14 ก.พ. 2020 เวลา 12:14 • บันเทิง
หนังสั้นๆ...
Fight Club (1999)
หนังหลายมิติจำแลง ep.2
" ไอ้พีท วันๆมึงจะเอาแต่ชกต่อยอย่างนั้นหรือ ? "
นี่คือคำทักทายยามเช้าของแม่ผม
แม่พูดประโยคนี้พร้อมกับเอาน้ำแข็งหุ้มผ้ามาประคบใต้ตาผม ผมหลับตา...สงบสติอารมณ์ ไม่ตอบโต้อะไร แต่ก็แอบคิดในใจ
" แล้วใครล่ะ...ทำให้ผมเป็นแบบนี้ "
ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่ครอบครัวของเรายากจน
.
ความทรงจำเดียวที่ผมจำได้คือ
ผมมักจะตื่นมาตอนเช้าพร้อมคำถามเดิมซ้ำๆในหัวว่า...เช้านี้จะมีอะไรกินไหม ?
บ้านเราอดอยากทั้งๆที่มีกันอยู่แค่สามคน ผม แม่ และพ่อขี้เมา
แม่ทำอาชีพรับจ้างดายหญ้า ได้ค่าแรงวันละ 150 บาท ซึ่งมันควรจะพอสำหรับค่าข้าวของพวกเราทุกคน
.
.
แต่ไม่เลย...มันไม่เคยพอ เพราะเงิน150 บาทนั้น มักจะถูกปล้นไปโดยคนๆเดียว
คนซึ่งควรจะเป็นหัวหน้าครอบครัว
พ่อขี้เหล้าคนนั้นล่ะ...คือโจรประจำบ้านเรา
ครั้นแม่จะปฏิเสธ...ก็ทำไม่ได้
ลองไม่ให้ดูสิ...ได้ตาเขียว ตัวช้ำ หยอดน้ำข้าวกันหลายวันทีเดียว
เด็กตัวเล็กๆอย่างผมก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้...
เคยไปช่วยครั้งนึง...สุดท้ายก็นอนจมกองเลือดกันทั้งแม่ ทั้งลูก
ตั้งแต่ตอนนั้น...ผมก็รู้ว่าถ้าอยากปกป้องแม่ ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง
แล้วโอกาสก็มาถึง
เมื่อไอ้อ๊อดเพื่อนสนิทชวนผมไปสมัครเป็นนักมวยในค่ายของ " ครูบัญชา "
ผมรู้ว่านี่คือทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้
ผมมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เพื่อให้ครูเห็นแวว แล้วส่งผมขึ้นชกให้เร็วที่สุด
ในที่สุด...ผมก็ทำสำเร็จ
การชกในครั้งแรกนั้น...ผมไม่กลัวหรือตื่นเต้นเลย
ผมมีสติเต็มที่...เห็นทุกการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้
แล้วผมก็ชนะอย่างง่ายดาย....
เย็นวันนั้น...ผมกลับมาพร้อมกับเงินก้อนแรกในชีวิต
เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ถึงตรงนี้คุณอาจจะคิดว่า พ่อขี้เหล้าคงจะมาปล้นเอาเงินนี้ไป เหมือนอย่างในหนังดราม่าสะเทือนอารมณ์ใช่มั้ย?
ไม่ใช่เลยครับ...บอกได้เลยว่ามันคือหนังคนละม้วน
ตั้งแต่วันที่ผมเริ่มเป็นมวย ผมได้สั่งสอนพ่อไปนิดหน่อยจนแกไม่กล้ามายุ่งกับผมและแม่อีกเลย
ถึงผมจะเป็นเด็ก...แต่การต่อยกับผู้ใหญ่ขี้เมานี่สบายมาก
เชื่อไหมครับ ตั้งแต่นัดแรกที่ได้ต่อย ผมก็ขึ้นชกทุกเดือนรวมกันแล้วในปีนั้นไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง
ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว ผมขึ้นชกไปทั้งหมด 21 ครั้ง
ผมยังไม่เคยแพ้ใครเลย ...
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดี ... จนกระทั่งไอ้อ๊อดชวนผมดูหนังเรื่อง " Fight Club "
ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก
โดยเฉพาะตัวละครชื่อ" ไทเลอร์ " ที่แสดงโดยแบรด พิตต์
ผมชอบความคิดเขานะ ทำไมชีวิตต้องอยู่ในกฎเกณฑ์...
ทำไมโลกทุนนิยมต้องบังคับให้เราทำงาน ให้เราหาเงิน
ให้เราเป็นลูกแหง่ ทำตามคำสั่งเจ้านาย
.
.
มาคิดย้อนดู...หลังจากที่ต่อยมวย...ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวผมก็มีแต่กฎระเบียบ ต้องตื่นเช้า ต้องวิ่ง ต้องซ้อม
อาหารต้องคุม ยิ่งใกล้ต่อยยิ่งเข้มงวด
เราใช้ชีวิตแบบนี้...มาได้ยังไงตั้งสามปีวะ ?
ปรัชญาชีวิตของไทเลอร์อันหนึ่งคือ " คนกล้าของแท้ต้องรู้จักละทิ้ง "
ผมว่าผมพบปรัชญาข้อนี้แล้วนะ ...
ผมลาออกจากค่ายมวย
ผมเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่พันธนาการชีวิต ทิ้งกฎระเบียบ และหันหน้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริง
ผมชวนอ๊อดออกมาตั้ง Fight Club
คลับของเราคือกลุ่มคนที่รักการต่อสู้ เป็นการต่อสู้ข้างถนนแบบที่ไม่มีกฎระเบียบ
เราชวนคนที่มีเลือดนักสู้ และอยากจะออกจากอะไรเดิมๆมารวมกลุ่มกันเพื่อใช้การต่อสู้ค้นหาความหมายของชีวิต
เราไม่ได้สู้เพราะโกรธแค้น แต่เราสู้เพื่อพิสูจน์ตนเอง
หลังจากวันนั้น...ผมก็กลับบ้านด้วยสภาพเดิมทุกวัน ตาปูด ห้อเลือด หัวโน ฟกช้ำ ฯลฯ
ถึงวันนี้...ผมก็ยังไม่เคยแพ้ใครเช่นเดิม
ยิ่งเวลาผ่านไป กระแสปากต่อปากยิ่งทำให้คลับมีสมาชิกเพิ่มขึ้น
ผมมีรายได้ด้วยนะ...จากการจัดแข่งขันประจำวัน
ใครอยากต่อยกับใคร ผมมีทีมงาน มีกรรมการ มีกองเชียร์ มีทีมพยาบาล
ขอเพียงคุณมีเงิน ... คุณก็พร้อมขึ้นชกบนเวทีของเรา เวทีข้างถนนที่ไม่มีกติกา คุณจะแพ้ก็ต่อเมื่อใจคุณบอกว่าไม่ไหว ... และพูดออกมาจากปากของคุณเองว่า " ยอมแพ้ "
เวทีนี้ วัดกันที่ขนาดใจ ... ไม่ใช่ขนาดตัว
ไปๆมาๆ ธุรกิจนี้ทำรายได้ให้ผมดีกว่าตอนเป็นนักมวยเสียอีก
จากไอ้พีชที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาใคร วันนี้ทุกคนในคลับต่างยกย่องผม
ทุกคนตั้งฉายาให้ผมว่า " แบด พีท " มันบอกว่าตั้งเพื่อให้เกียรติผมและแบรด พิตต์
ผมว่ามันเท่ดีนะ
1
แบด พีท ... ผู้ไม่เคยแพ้ใคร
ผมไม่เคยยอมแพ้เลย ไม่ว่าโดนต่อย โดนอัดหนักแค่ไหน
ในเกมนี้ต่อให้คุณสู้จนน็อค ถ้ายังไม่พูดว่า " ยอมแพ้ " คุณก็ยังไม่แพ้
คุณน็อค แต่คุณไม่แพ้
คุณเสมอคนที่น็อคคุณ เจ๋งไหมล่ะ....
ไม่มีใครจะชนะคุณได้ ถ้าคุณชนะใจตัวเอง
ผมโคตรชอบเลย Fight Club ของผม
มานึกดูแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอยากต่อยกับพ่อขี้เหล้า
ผมก็คงจะไม่ได้ฝึกต่อยมวย และก็คงจะไม่ได้เป็น " แบด พีท " อย่างในวันนี้
ทุกคนในคลับ ... รู้กติกาของเราดี
" ห้ามพูดเรื่อง Fight Clubให้คนนอกฟัง "
แล้วผมก็คิดขึ้นมาได้...ไทเลอร์ในหนังสร้างโลกในแบบของเขาไม่สำเร็จ เพราะตอนจบของหนังกลั่นแกล้งเขา
หนังสร้างเขาให้มีตัวตนแล้วก็ถีบหัวส่งในตอนจบ .... ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่เจ๋งมากๆ
ผมชวนอ๊อดมาร่วมเปลี่ยนแปลงโลกด้วยแนวทางของ " ไทเลอร์ "
โดยเราจะให้สมาชิก Fight Club ปลดปล่อยทุกคน
ด้วยการออกไปป่วนเมือง ...
