1) ความชัดเจนของขอบเขต (boundaries) – คนในชุมชนกำหนดและแยกแยะได้ว่าใครมีสิทธิ์ใช้ทรัพยากร ใครไม่มีสิทธิ์ และสามารถระบุขอบเขตของทรัพยากรร่วมที่อยู่ภายใต้การจัดการ
2) ความสอดคล้อง (congruence) – หมายรวมทั้งความสอดคล้องระหว่างกฎกติกาของชุมชนกับเงื่อนไขทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
3) ระบบที่เปิดให้สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและปรับปรุงกฎกติกา (collective-choice arrangements)
4) การสอดส่องดูแลที่มีประสิทธิผล (effective monitoring) – ต้องมีกลไกการสอดส่องดูแลว่าสมาชิกใช้ทรัพยากรตามกติกาที่ตกลงร่วมกันหรือไม่เพียงใด
5) มีการลงโทษอย่างค่อยเป็นค่อยไป (graduated sanctions) – คนที่ละเมิดกฎกติกาครั้งแรกๆ จะถูกลงโทษค่อนข้างเบา ถ้าทำผิดซ้ำซากจะถูกลงโทษรุนแรงขึ้น
6) มีกลไกจัดการความขัดแย้ง (conflict resolution mechanisms) ที่มีต้นทุนต่ำและเข้าถึงได้ง่าย – ทั้งกลไกระหว่างผู้ใช้กันเอง (เช่น ระบบชลประทานชุมชนหลายแห่งมอบหมายให้ผู้อาวุโสในชุมชนเป็นคนไกล่เกลี่ย) และกลไกระหว่างผู้ใช้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
7) รัฐให้การยอมรับในสิทธิของชุมชน (recognition of rights) – ชุมชนที่ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากรัฐว่ามีสิทธิในการวางกติกา ใช้ และจัดการทรัพยากรร่วม
8) สำหรับทรัพยากรร่วมที่มีขนาดใหญ่ กติกาและกระบวนการจัดการทรัพยากรจะต้องเชื่อมโยงสอดรับกับระบบที่ใหญ่กว่า อาทิ กฎหมาย (nested enterprises) #โดยมีระบบการจัดการของชุมชนเป็นฐานราก