25 ก.พ. 2020 เวลา 10:21 • ปรัชญา
กำแพง...
“ผมไม่ได้ถูกแกล้งสักหน่อย” นาวายืนกรานหนักแน่น
เปมิการู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งที่เห็นลูกชายอยู่อย่าง โดดเดี่ยว
นาวาเป็นเด็กที่ชอบเล่นฟุตบอลมาก แต่เพื่อนๆ
ไม่ยอมชวนเขาไปเล่นด้วย หลังเลิกเรียนทุกวันเขาจึงต้อง
ไปโยนและรับลูกบอลที่กำแพงคนเดียวในสวนสาธารณะ...
นาวาเคยเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ แต่เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อน
วันหนึ่งขณะที่เปมิกาจ่ายตลาดเสร็จและกำลังเดินกลับบ้าน
เธอเดินผ่านโรงเรียนและเห็นว่านาวากำลังเล่นฟุตบอลกับเพื่อนอยู่ในสนาม เหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากจังหวะที่นาวาเข้าขัดขวางการบุกของฝ่ายตรงข้ามและทำให้ บอลเด้งมาโดนมือเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนร่วมทีมต่างรุมตำหนินาวาอย่างไม่ไว้หน้า โดยไม่รอVAR...
“นายนี่เล่นห่วยจริงๆ เลย!” “เพราะนายนั่นแหละ เราถึงเสียจุดโทษ” “ถ้าทีมเราจะแพ้ก็เพราะนายนี่แหละ!” เปมิกานึกเจ็บใจแทนนาวาที่ไม่มีใครมองเห็นข้อดีของเขาเลย เธอยังทนไม่ได้ที่ต้องเห็นลูกยิ้ม และ ขอ โทษเพื่อนทั้งๆ ที่พวกเขาพูดจาไม่ดีใส่ ... และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเพื่อนๆ ก็ไม่ชวนนาวาไปเล่นฟุตบอลด้วยอีกเลย...
“นายน่ะเป็นตัวถ่วง ใครจะอยากเล่นด้วยล่ะ” เพื่อนพูดกับเขาอย่างนั้น นาวาเองก็ดูจะทุกข์ใจอยู่ไม่น้อยที่ไม่มีใครชวนไป เล่นฟุตบอลบอลด้วย ซึ่งเปมิกาเองก็รู้ดีเพราะสังเกตเห็นได้ว่านาวาหงุดหงิดใส่เธอบ่อยขึ้นแต่นาวาก็ไม่เคยบอกกับ
แม่ว่าเขาเหงาหรือทุกข์ใจเลย.....
สำหรับเปมิกาแล้ว เรื่องที่เธอทุกข์ใจมากที่สุดก็คือการที่ลูกชายไม่ยอมเปิดใจกับเธอ “ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ลูกชายของเธอยังคงยืนยันเช่นเดิม...
สาลินีเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างสนิทสนมกันโทรศัพท์มาหาเธอในคืนนั้น “คุณเปรมคะนาวาเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างไหมคะ”
“เอ๊ะ ก็เปล่านี่คะ” “คือว่าวันนี้ฉันพาลูกไปเล่นชิงช้าที่สวนสาธารณะมาน่ะค่ะ แล้วก็เห็นนาวากำลังเล่นฟุตบอลอยู่คนเดียว แต่จู่ๆ เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันเจ็ดแปดคนก็เดินไปบอกกับนาวาว่า “เรากำลังจะไปเล่นฟุตบอลกัน ไปก่อนนะเพื่อน !” เท่านั้นไม่พอ เด็กคนหนึ่งยังขว้างลูกบอลใส นาวาด้วยค่ะ
แล้วนาวาเลยรีบกลับบ้านทันที ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำยังไงดี”
เปมิกาอึ้งไปชั่วขณะ “มีเรื่องขนาดนี้นาวายังไม่ยอมเล่าให้ฟังเลย” เปมิกาเสียใจที่ลูกไม่เปิดใจปรับทุกข์กับเธอแต่ก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะเซ้าซี้ลูกในวันนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่สามีออกไปทำงานและนาวาไปโรงเรียน
เธอจึงได้มีโอกาสนั่งทบทวนชีวิตของตัวเธอเอง
และเธอก็ได้พบว่าในชวิตช่วงวัยรุ่นของเธอเองก็มีส่วนคล้ายกับนาวาเหมือกัน คือเธอไม่ยอมเปิดใจให้กับพ่อผู้เข้มงวดจู้จี้ขี้บ่น มีครั้งหนึ่งเธอบอกกับที่บ้านว่าจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน
แต่เธอกลับแอบหนีเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆในกลุ่มและพ่อก็จับได้ว่าเธอโกหก เวลาอาหารเย็นวันนั้นจึงกลายเป็นชั่วโมงสอบสวน และเทศนายกใหญ่ "แกแอบไปเที่ยวมาเหรอ...มีผู้ชายอยู่ด้วยใช่มั๊ย แอบทำมิดีมิร้ายกันรึเปล่าฉันยังไม่อยากเลี้ยงหลานนะ ไม่สนใจอนาคตตัวเองก็ตามใจ หนีไปอยู่ด้วยกันเลยมั้ยฉันจะได้ไม่ต้องลำบากหาเงินส่งแกเรียน"
"ก็เพราะพ่อเป็นเสียแบบนี้หนูถึงต้องโกหกไงเล่า! พ่อนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุไม่รู้ตัวหรือยังไง" เธอยังคงจำน้ำตาแห่งความคับแค้นใจได้ดี ทั้งๆที่เธอไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อพูดก็ตามที
🏰กำแพงของเปมิกา ที่มีต่อพ่อนั้นสูงและหนาแน่นอยู่ภายในใจจนแม้วันที่เธอเรียนจบมหวิทยาลัยและได้แต่งงานออกจากบ้านมาแล้ว กำแพงนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพังทลายลงได้เลย... และวันนี้เธอเริ่มเข้าใจถึงความทุกข์ของพ่อและถ้าเปรียบเทียบกับความทุกข์ของเธอ มันคงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เธอร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงโดยไม่รู้ตัว...และไม่เคยรู้เลยว่าพ่อนั้นทุกข์ใจกับการต่อต้านของลูกสาวอย่างเธอมากขนาดไหน
...ตอนสายของวันนั้นเธอตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดโทรกลับบ้านเพื่อจะคุยกับพ่อและขอโทษในสิ่งที่ค้างในใจมานาน —- "ทำไมอยู่ๆลูกอยากจะคุยกับพ่อล่ะจ๊ะ งั้นรอแป๊บนะ''  —  "ว่าไง" เสียงชายแก่ปลายสายดังห้วนๆ "พ่อสบายดีมั้ยคะ. พ่อคะ.....คือที่ผ่านมา หนูรู้ว่าพ่อหวังดีกับหนู...หนูอยากขอโทษในสิ่งที่หนูเคยทำให้พ่อไม่สบายใจ หนูเอาแต่โทษพ่อ หนูไม่เคย คิดว่าพ่อต้องลำบากแค่ไหน หนูขอโทษที่ต่อต้านพ่อมาตลอด.....หนู...."  พ่อไม่ได้ตอบอะไร แต่มีเพียงเสียงของแม่ที่ถามกลับมาว่า "เปรมทะเลาะอะไรกับพ่อเขารึเปล่าลูก" เสียงปลายสายฟังดูร้อนรนเมื่อเห็นสามีของเธอทรุดลงนั่งร้องไห้โฮ โดยไม่พูดอะไรสักคำ  "ไม่มีอะไรหรอกคุณเปรมเค้าก็แค่อยากขอโทษผมน่ะ" เสียงปลายสายลอดผ่านหูเข้ามา เธอจึงรีบตัดบทบอกกลับไปว่า งั้นแค่นี้ก่อนนะคะแม่ หวัดดีค่ะ....