ถึงตรงนี้ อ๊อดบอกกับผมว่า ผมบ้าเกินไปแล้ว
ทำไมผมต้องทำอะไรเดินตามก้นไทเลอร์อยู่ตลอดเวลาด้วย
ผมบอกว่า " เพราะไทเลอร์ทำให้เรามีอิสระ "
อ๊อดบอกผมให้กลับมาอยู่กับความจริง
เราเถียงกัน จนเริ่มลงไม้ลงมือ
เราต่อยกัน ต่างคนต่างปล่อยหมัดแบบสุดแรงเกิดเข้าใส่กัน เราดวลกันแบบไม่ถอย
ไม่มีใครอยากแพ้ ... จึงไม่มีใครยอมแพ้
แล้วหนึ่งหมัดของอ๊อดก็เสยเข้าที่ปลายคางของผมอย่างจัง จากนั้นทุกอย่างก็หยุดลง...
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง...ในที่ที่ไม่รู้จัก
" ไอ้อ๊อด วันๆมึงจะเอาแต่ชกต่อยอย่างนั้นหรือ ? "
เมื่อผมลืมตาขึ้นมา...แม่ยืนอยู่กับใครคนหนึ่งในชุดสีขาว ทั้งสองคนยืนล้อมรอบเตียงที่อ๊อดนอนเจ็บอยู่
ทำไมแม่ถึงพูดคุยกับอ๊อดเหมือนกับว่ามันเป็นลูก
ทำไมทุกคนมองไม่เห็นผมซึ่งยืนอยู่ตรงนี้
ชายในชุดขาวหันไปพูดกับอ๊อดว่า " พีทไปจากคุณแล้วอ๊อด "
" เกิดอะไรขึ้นครับหมอ ? " อ๊อดเอ่ยขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
" คุณอ๊อดรักษาตัวที่นี่มาสามปีแล้วครับ "
คุณป่วยเป็นโรคDissociative Identity Disorder
หรือที่เรียกว่าโรคหลายบุคลิก
ในบางครั้งคุณคืออ๊อด คนที่กำลังพูดอยู่กับหมอในตอนนี้ และในบางครั้ง คุณก็กลายเป็นพีท คนที่เอาแต่หาเรื่องชกต่อยทุกคนทั้งวัน
ตลอดการรักษาหมอไม่เคยทำให้พีทหายไปได้เลย
เขาไม่เคยยอมแพ้...
ไม่เคยเลย
เหมือนกับว่าอ๊อดไม่เคยขัดใจพีทเลย บุคลิกทั้งสองจึงอยู่ร่วมกันมาได้ตลอด
แต่พีทนั้นก้าวร้าวกว่าคุณมาก .... ตลอดการรักษามีหลายครั้งที่ทีมแพทย์ถูกพีทต่อย
คนนั้นไม่ใช่คุณหรอกอ๊อด ... นั่นคือพีท
หมอรักษาคุณโดยการให้ยาประกอบกับการสะกดจิต
การสะกดจิตดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่อ๊อดเริ่มไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่พีทใช้
และนั่นทำให้คุณทั้งสองต่อสู้กัน จนอ๊อดสามารถลบบุคลิคของพีทออกไปได้
ผมก็ไม่แน่ใจนะ...ว่าหลุดไปได้ยังไง
แต่พีทไม่ได้หายไปเพราะยอมแพ้แน่ๆ...เขาไม่เคยยอม "
นั่นคือสิ่งที่หมอบอกกับอ๊อด
จากที่ได้ยิน ทำให้ผมทราบในทันทีว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา " ผมไม่เคยมีตัวตนเลย "
ผมเป็นเพียงบุคลิกที่สร้างมาจากจิตใจของอ๊อด
อ๊อดสร้างผมขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนความบอบช้ำในวัยเด็กจากการถูกพ่อทำร้าย
ผมเป็นแค่พลังงาน...ที่มีชีวิตอยู่ได้จากจิตใจของอ๊อด
และวันนี้ อ๊อดไม่ยอมจำนนต่อความคิดผมอีกต่อไปแล้ว
เขากลับมาเป็นตัวเองแล้ว
ผมรู้สึกอ่อนแรงมาก...เหมือนกับว่าความรู้สึกค่อยๆเลือนหายไป...
คงใกล้เวลาที่ผมจะหายไปแล้วสินะ
อ่อ...อันที่จริงผมก็ไม่เคยมีตัวตนอยู่แล้วนี่
ต่อให้หายไป...ก็ใช่ว่าผมจะแพ้
เพราะผมยังไม่ได้พูดคำนั้นออกมาเลยด้วยซ้ำ
" ยอมแพ้ "
ภาพประกอบจาก :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา