มีผู้ที่ชี้นำ และเปิดทางให้แสงสว่างแห่งปัญญาของท่านออกมา เพียงพระพุทธเจ้าให้ลูบผ้าขาว ท่านกลับบรรลุได้ทันที ท่านแค่ขาดอาจารย์ดีที่มาชี้แนะ หรืออะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนบางอย่างในชีวิตของท่าน วันหนึ่งท่านทั้งหลายหาเจอ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ของท่าน เช่นเดียวกับพระจุลลปันถกะ จากพระที่จำคาถาบทเดียวไม่ได้ ทั้งที่ท่องมา4เดือน สู่พระอรหันต์
ถ้าท่านใดที่เป็นคนเรียนรู้ช้า หรือทำอะไรยังไม่ประสบผลสำเร็จสักที ท่านอย่าพึ่งท้อแท้ และกดตัวเองให้ต่ำลง จงสร้างสรรค์ศิลปะของท่านต่อไป คือความเพียร แม้ใครจะมองว่าท่านโง่ก็ตาม
ดังคำพระพุทธเจ้าชาติหนึ่ง ที่พระองค์ได้เกิดเป็นอาจารย์ นามว่า"ทิสาปาโมกข์" อาจารย์ในชาติก่อนของ "พระจุลลปันถกะ" ได้กล่าวกับพระจุลลปันถกะในอดีตชาติว่า
"ธรรมดาศิลปะที่คนโง่พยายามทำให้คล่องแคล่วแล้วย่อมไม่ลืมเลือน"
เรื่องนี้ผมตั้งใจเขียนมาก เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นคนเรียนรู้ช้า หรือทำอะไรไม่สำเร็จสักที
เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนรู้ช้ามากตั้งแต่เด็ก จนเพื่อนในสมัยเด็กบอกผมว่า..
"เป็นคนฉลาดที่โง่ที่สุดเท่าที่เขาเจอมา"
ยอมรับเลยครับ ว่าเป็นปัญหาหนักมากในตอนเรียน จนถึงขั้นดร็อปเรียนไป 1 ปี เพราะเรียนไม่รู้เรื่อง และเป็นโรคซึมเศร้าในเวลาต่อมา แต่ด้วยความมานะก็ ถูๆ ไถๆ จนจบปริญญามาได้ พอผ่านมาได้ผมเลยอยากส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่มีปัญหาคล้ายกัน หรือบุตรหลานท่านหรือคนรู้จักที่เป็นอยู่ให้สู้ๆครับ
ถ้าวันหนึ่ง ท่านผู้อ่านพบเจอคนลักษณะแบบนี้ อย่าไปด่าว่าหรือซ้ำเติมเขา ช่วยบอกวิธีและให้กำลังใจเขา เพื่อที่จะให้เขาหาตัวเองให้เจอ เขามีศักยภาพที่มองไม่เห็นซ่อนอยู่ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อชาติในอนาคตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ความพยายามแบบเดิมๆเป็นพันเป็นหมื่นครั้งทรงพลังมากกว่าที่คาดคิด (เครดิตภาพคำคมคนมีตัง)
สุดท้ายนี้ ขอความพระคุณท่านที่เข้ามาอ่าน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมาในที่นี้ด้วยครับ by ชนดิเรก
อ้างอิงจาก...
หนังสือ อัครพุทธสาวก-สาวิกา
healthybrain.biz
LD หนึ่งในโรคสมองที่อาจทำให้หลายคนดูโง่
5 บันทึก
14
14
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ศิลปะแห่งสัจธรรม
5
14
14
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย