19 ก.พ. 2020 เวลา 01:00 • ท่องเที่ยว
เที่ยวชายฝั่งเมลเบิร์น ตามเส้นทางสาย Great Ocean Road เพื่อชม เสาหินอัครสาวก "Twelve Apostles"
เมื่อครั้งแอดส่งเพื่อนไปต่อวีซ่าที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เลยถือโอกาสซื้อทัวร์ไปชม เสาหินอัครสาวก จำนวน 12 แท่ง (ตั้งตามจำนวนสาวกทั้ง 12 คนของพระเยซูที่ร่วมโต๊ะเสวยมื้อสุดท้าย) มีอายุประมาณ 15 ล้านปี เกิดจากการกัดเซาะภูเขาหินปูนจากลมและคลื่นทะเล ถือว่าเป็นอีก Landmark ที่ใครมาเที่ยวเมลเบิร์นควรจะมาเยี่ยมชม เพราะเสาหินพังทลายไปตามธรรมชาติหลายแท่ง ปัจจุบันเหลือเพียง 8 แท่งค่ะ
แอดมินเลือกซื้อทัวร์ One-day trip จาก Halftix ซึ่งร่วมบริการกับทัวร์ Grey Line แต่ราคาตั๋วถูกกว่าเกือบครึ่งนึง (เป็นนักเรียนทุนงบน้อยเลยต้องพยายามหาตั๋วถูกค่ะ) ออกจาก CBD (ตัวเมือง) มุ่งหน้าไปยังที่หมายใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง (แวะทานข้าวด้วยค่ะ ปกติใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) ประทับใจในการเดินทางมาก ๆ เพราะ วิวสวย และการบริการค่ะ
ตอนแรกก็กะว่าขึ้นรถแล้วจะงีบหลับเลย แต่คุณลุงคนขับพูดดักคอว่า เรามี Free wi-fi ให้บริการนะ แต่ถ้ามาเที่ยวแล้วไม่สนใจสิ่งรอบตัวที่อยู่รายทาง ก็เหมือนว่ามองข้ามความสวยงามก่อนที่จะถึงจุดหมาย ฟังแล้วกระแทกใจมากค่ะ เลยชมวิวตลอดทาง รถขับลัดเลาะไปตามชายฝั่ง เห็นน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม รับกับท้องฟ้าที่สดใส
คนขับรถที่นี่เรียกว่า All in one ค่ะ พูดทักทายได้หลายภาษา เข้าใจบทสนทนาง่าย ๆ ภาษาไทยก็คุยได้นิดหน่อยค่ะ เป็นทัวร์ไกด์บรรยายตลอดทาง พอถึงจุดชมวิว คุณลุงก็กางโต๊ะ เสิร์ฟชา และเค้กลามิงตัน (Lamington) เค้กสปอนจ์ รูปสีเหลี่ยม ชุบช็อคโกแลตไอซิ่ง และมะพร้าวอบแห้ง
ก่อนถึง Twelve Apostles, Port Campbell National Park ก็แวะอยู่หลายจุดค่ะ อย่างเช่น ประตูทางเข้า Great Ocean Road ถนนสายมรดกแห่งชาติของประเทศออสเตรเลีย จะมีอนุสรณ์รำลึกถึงผู้สร้างถนนสายนี้ซึ่งเป็นทหารที่กลับจากศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณใกล้กันมีทางเดินลงชายหาด Eastern View ให้แวะ (วิ่ง) ไปชมได้
จากนั้นมาได้ครึ่งทาง รถแวะจอดให้เราไปทานอาหารขึ้นชื่อ คือ Fish & chip ที่ร้าน George's Restaurant ใกล้ท่าเรืออพอลโลเบย์ (Apollo Bay) บรรยากาศประมาณ Food court ค่ะ แต่วิวรอบ ๆ นี่สวยมากค่ะ มีสวนสาธารณะที่ดอกไม้สีเหลืองคล้ายดอกกระดุมทองบ้านเราบานเต็มพื้นไปหมด เด็ก ๆ พากันมาตกปลา และผู้ใหญ่นั่งอ่านหนังสือรับลมทะเลเย็น ๆ
พออิ่มท้องก็นั่งรถต่ออีก 45 นาที จนถึง Twelve Apostles ค่ะ คนมาชมเยอะมาก ๆ คุณลุงคนขับกำชับอย่างเคร่งครัดว่าให้ชมตามเวลาที่กำหนด ถ้าสายจะไม่รอ (ไม่รอจริง ๆ ค่ะ) พอได้เห็นเสาหิน น้ำทะเลและคลื่น ทำให้เรารู้สึกว่า คนเรานี่เป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของธรรมชาติจริง ๆ เสียงคลื่นกระแทกกับหินและเขาแรงมาก ๆ ค่ะ แรงจนรู้สึกว่าถ้าเราอยู่ในทะเลบริเวณนั้นคงไม่รอดแน่ ๆ ขนาดหินก้อนใหญ่ ๆ ยังถูกซัดจนพังทลาย ที่นี่หินถูกกัดกร่อนจากลมและคลื่นประมาณปีละ 2 ซม. ค่ะ
เห็นหินธรรมชาติสู้แดด ลม และคลื่นแบบนี้ ก็ยังเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตอีกหลายครอบครัว
เมื่อถ่ายรูปสมใจแล้ว ก็ไปต่อค่ะ ไป Gibson Steps เป็นจุดชมวิวที่ต้องลงบันไดเพื่อไปชมชายหาดค่ะ บันไดทั้งหมดจำนวน 86 ขั้น มีความแคบ ชัน และลื่นมาก ๆ สวนกันได้แค่ 2 คน ถ้าใครกลัวความสูงไม่แนะนำให้มองลงมา เพราะสูงถึง 70 เมตร และไม่แนะนำผู้สูงอายุเดินลงนะคะ
ระหว่างทางก็เดินแวะไป London Arch ตามด้วยที่สุดท้าย เป็นจุดที่แอดมินคิดว่าสวยที่สุด คือ ล็อก อาร์ด จอร์จ (Loch Ard Gorge) อ่าวที่ตั้งชื่อตามเรืออังกฤษที่มาอัปปางบริเวณเกาะใกล้ ๆ ชื่อเกาะ Muttonbird ในปี 1878 มีผู้โดยสารรอดชีวิต เพราะถูกคลื่นซัดเข้ามาในอ่าว 2 คน คือ Tom Pearce และ Eva Carmichael ซึ่ง Tom ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย ส่วน Eva กลับประเทศค่ะ โชคดีที่มีนกนางนวลเป็นใจ แวะมาเดินกรุยกรายเป็นนางแบบให้ด้วย
ทริปนี้เดินทางหนักหน่วงมากค่ะ ออกเดินทาง 7 โมงเช้า กลับถึงตัวเมืองประมาณ 1 ทุ่มค่ะ ถ้าใครมีเวลาและขับรถได้แนะนำให้ค้างคืนดีกว่านะคะ จะดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติและเส้นทางได้มากกว่านี้ค่ะ
โฆษณา