22 ก.พ. 2020 เวลา 15:27
คุณกลัวผีมั้ย? คุณเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า?
ผมคงไม่ใช่คนที่จะมาตอบคุณว่าผีมีจริงหรือไม่ มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราทุกคนต่างก็กลัวผีกันมาตั้งแต่เด็ก
แล้วทำไมเราถึงต้องกลัวผีล่ะ?
“ผีคือสัญลักษณ์แห่งความตาย” สิ่งมีชีวิตไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ล้วนแต่กลัวความตายกันทั้งนั้น เพราะความกลัวตายมันเป็นสัญชาตญาณของเราไงล่ะ
เรามีความกลัวตายติดตัวทั้งๆที่ไม่ต้องมีใครมาสอน
แล้วถ้ามีคนแปลกหน้าถือปืนบุกเข้ามาในบ้านคุณ กับผีที่จะมาหลอกคุณคืนนี้ คุณจะกลัวสิ่งไหนมากกว่ากัน แน่นอนว่าคุณต้องกลัวคนที่จะมายิงคุณสิ!
เพราะสิ่งที่คุณกลัวที่สุดคือความตาย ไม่ใช่ผี
แต่ปัญหาก็คือไอ้ความน่ากลัวจนขนลุกขนพองที่มันคอยหลอกหลอนเราอยู่เหลือเกินเนี่ย มันคือผีที่เรากลัวทั้งๆที่ไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น มากกว่ากลัวคนปกติธรรมดาที่ไม่รู้ว่าพกอาวุธมาทำร้ายเรารึเปล่า
แล้วไอ้ความกลัวผีนี่มันมาจากไหน?
ถ้าจะหาสาเหตุว่าความกลัวผีนี่มาจากไหน คงต้องย้อนไปตอนวัยเด็กแล้วล่ะ เรามารู้จักคำว่าผีก็เพราะคนอื่นเล่าให้ฟัง เพราะคนเฒ่าคนแก่ที่เขาเชื่อกันอยู่แล้วพูดให้ฟัง บางทีก็ใช้ขู่เราบ้างตอนเราดื้อ ซึ่งมันก็ได้ผล
พอโตขึ้นมาอีกหน่อยเราก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องผี เราต่างก็ดูจากละครบ้าง ดูหนังบ้าง ฟังจากวิทยุบ้าง ฟังจากเพื่อนเล่าบ้าง ต่างๆนาๆ
น่าแปลกนะทั้งๆที่เรากลัวแต่เราก็ชอบเสพเรื่องผีๆ
ก็เพราะว่ามันน่าตื่นเต้นยังไงล่ะ ธรรมชาติของคนเราชอบความตื่นเต้นกันอยู่แล้ว ไม่แปลกที่คนกลัวผีหรือเชื่อเรื่องผีจะชอบดูหนังผี เพราะมันยิ่งทำให้ตื่นเต้นมากว่าคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ก็เพราะเขาไม่เชื่อเขาจึงไม่กลัว เมื่อไม่กลัวมันก็เลยไม่ค่อยน่าตื่นเต้นยังไงล่ะ
เรามักจะเคยได้ยินว่าคนที่มีสัมผัสที่ 6 จะสามารถรับรู้ถึงการมีของผีได้ ส่วนคนที่ไม่มีสัมผัสเนี่ย ก็คงอดที่จะได้เห็นผี เรื่องนี้ผมขออธิบายในมุมของผมนะ ว่าคนเราเนี่ย มีสัมผัสที่ 6 กันทุกคนแหละ มียังไงน่ะหรอ?
