Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
20 ก.พ. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“อัลคาทราซ (Alcatraz) คุกในตำนานแห่งสหรัฐอเมริกา”
ตอนที่ 1
1
บทเกริ่นนำ
“อัลคาทราซ (Alcatraz)” เป็นคุกที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ
คุกนี้เป็นคุกที่ได้ชื่อว่าโหดและมีความเป็นมาที่ยาวนาน
ซีรีส์ชุดนี้จะเป็นเรื่องราวของอัลคาทราซครับ
แต่ก่อนอื่น ผมว่าเราคงต้องย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นกันก่อน
มนุษย์กลุ่มแรกที่มาเยือนเกาะอัลคาทราซน่าจะเป็นพวกชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง โดยพวกเขาน่าจะพายเรือมายังเกาะเพื่อตกปลาหรือเก็บไข่นก แต่คงจะไม่ได้อาศัยอยู่บนเกาะนี้
เป็นไปได้ว่าเกาะนี้ใช้เป็นที่เนรเทศคนที่ถูกขับออกจากชุมชน และชนเผ่าพื้นเมืองก็เชื่อว่าเกาะนี้เป็นที่สิงสถิตของวิญญาณร้าย
เกาะอัลคาทราซนั้นตั้งอยู่ในอ่าวซานฟรานซิสโก และก็รอดพ้นสายตาของนักสำรวจชาวสเปนมาเป็นเวลานานกว่า 200 ปี จนกระทั่งปีค.ศ.1775 (พ.ศ.2318) ได้มีทหารเรือชาวสเปนชื่อ “ฮวน เดอ อายาลา (Juan de Ayala)” ได้พบเกาะนี้
ฮวน เดอ อายาลา (Juan de Ayala)
ในเวลานั้น เกาะนี้ถูกปกคลุมด้วยนกกระทุง และเดอ อายาลาก็ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า “Isla de los Alcatraces” ซึ่งเป็นภาษาสเปนที่แปลว่า “เกาะแห่งนกกระทุง”
ค.ศ.1776 (พ.ศ.2319) ชาวสเปนได้ตั้งโบสถ์ขึ้นบนเกาะนี้ และในเวลาต่อมา เม็กซิโกก็เอาชนะสเปน ได้รับอิสรภาพจากสเปนในปีค.ศ.1821 (พ.ศ.2364)
ซานฟรานซิสโกและแคลิฟอร์เนียได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโก
1
ค.ศ.1846 (พ.ศ.2389) สหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกได้ทำสงครามแย่งชิงดินแดนแถบตะวันตก และภายหลังจากสงครามได้จบลงในปีค.ศ.1848 (พ.ศ.2391) สหรัฐอเมริกาก็สามารถยึดแคลิฟอร์เนียมาได้ และปีนั้นก็เป็นปีที่มีการพบทองคำในแคลิฟอร์เนีย
สงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก
ก่อนที่จะมีการค้นพบทองคำ ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองเล็กๆ แต่เมื่อมีการค้นพบทองคำ ผู้คนก็ได้ย้ายมาเป็นจำนวนมากเพื่อตามหาทองคำ และจำนวนประชากรก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากไม่กี่ร้อยในปีค.ศ.1848 (พ.ศ.2391) กลายเป็นกว่า 30,000 ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี
ซานฟรานซิสโกกลายเป็นเมืองที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในแถบอ่าวทางตะวันตก และสหรัฐอเมริกาก็ต้องหาทางป้องกันการรุกรานจากศัตรู
เกาะอัลคาทราซนั้นตั้งอยู่ตรงกลางอ่าวซานฟรานซิสโก และเป็นจุดที่เหมาะจะตั้งป้อมปราการ
ได้เริ่มมีการก่อสร้างบนเกาะอัลคาทราซในปีค.ศ.1853 (พ.ศ.2396) โดยหินทรายบนเกาะนี้สามารถใช้ขวานตัดได้ จึงต้องมีการสั่งวัสดุที่แข็งแรงกว่าเพื่อใช้ในการก่อสร้าง โดยต้องสั่งมาจากนิวยอร์กหรือจีน
ประภาคารบนอัลคาทราซสร้างเสร็จในปีค.ศ.1854 (พ.ศ.2397) และภายในปลายปีค.ศ.1859 (พ.ศ.2402) การก่อสร้างป้อมปราการก็ได้เสร็จสมบูรณ์
ป้อมปราการนั้นมีความสูงถึงสามชั้นและตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะ โดยกำแพงของป้อมปราการนั้นมีความหนาถึงสี่นิ้วและมีช่องให้ติดตั้งปืน
1
แต่ต่อมา ป้อมปราการนี้ก็ใช้เป็นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ และปืนใหญ่ต่างๆ ก็มีหน้าที่เพียงแค่เป็นของตกแต่งสวนเท่านั้น
1
ค.ศ.1861 (พ.ศ.2404) รัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกาได้แยกออกมาจากสหพันธรัฐ และได้ตั้งประเทศของตนเองที่เรียกว่า “สมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate States of America)”
1
สงครามกลางเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว
นายพล “เอดวิน โวส ซัมเนอร์ (Edwin Vose Sumner)” เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและบังคับบัญชากองพลประจำเกาะอัลคาทราซ
เอดวิน โวส ซัมเนอร์ (Edwin Vose Sumner)
ซัมเนอร์ออกคำสั่งให้ทหารยิงปืนใส่เรือทุกลำที่แขวนธงสมาพันธรัฐ ทำให้อัลคาทราซไม่เพียงทำหน้าที่ป้องกันซานฟรานซิสโกจากฝ่ายสมาพันธรัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นคุกทหาร ทำหน้าที่ขังทหารที่หนีทัพหรือทำความผิด รวมทั้งทหารฝ่ายสมาพันธรัฐอีกด้วย
สำหรับชีวิตที่อัลคาทราซนั้นก็เป็นชีวิตที่เลวร้าย นักโทษต้องทำงานทั้งวัน โดยนักโทษจำนวนกว่า 15 คนต้องพักอยู่ในห้องใต้ดินเล็กๆ ห้องเดียว และก็ไม่มีห้องน้ำ มีเพียงถังที่เตรียมไว้เท่านั้น
ห้องขังได้ถูกสร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยแรงงานก็คือเหล่านักโทษนั้นเอง
1
ภายในปีค.ศ.1904 (พ.ศ.2447) อัลคาทราซก็มีที่พอสำหรับนักโทษกว่า 300 คน โดยนักโทษส่วนมากบนเกาะจะเป็นนักโทษที่ได้รับโทษไม่นาน แต่นักโทษบางรายก็เป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ เช่นนักโทษคดีฆาตกรรม
สภาพความเป็นอยู่บนอัลคาทราซก็ได้รับการปรับปรุง นักโทษอยู่ในห้องขังเพียงเวลาที่เข้านอน แต่ในตอนกลางวัน นักโทษต้องทำงาน
หลายรายทำงานสร้างถนนหรือไม่ก็ทำความสะอาดเรือนจำ คนที่อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ก็สามารถเข้าเรียน รวมทั้งมีการสอนการทำการค้าอีกด้วย ส่วนในช่วงเวลาว่าง นักโทษก็ได้รับอนุญาตให้เดินเล่นรอบๆ เกาะได้ บางรายก็ทำงานเป็นคนรับใช้ให้กับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ๆ มาอาศัยบนเกาะ
1
สำหรับระบบการรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้เข้มงวดนัก ทำให้มีนักโทษหลายรายพยายามจะหนีออกจากเกาะโดยการแอบขโมยเรือหรือไม่ก็ว่ายน้ำหนี แต่ก็มักจะไม่ค่อยสำเร็จ
ราวปีค.ศ.1909 (พ.ศ.2452) ได้เริ่มการก่อสร้างห้องขังที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะจุนักโทษได้กว่า 600 คน และแยกแต่ละคน คนละห้องขัง
ในเรือนจำนี้จะมีทั้งหอประชุม ห้องสมุด ห้องอาบน้ำ ห้องครัว ห้องอาหาร
โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ และนักโทษก็ต้องใช้เวลากว่าสามปีในการสร้างเรือนจำใหม่นี้
แต่ในเวลาต่อมา กองทัพสหรัฐก็คิดว่าการเปิดดำเนินการอัลคาทราซต่อไปนั้นเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ จึงได้ส่งมอบอัลคาทราซให้ไปอยู่ในการดูแลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ
อาชญากรรมในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เหล่าอาชญากรนั้นล้วนแต่เหี้ยมโหด มีทั้งการปล้นธนาคาร เรียกค่าไถ่ รวมทั้งการฆ่าก็มีสูง จำนวนนักโทษก็พุ่งสูงขึ้นอีก
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจึงได้วางแผนที่จะจัดการกับอัลคาทราซ อัลคาทราซจะต้องเป็นเรือนจำที่ใหญ่ เข้มงวด และโหดพอที่จะสามารถใช้คุมขังอาชญากรตัวเอ้ และยังเป็นเหมือนการขู่ไม่ให้คนกล้าทำผิด
แต่ที่โดดเด่นที่สุด นั่นก็คืออัลคาทราซจะเป็นคุกที่ไม่ว่านักโทษคนไหนก็ยากที่จะหนีออกไปได้
เรื่องราวของอัลคาทราซจะเป็นอย่างไรต่อ ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
References:
https://www.thoughtco.com/alcatraz-prison-overview-1435716
https://www.nps.gov/alca/learn/historyculture/index.htm
https://www.britannica.com/place/Alcatraz-Island
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Alcatraz_Federal_Penitentiary
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Alcatraz_Island
https://www.history.com/topics/crime/alcatraz
http://www.prisonhistory.net/famous-prisons/alcatraz/
https://www.legendsofamerica.com/ca-alcatraz/
https://traveltips.usatoday.com/history-alcatraz-island-11753.html
37 บันทึก
202
23
19
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
“อัลคาทราซ (Alcatraz) คุกในตำนานแห่งสหรัฐอเมริกา”
37
202
23
19
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย