16 ก.พ. 2020 เวลา 09:11 • ปรัชญา
เมื่อชีวิตมีแต่ข่าวร้าย
ข่าวกำเนิดขึ้นครั้งแรกผ่านคำพูดแบบปากต่อปากในช่วง ค.ศ. 1500-1600 เพื่อ “บอกเล่า”เรื่องราวที่ผู้เดินทางต่างถิ่นได้ประสบพบเจอมา ว่าสถานที่อื่นๆเค้ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเพื่อจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก่อนจะพัฒนามาเป็นเรื่องเล่าผ่านตัวอักษรในรูปแบบของหนังสือพิมพ์ การถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ และออนไลน์มีเดีย เพราะ การสื่อสารในสมัยก่อนไม่ได้สะดวกเหมือนทุกวันนี้ เนื้อหาของข่าวจึงคัดกรองแล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
แต่ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ข่าว..ร้าย ทั้งโรคไวรัส การสังหาร ปล้นจี้และการฆาตกรรม จนเกือบจะเหมารวมได้ว่า ข่าวกับข่าวร้าย คือ คำจำกัดความเดียวกัน เพราะ น้อยนักที่จะเห็นข่าวป่าวประกาศเรื่องดีๆลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง หรือรายการข่าวช่วงไพรม์ไทม์
ส่วนเหตุผลก็ไม่ได้คาดเดายาก เพราะ “ข่าวร้าย ขายได้มากกว่าข่าวดี” ยิ่งในยุคปัจจุบันการเเพร่กระจายของข่าวร้าย ผ่านทวิตเตอร์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตกว่าที่มันควรจะเป็นอยู่บ่อยครั้งและหลายครั้งข่าวปลอมก็ถูกแชร์ไปจนเกินการควบคุม สร้างความโกลาหลในการเช็คและแก้ข่าวอยู่รำ่ไป
การตามข่าวร้ายๆแบบเกาะติดทุกสถานการณ์ สามารถทำให้เราเสพติดความกลัวโดยไม่รู้ตัว เพราะ สมองของมนุษย์มีแนวโน้มที่จะโอนเอียงไปหาความคิดลบ (Negativity Bias) อยู่แล้วตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ผลวิจัยของนักจิตวิทยาอย่าง Shawn Achor, Michelle Gielan และ Arianna Huffington ยังอธิบายว่าการเสพข่าวร้ายนอกจากจะทำให้เกิดความเครียดแล้วยังทำให้อารมณ์ของเราแย่ลง ซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งในแง่ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เพราะ สมองของเราจะมีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยลงจากการอ่านข่าวร้ายๆ
แม้จะมีคำเตือนหรือข้อโต้แย้งว่าการเสพข่าวควรทำอย่างมีวิจารณญาณ แต่วิจารณญาณนั้นจะสามารถควบคุมอารมณ์ของเราที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงหรือ? เพราะ แม้จะอ่านข่าวอย่างมีสติแต่มันก็ยากมากที่จะไม่ “รู้สึก” เศร้า เสียใจ สงสาร ขัดใจ หรือโกรธ ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในเนื้อข่าว
สิ่งที่เราทำได้เพื่อตัวเราเองในวันที่มีแต่ข่าวร้ายเช่นทุกวันนี้ คือ คัดกรองว่าข่าวยังจำเป็นกับเราไหม? ข่าวนำเรื่องที่เราควรหรือจำเป็นต้องรู้มาบอกเราหรือเปล่า? ถ้าเราไม่รู้ข่าวนี้ข่าวนั้นจะทำให้เราฉลาดน้อยลงไหมหรือเราแค่ต้องทำตามๆกันไป เพื่อจะได้คุยกับคนอื่นในสังคมรู้เรื่อง? .. สังคมที่เต็มไปด้วยข่าวร้าย..
#ปั้นลมเป็นเรื่อง
โฆษณา