สัมผัสทั้ง 5 ของเราก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง และผิวสัมผัส ซึ่งคนปกติก็มีกันอยู่แล้ว ส่วนสัมผัสที่หกเนี่ย ก็คือ ความคิด(อารมณ์และความรู้สึก) ยังไงล่ะ ซึ่งเรื่องนี้ผมคงไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะมันค่อนข้างอธิบายยาก
แล้วคุณเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมผีต้องชอบโผล่มาตอนกลางคืนหรือว่าในที่มืดๆ? ทำไมไม่โผล่มาตอนกลางวันแดดจ้าๆ หรือโผล่มากลางสนามหน้าบ้าน หรือแหล่งชุมชน ให้คนทั้งโลกรู้ว่า "เนี้ย! มาแล้วนะ!" "กูเป็นผีนะเว้ย" "กูมีจริงๆนะ" จะได้ไม่ต้องมีใครกล้าลบหลู่อีก ทีนี้ล่ะคุณไม่ต้องลำบากไปขอส่วนบุญ บุญมาหาคุณถึงที่ไม่อั้นแน่ๆ (ถ้าคุณให้เลขแม่นอ่ะนะ)
ทีนี้ถ้าถามผมว่าทำไมเจ้าผีทั้งหลายเนี่ยต้องชอบโผล่มาตอนกลางคืนหรือในที่มืดๆ (แถมยังชอบให้เห็นแบบส่วนตัวด้วย ไม่ชอบให้คนเห็นเยอะๆ)
คำตอบอาจจะไม่ถูกใจคนที่เชื่อเรื่องผีนะครับ
สาเหตุที่ผีชอบปรากฏตัวให้เห็นในตอนกลางคืนเนี่ย ก็เพราะว่าตอนกลางคืนเราจะมีวิสัยทัศน์ไม่ดีเหมือนตอนกลางวันไงครับ
เวลาเห็นแสงกระทบกับวัตถุในที่มืดๆ บวกกับสัมผัสที่6ของเรา (จินตนาการ+ความเชื่อ) มันก็ทำให้มีสิ่งที่เราเรียกว่าผี ปรากฏตัวขึ้นมาได้เหมือนกัน
ที่แย่ไปกว่านั้น ถ้าคุณเห็นแล้วยังไม่รีบตั้งสติ หรือปล่อยให้ตัวเองสติแตก
คราวนี้แหละคุณจะเหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปราบผีได้ดีที่สุดไม่ใช่พระ แต่เป็นสติของคุณเองตังหากล่ะ
ถ้าคุณจะมาถามผมเรื่องคนทรงหรืออาการ
ผีเข้า ผมจะไม่แตะเรื่องนี้นะ เพราะมันมีผล
กระทบค่อนข้างมาก
เอาล่ะปัญหาส่วนใหญ่คงไม่ใช่เรื่องผีมีจริงหรือไม่ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเรากลัวผีตังหาก บางคนกลัวจนไม่กล้านอนคนเดียว บางคนก็กลัวจนไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำกลางดึก
ทีนี้เราจะทำยังไงไม่ให้กลัวล่ะ วิธีที่ง่ายที่สุดคือเลิกเสพก่อน แน่นอนถ้าคุณชอบเสพเรื่องผีๆ เรื่องผีๆก็จะตามหลอกหลอนคุณอยู่ทุกที่
อีกวิธีที่เด็ดสุดและได้ผลจริง คือในขณะที่คุณอยู่ในสถานการณ์ที่คิดว่ากลัวผีหรือกำลังจะเจอผี ให้คุณ หยุด!!! ความคิดนั้นก่อน...
ให้คุณหันไปคิดเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องผี อาจจะเป็นเรื่องความรักของคุณ เรื่องตลกที่คุณเพิ่งนึกได้ หรือไม่ก็เรื่องดราม่าในหัวของคุณที่เข้มข้นพอที่จะกลบเกลื่อนเรื่องผีได้ เพราะถ้าคุณยังเผลอคิดเรื่องผีต่ออีก มันจะเป็นเหมือนสโนว์บอลซึ่งจะทำให้คุณคิดต่อเป็นทอดๆ วิธีหยุดความคิดนี้ จึงเหมือนกับ
การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
และจงตั้งสติให้ดีๆ ถ้าหากว่าคุณเผลอไปมองเห็นอะไรหรือได้ยินเสียงอะไรที่คิดว่าเป็นผี ให้นิ่งและตั้งสติให้มั่นและกัดฟันเผชิญหน้ากับมัน คิดพิจารณาให้ดีว่าสิ่งที่เราได้เห็นได้ยินมานั้น จริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ เชื่อผมเถอะ
ว่าสิ่งที่คุณกำลังต่อสู้อยู่ไม่ใช่ผี แต่เป็นความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในใจของคุณ
ต่างหาก
ข้อสรุปของบทความนี้คือ
ถ้าคุณเชื่อว่าผีมีจริง มันก็จะมี
ถ้าคุณเชื่อว่าผีไม่มี มันก็จะไม่มี
แล้วคุณจะเลือกเชื่อแบบไหนล่ะ?
สุดท้ายแล้วผมหวังว่าบทความทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ในผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย นี่เป็นการเขียนบทความครั้งแรกของผม หากมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ
โฆษณา