23 ก.พ. 2020 เวลา 00:03
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ หน้าที่ 129
๔. สมยสูตร
ว่าด้วยสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร ๕
[๕๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นคนแก่ ถูกชราครอบงำนี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้อาพาธ ถูกพยาธิครอบงำ นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๒
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ หน้าที่ 130
อีกประการหนึ่ง สมัยที่มีข้าวแพง ข้าวเสียหาย มีบิณฑบาตหาได้ยาก ไม่สะดวกที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปได้ด้วยการแสวงหาบิณฑบาต นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๓
อีกประการหนึ่ง สมัยที่มีภัย มีความกำเริบในป่าดง ชาวชนบทพากันขึ้นยานพาหนะอพยพไป นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๔
อีกประการหนึ่ง สมัยที่สงฆ์แตกกัน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว ย่อมมีการด่ากันและกัน บริภาษกันและกัน มีการใส่ร้ายกันและกัน มีการทอดทิ้งกันและกัน
คนผู้ไม่เลื่อมใสในสงฆ์หมู่นั้นย่อมไม่เลื่อมใสและคนบางพวกที่เลื่อมใสย่อมเป็นอย่างอื่นไป นี้เป็นสมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร
ข้อที่ ๕ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ไม่ควรบำเพ็ญเพียร ๕ ประการนี้แล.
ว่าด้วยสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียร ๕
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ควรบำเพ็ญเพียร ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นหนุ่มแน่น มีผมดำสนิท
ประกอบด้วยความเป็นหนุ่ม ตั้งอยู่ในปฐมวัย นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๑
อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง ประกอบด้วยไฟธาตุที่เผาอาหารให้ย่อยสม่ำเสมอ ไม่เย็นนัก ไม่ร้อนนัก
เป็นปานกลางควรแก่การบำเพ็ญเพียร นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๒
อีกประการหนึ่ง สมัยที่ข้าวถูก ข้าวดี มีบิณฑบาตหาได้ง่าย สะดวกที่จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการแสวงหาบิณฑบาต นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๓
อีกประการหนึ่ง สมัยที่พวกมนุษย์พร้อมเพรียงกัน [สามัคคีกัน]ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน เป็นเหมือนน้ำนมกับน้ำ มองดูกันและกันด้วยจักษุที่ประกอบด้วยความรัก นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๔
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ หน้าที่ 131
อีกประการหนึ่ง สมัยที่สงฆ์พร้อมเพรียงกัน ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน มีอุเทศร่วมกัน ย่อมอยู่เป็นผาสุก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์สมัครสมานกันย่อมไม่มีการด่ากันและกัน
ไม่บริภาษกันและกัน
ไม่มีการใส่ร้ายกันและกัน
ไม่มีการทอดทิ้งกันและกัน
คนผู้ไม่เลื่อมใสในสงฆ์หมู่นั้น ย่อมเลื่อมใส และ
คนที่เลื่อมใสแล้ว ย่อมเลื่อมใสยิ่งขึ้นไป นี้เป็นสมัยที่ควรบำเพ็ญเพียรข้อที่ ๕
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ควรบำเพ็ญเพียร ๕ ประการนี้แล
จบสมยสูตรที่ ๔
อรรถกถาสมยสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสมยสูตรที่ ๔ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ปธานาย คือ เพื่อประโยชน์แก่การกระทำความเพียร.
บทว่า น สุกรํ อุญฺเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุํ
ความว่า ภิกษุทั้งหลายไม่สามารถที่จะยังชีพอยู่ได้ ด้วยการอุ้มบาตรไปเที่ยวขอมา.
ในสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสทั้งวัฏฏะและวิวัฏฏะ.
จบอรรถกถาสมยสูตรที่ ๔
โฆษณา