24 ก.พ. 2020 เวลา 11:21 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน “Law ฟัง You” จัดขึ้นเพื่อมีเป้าหมายในการพัฒนาแพลตฟอร์มการแสดงความคิดเห็นด้านกฎหมายเพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น และมีช่วงหนึ่งของงานที่พูดถึง “การออกแบบ User Experience (UX)”
โดย คุณป๋อม สุธัม ธรรมวงศ์ - Senior Consultant, Experience Designer บริษัท ThoughtWorks และ Co-founder หมีเรื่องมาเล่า
คุณป๋อม สุธัม ธรรมวงศ์
ซึ่งผมมองว่ามันสามารถนำมาปรับใช้ได้กับการออกแบบหรือการแก้ไขปัญหาสังคมได้อีกหลายอย่าง เลยขออาสาสรุป “5 เทคนิคการออกแบบ User Experience (UX)” มาให้ทุกคนนำไปปรับใช้กันครับ
1.จงเป็นเด็กที่ “ขี้สงสัย” และ "ใคร่รู้”
.
เมื่อเราโตขึ้น เก่งขึ้น ทีประสบการณ์มากขึ้น อาจทำให้ “ความขี้สงสัย” ลดน้อยลง ซึ่งมันทำให้เกิด “การคิดไปเอง” ว่าคนอื่นต้องเป็นอย่างที่เราคิด ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่
ผู้ออกแบบที่ดี ให้ทำตัวเหมือน “เด็ก” ที่อยากรู้อย่างเห็น ตั้งคำถาม และคิดต่อยอดอยู่เสมอ อย่าไปคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว เพราะมันจะทำให้เราหยุดพัฒนานั้นเอง
2.เข้าใจ “User Story” หานิยามให้กับคำว่า “People” เสมอ
.
เวลาได้ยินคนพูดว่า “เค้าบอกว่า...” สงสัยไหมว่าคำว่า “เค้า" คือใคร
การออกแบบที่ดี ต้องรู้จริง ๆ ว่า "ใคร" เป็นผู้ใช้งาน
.
สิ่งที่พี่ป๋อมหยิบยกมาเป็นทางลัดนั้นคือ “User Story” แปลง่าย ๆ คือ “เรื่องราวของผู้ใช้งาน” ประกอบด้วยกัน 3 อย่างหลัก ๆ นั้นคือ
.
As a _______ = คน ๆ นั้นเป็นใคร? (Who?)
I want _____ = เขาต้องการอะไร? (What?)
So that_____ = เขาทำไปทำไม? (Why?)
.
เมื่อเราเข้าใจผู้ใช้บริการ เข้าใจบริบทของเขาชัดขึ้น ยึดไว้เสมอว่าเราออกแบบสิ่งนี้เพื่อใคร? สิ่งที่เราออกแบบก็จะตอบโจทย์เขาได้มากขึ้นนั้นเอง
3.ใช้ “คำถาม” ที่ถูกต้อง และ “สังเกต” ในสิ่งที่เขาไม่ได้พูด
เวลาเราไปทำ Research หรือ สัมภาษณ์ผู้ใช้งานเพื่อให้ได้ “Insight” เพื่อที่จะนำข้อมูลมาประกอบการออกแบบ ให้ถาม "คำถามปลายเปิด” และ "ไม่ชี้นำคำตอบ" อาจมีลำดับการถามง่าย ๆ ดังนี้
.
ตัวอย่างเรื่อง การซื้อของในโลกออนไลน์
[Background] - ถามข้อมูลทั่วไป (สร้างความผ่อนคลาย) เช่น ทำงานที่ไหน? กิจกรรมยามว่างทำอะไร?
[How] - ปกติซื้อสินค้าที่ไหนบ้าง?
[Why] - ทำไมถึงซื้อที่นั้น?
[Problem] - ปัญหาที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
.
ที่สำคัญคืออย่าพึ่งกระโดดไปที่ Solution เลย เพราะบางครั้งเราจะ "ติดกรอบ” ยึดติดกับสิ่งที่เราคิดว่าใช้ ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้เข้าใจผู้ใช้งานจริง ๆ
4.ต่อยอดไอเดียโดยใช้คำว่า “Yes and...”
หลังจากที่เราเริ่มเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ของผู้ใช้งาน ถึงเวลาระดมความคิดเสนอไอเดียเพื่อใช้ในการออกแบบ
เวลาคนในทีมเสนอไอเดีย เราควรจะเน้น “การคิดต่อยอด” มากกว่า “การหักล้างหรือค้านกัน” ให้คิดต่อยอดว่าเราจะทำยังไงให้ไอเดียนั้นสำเร็จ จะไม่พูดว่า "มันทำไม่ได้หรอก" เมื่อทำเช่นนี้เราจะได้ไอเดียที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
นี่คือ “Yes and...” ถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่ง
5."Product ไม่มีวันตาย" ถ้าเราพัฒนามันอยู่เสมอ
การออกแบบไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว เราไม่สามารถสิ่งที่สมบูรณ์แบบ 100% ได้ แต่เราทำให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ โดยการเก็บ Feedback จากผู้ใช้งานและนำข้อมูลมาวัดผลเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ และการพัฒนาที่มากขึ้น
.
Understand (เข้าใจ) —> Create (สร้าง) —> Test (ทดลอง) —> Measure (วัดผล) —> Understand(เข้าใจมากขึ้น) —> …...
ระหว่างที่ทำสรุปอันนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Mark Twain ที่ว่า
“Continuous Improvement is better than delayed perfection”
“การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้นดียิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบที่ล่าช้า”
ขอขอบคุณผู้ที่ทำให้เกิดงานนี้เกิดขึ้นด้วยครับ
#LawฟังYou #อาสาสรุป
ติดตามสรุปงานอื่น ๆ ได้ที่
.
สารบัญ อาสาสรุป : http://bit.ly/SarabunTheConclusion
โฆษณา