15 ก.พ. 2020 เวลา 05:03 • บันเทิง
PARASITE #2
กลิ่น....
พูดถึง “กลิ่น” แว้บแรก คนอ่านต้องนึกถึง กลิ่นน้ำหอม กลิ่นดอกไม้ ใช่ไหม
จากตอนที่แล้ว ได้พูดถึงภาพรวมของภาพยนตร์เกาหลี ระดับรางวัล oscar หลายแขนง อย่าง parasite ไปแล้ว และได้โปรยประเด็นต่อไปที่อยากพูดถึงใน parasite อันเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วรู้สึกอย่างไรบอกเป็นคำพูดไม่ถูกเหมือนกัน เอาตรง ๆ คือ หากคุณจะบอกว่าใครสักคนว่า “ตัวเหม็น” หรือ เธอ คุณ เขาเหล่านั้นมี “กลิ่น..เหม็น” คุณจะบอกเขาว่าอย่างไร ทั้งที่คุณเองก็อาจจะมีกลิ่นเหม็นสำหรับจมูกของคนอื่นเหมือนกัน
ในหนัง parasite ได้เล่าถึงครอบครัวคนรวย ผู้ดีเกาหลี ที่มีชีวิตแสนสบาย บ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง อยู่บนฮิลบรรยากาศดี มีหน้าต่างบานใหญ่ ที่มองเห็นบรรยากาศดีภายนอกบ้านได้อย่างชัดเจน มีคนรับใช้ มีทุกอย่างที่จะสามารถทำให้พวกเขาอยู่สุขสบาย ใช้ชีวิตได้อย่างช้า ๆ ไม่รีบเร่ง ในขณะที่ครอบครัวคนยากจนนั้นต้องอยู่ในเขตสลัม ในบ้านครึ่งใต้ดินที่มีหน้าต่างเล็ก ๆ ระดับพื้นถนน เพียงแค่ระบายหรือให้อากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน กลิ่นเหม็นและแสงสว่างได้เข้ามาเล็กน้อย ทั้งยังสามารถมองเห็นเท้าของคนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนนชัดเจนกว่าใบหน้า มีแมลงสาบตัวเหม็นที่พวกเขาเกลียดอยู่กันในห้องอับ ๆ มีกลิ่นเดียวกันอบอวนภายในห้องเหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวพวกเขา ไม่มีแม้แต่สัญญาณ wifi สาธารณะ(เอิ่ม...อันนี้ ประเทศไทยเองก็ยังไม่ถึงขั้นว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ถึงขั้นต้องพูดถึงนะ...เราช้าใช่ไหม...ไม่แตะการเมือง...ไปต่อดีกว่า)
มันช่างเหลื่อมล้ำ แตกต่างจากครอบครัวคนรวยสิ้นดีและพวกเขาไม่มีงานทำกันทั้งบ้านและนอกจากนั้นยังมีครอบครัวยากจนที่อยู่ต่ำลงไปอีก แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นที่มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว และการดิ้นรนทุกวิถีทางของครอบครัวคนจนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
พวกเขาเหล่านั้นได้มาเจอกันด้วยความบังเอิญ โดยครอบครัวคนจนได้เข้ามาทำงานในบ้านคนรวยทีละคน ทีละคน ดูเหมือนว่าการเจอกันของพวกเขานั้นไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ เลย ครอบครัวคนรวยใจดี ให้เกียรติคน ครอบครัวยากจนก็ทำหน้าที่...ที่ได้มาจากการโกหก ก็ทำได้ดี ครอบครัวคนรวยพึงพอใจ
