13 ก.พ. 2020 เวลา 14:42
1.3แสนล้านดอลล่าร์ที่หายไปในหน้างบของธนาคารกลางไต้หวัน หายไปไหน??? 💃💃💃
1.3แสนล้านดอลล่าร์ที่หายไปในหน้างบของธนาคารกลางไต้หวัน หายไปไหน และเพราะอะไร ตามมาค่ะ
ไต้หวัน มีดุลบัญชีเงินสะพัดต่อGDP อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานที่ ประมาณ10% มาเป็น 10ปีละ (เป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลที่สุดในโลก)
High current account to GDP
ส่งผลให้ Saving rate ของไต้หวันสูงมาก
ทำให้คนไต้หวันเริ่มไปลงทุนในประกันชีวิตแบบออมทรัพย์มากขึ้นสุดๆ
มากขึ้นขนาดไหนนะหรอ
ขนาดที่ว่า ตอนนี้สินทรัพย์รวมของบริษัทประกันชีวิตทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 25ล้านล้านบาท ในขณะที่ ขนาด GDP ไต้หวันอยู่ที่ 16ล้านล้านบาท........ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ ธุรกิจประกันชีวิตของไต้หวันมีขนาดใหญ่กว่า GDP ประเทศตัวเอง (ของไทยธุรกิจประกันชีวิตอยู่ประมาณ20%ของ GDP)
พอมีคนมาทำประกันชีวิต บริษัทประกันชีวิตก็ต้องนำเงินไปลงทุน แต่ด้วยจำนวนเงินที่เข้ามาซื้อมันมหาศาลมาก บริษัทจึงต้องไปลงทุนในตราสารต่างประเทศในระดับที่สูงมากกว่าที่ไหนๆทั่วโลกทำ
ปกติธุรกิจประกันชีวิตจะมีข้อกำหนดสัดส่วนในการลงทุนที่เข้มงวด โดยจะเน้นลงทุนในตราสารที่ผันผวนต่ำ เช่นต้องลงทุนในตราสารหนี้70% หรือลงทุนในตราสารต่างประเทศได้ไม่เกิน 15%
สำหรับไทยลงต่างประเทศได้ไม่เกิน 15% แต่ไต้หวันลงตราสารสกุลต่างประเทศได้ ถึง70% หรือขนาดเท่ากับขนาด GDP ไต้หวันเอง😱
กว่า 70% ของสินทรัพย์เป็นการลงทุนตราสารในสกุลต่างประเทศ
บริษัทประกันเอง ขายประกันให้ประชาชนในรูปเงินไต้หวัน ส่วนเงินลงทุนกลับเป็นสกุลดอลลาร์กว่า70% เพราะฉะนั้นบริษัทประกันชีวิต จะต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่มโหฬาร
ซึ่งคนที่ช่วยปิดความเสี่ยงให้กับประกันชีวิตเหล่านี้ก็คือ ธนาคารกลางไต้หวันนั้นเอง แต่ แต่ แต่ เด่วก่อน
ปริมาณเงินสำรองที่ประกาศ VS ที่นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่ามีอยู่จริง
การที่ธนาคารกลางช่วยปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนนั้น หมายความว่าธนาคารกลางจะต้องเข้าทำกิจกรรมที่เรียกได้ว่า "แทรกแซงค่าเงิน"
หลักฐานนะหรอ มันสะท้อนออกมาในผลกำไรขาดทุนที่พอคิดย้อนกลับไป มันไม่ตรงกับหน้างบของแบงค์ชาติไง
พอคิดย้อนกลับไปเงินมันโผล่มาอีก 1.3แสนล้านดอลล่าร์ที่ปกปิดไว้เพราะแทรกแซงค่าเงิน(โป๊ะแตก)
แต่กิจกรรมแบบนี้ ถ้าเป็นประเทศอื่นๆ คงจะโดนอเมริกาด่า และแบนในที่สุดไปแล้วนะ..... เอ๊ะ แล้วทำไมไต้หวันถึงรอดพ้นจากมือปราบการแทรกแซงการเงินได้ละ
ไม่ได้รอดเพราะว่าเป็นลูกรักอะไรหรอกค่ะ
แต่เป็นอเมริกาไม่มีหลักฐานที่คาหนังคาเขานะสิ
เพราะไต้หวันไม่ได้ถูกจัดเป็นประเทศในองค์กรระดับโลก อย่าง UN หรือ IMF เพราะงั้น ธนาคารกลางไต้หวันจึงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลตามหลักสากล ทำให้รอดตัวได้ในที่สุด
แต่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า ประชาชนไต้หวันที่ซื้อประกันกันอย่างท่วมท้น มีความเสี่ยงบนอัตราแลกเปลี่ยน ระดับมโหฬาร
ถ้าค่าเงินไต้หวันเริ่มแข็งค่าหนักๆขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็......อู้ย ไม่อยากคิดเลย
Reference
ผลงานนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชื่อว่า Brad Setser โดยสามารถ Download ผลงานได้ตาม Link หรือจะไป Follow ที่ Twitter ของ Brad Setser ได้เลยค่ะ
โฆษณา