เรื่องราวมันก็ปกติดีใช่ไหม หากไม่มีวันหนึ่งที่ครอบครัวคนรวยพาลูกชายไปฉลองวันเกิดแล้วไม่กลับมาก่อนกะทันหัน ในขณะที่ครอบครัวคนจนพากันฉลองเยี่ยงคนรวยในบ้านหรูนั้น แต่เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาก่อนอย่างไม่คาดคิด เพียง 8 นาทีที่จะถึงบ้าน ครอบครัวคนจนจึงพากันแตกกระเจิง รีบวิ่งหนีหาที่หลบซ่อนภายในบ้านโดยทิ้งกลิ่นที่หลงเหลือของพวกเขาไว้ ทำให้นึกถึงภาพแมลงสาบที่ออกมาหากินตอนที่เราไม่อยู่บ้าน หรือในขณะที่เรานอนหลับ จนเมื่อเรากลับมาถึงบ้านหรือตื่นขึ้นมาฉี่ พวกมันมักจะพากันวิ่งหนีหาที่หลบซ่อน จนเราหาตัวมันไม่เจอ ทิ้งไว้เพียง กลิ่นเหม็นสาบ... ทั้งที่พวกเขาก็ทำตัวเหมือนแมลงสาบที่ตัวเองเกลียดไม่มีผิด
เรื่องนี้ทำให้เจ้าของบ้านเริ่มแอบพูดคุยกันเรื่องกลิ่นของเหล่าครอบครัวคนจน ในขณะที่พวกเขากำลังแอบซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ แน่นอนพวกเขาได้ยินชัดเจนและไม่ชอบใจ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่เกลียดแมลงสาบเข้าไส้ เขาจะขึ้นทันทีเมื่อได้ยินใครพูดหรือรู้สึกว่าตนเองมีกลิ่นและคล้ายแมลงสาบ นี่ละมั้งที่เป็นที่มาของคำว่า “เหม็นกลิ่นสาบของจน”
ในเรื่องได้ยกเรื่อง “กลิ่น” ขึ้นมาพูดหลายครั้ง
มันไม่แปลกที่กลิ่นของคนในฐานะต่าง ๆ จะต่างกัน ในเมื่อบริบทการดำเนินชีวิตต่างกัน ทั้ง พื้นที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย สภาพอากาศ อาหารการกิน ไลฟ์สไตล์ เครื่องมือที่จะช่วยดูแลสุขภาพ ฯลฯ ถึงแม้คนรวยเองก็มีกลิ่นเหมือนกัน แต่พวกเขาสามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยกำลังทรัพย์ที่เพียบพร้อมและทำบ่อย ๆ จนมีกลิ่นเฉพาะตัว และคนจนก็เช่นเดียวกัน ที่วัน ๆ ต้องทำงานหนักตัวเป็นเกลียว ดำเนินชีวิตอย่างเร่งรีบ ที่พักอาศัยอาหารการกินเอาแค่พออยู่รอด เครื่องมือที่จะช่วยในการป้องกันกลิ่นเหม็นของตัวเองก็มีเพียงสารส้ม น้ำเปล่า หรืออย่างดีขึ้นหน่อย ก็สบู่ก้อนที่บางคนใช้ตั้งแต่เท้ายันหัว ผงซักซอก น้ำยาปรับผ้านุ่มถุงละไม่ถึงสิบบาท ลูกกลิ้งราคาไม่ถึงร้อย หรือแป้งฝุ่นที่สามารถโรยได้ทั่วตัวหลังอาบน้ำในตอนเย็น แน่นอนว่าความหอมจะอยู่ได้แค่ชั่วข้ามคืน เช้ามากลิ่นตัวเดิมก็กลับมา เพราะกลิ่นเหล่านั้นได้ฝังตัวอยู่ตามห้อง ที่อยู่อาศัย บนฟูก หมอน ผ้าห่ม เสื้อผ้า หรือแม้แต่หวี ทำให้คนจนก็มีกลิ่นเฉพาะตัว เหมือนกัน นี่ยังไม่พูดถึงคนที่ไม่อาบน้ำหรืออาบน้ำวันละครั้งนะ กลิ่นนั่นมันแรงกว่าคนจนที่อาบน้ำอยู่แล้ว
แต่บางที กลิ่น อาจจะเป็นที่ชื่นชอบหรือเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์บางอารมณ์ให้กับใครบางคนได้นะ เพราะแม้แต่หัวหน้าครอบครับคนรวยอย่างพัค ยังนึกถึงกางเกงในที่เจอในรถของตัวเองเมื่อต้องการจะร่วมรักกับภรรยาผู้แสนสวย แสนดี ทั้งที่ในขณะที่เจอกางเกงในครั้งแรกในรถคันแพงของเขา เขายังแสดงท่าทีรังเกียจจนถึงกับไล่คนขับรถคนเก่าเขาออก
ที่มาของกลิ่นต่าง ๆ ทั้งหมด บางทีหรือความจริงแล้ว เราสามารถพูดได้ว่ามาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม เศรษฐกิจ ที่คนชั้นยากจนไม่มีกำลังพอที่จะผลิตปัจจัยต่าง ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อดูดเม็ดเงินมหาศาลที่ไหลเวียนอยู่ภายในประเทศโดยการผลักภาระภาษีให้ผู้อื่นโดยที่เขาไม่รู้ตัวหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วตัวเองก็สามารถเลือกกลิ่นต่าง ๆ ให้ตัวเองได้ มักมีคำพูดว่า “ความยากจนเป็นความผิดของพวกเขาเอง คนที่มีฐานะดีควรได้รับในสิ่งที่พวกเขาควรได้ ถ้าคนจนมีความพยายามมากพอก็จะลืมตาอ้าปากได้เช่นกัน” และหมายความว่า แล้วจึงค่อยผลักภาระภาษีให้คนในระดับความรวยต่ำลงไปใช่ไหม
ในภาพยนตร์ parasite ได้นำเสนอการถูกกดทับโดยฐานะทางเศรษฐกิจจนทำให้เอาตัวรอดในทุกวิถีทาง จนทำให้บางทีคนดูเข้าใจว่าผู้สร้างหนังจงใจจะทำให้ภาพคนยากจนดูแย่ ชั่วร้าย หาผลประโยชน์เข้าตัวเองจนลืมนึกถึงคุณธรรม จริยธรรม แต่ขณะเดียวกันผู้สร้างหนังก็ได้นำเสนอความจำเป็นที่คนรวยต้องใช้แรงงานคนเพื่อดันฐานะตัวเองขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
จากภาพยนตร์นี้ ส่วนตัวแล้วจึงสรุปไม่ได้ว่า ชื่อเรื่อง “PARASITE” จะหมายถึงใคร ดูผิวเผินก็ต้องเป็นครอบครัวคนจนแน่เลยที่เป็นปรสิต เพราะทำตัวและเหม็นเหมือนแมลงสาบ ทั้งยังคอยแต่จะหาผลประโยชน์เข้าตัวจากคนรวย กระทั่งต้องยอมทำลายคนอื่นที่ต่ำกว่าตนลงไป หรือสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ สวัสดิการจากรัฐ ระบบการเมืองการปกครองของประเทศ ที่ต้องจำเป็นต้องมีคนจนเพื่อคอยรองรับการใช้แรงงาน เพราะถ้าคนจนพากันรวยกันหมด น่ากลัวว่าจะไม่มีแรงงานเหลือให้ได้ใช้ แล้วใครจะจ่ายภาษีเนี่ย คนจนจึงถูกกดทับไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มองในมุมนี้เหมือนว่าคนรวยเป็น ปรสิต เสียเอง
หรือแท้ที่จริงแล้ว ต่างคนต่างเป็นปรสิตให้แก่กันและกัน หรือ ใครคือ ปรสิต ที่แท้จริง
ที่นอน
ภาพจากภาพยนต์ parasite
ภาพจากภาพยนต์ PASITE
ภาพจากภาพยนต์ parasite
เหม็นสาบคนจน
โฆษณา