hhhhmmmmmzzz.....เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่....เปมิการู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยเธอได้เริ่มทำลายกำแพงของเธอที่มีต่อพ่อลงได้บ้างแล้ว
แล้ววันนี้ทั้งวันเธอก็วุ่นอยู่กับความคิดและการสังเกตตัวเองจนไม่เป็นอันทำงานบ้านเลย “แย่แล้ว ข้าวเย็นล่ะ”ตอนนั้นเองคือเวลาที่นาวากลับมาจากโรงเรียน
“แม่ฮะ ผมมีอะไรละเล่าให้ฟัง!” “เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอ” เธอเริ่มมีสติกลับมาจากความคิดที่สับสน “แม่รู้จักมังกรใช่ไหมฮะ คือเมื่อวานนี้ที่สวนสาธารณะ มังกรเขาเอาลูกบอลขว้างใส่ผมละ”
“เอ๊ะ อ้าว เหรอจ๊ะ มังกรคนที่ชอบแกล้งลูกนะเหรอ”
“เมื่อกี้ตอนผมกำลังจะกลับบ้าน มังกรมาที่สวนสาธารณะแล้วพูดกับผมว่า “ขอโทษที่แกล้งนายนะ”
“เหรอจ๊ะ!” เปมิกาพูด
เธอรู้สึกเหมือนได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ ‘เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ต้องเป็นผลจากการที่ฉัน ปรับความเข้าใจกับพ่อแน่ๆ’เธอรู้สึกเช่นนั้น  เปมิกาอยากคุยกับนาวาจึงตัดสินใจสั่งอาหารมากิน
ระหว่างที่รอ เธอบอกกับนาวาว่า “แม่ขอโทษที่จู้จี้วุ่นวายกับลูกมาตลอดนะจ๊ะ จากนี้ไปแม่จะไม่ขี้บ่นแล้วละ ถ้ามีอะไรอยากให้แม่ช่วยก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ แม่ไว้ใจลูกนะจ๊ะ” นาวาหน้าบานด้วยความดีใจและตอบว่า “ครับแม่ ขอบคุณครับ” ความจริงแล้วนาวาก็อยากให้แม่ไว้ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
💝“วันนี้แปลกจังแฮะ! ทำไมมีแต่เรื่องดีๆ นะ” นาวาพูดต่อ
เปมิการู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที. ต่อมาไม่นาน อาหารก็มาส่งที่บ้าน “แม่จะรอพ่อกลับมาก่อน ลูกกินไปเลยนะ”
“อ้าว เกิดอะไรขึ้นฮะแม ปกติแม่กินก่อนนี่นา”
“วันนี้แม่อยากกินกับพ่อน่ะจ้ะ พ่อทำงานกลับมาคงเหนื่อย ให้กินข้าวเย็นชืดอยู่คนเดียว น่าสงสารออก”
“ถ้าอย่างงั้นผมจะกินกับพ่อด้วย! กินด้วยกันสามคนน่าสนุกกว่านะฮะ” ลูกมีนํ้าใจจริงๆ เหมือนพ่อเปี๊ยบเลย”
💝“แปลกอีกแล้ว ปกติแม่บอกว่าพ่อไม่มีสมบัติผู้ดีนี่นา”
“นั่นสินะ แม่คิดผิดไปเองแหละ พ่อเป็นคนใจดีเข้มแข็ง...เป็นลูกผู้ชายตัวจริงเลยละจ๊ะ”
“แม่เคยบอกว่า ถ้าไม่ตั้งใจเรียนก็จะหางานที่ดีกว่างานของพ่อไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ขอโทษจ๊ะ แม่คิดเรื่องนี้ผิดไปเหมือนกัน งานของพ่อเป็นงานที่ดีมาก เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ถ้าพ่อไม่ตั้งใจทำงานเราคงไม่มีข้าวกินอย่างนี้หรอกจ้ะ ต้องขอบคุณพ่อด้วยนะ” “แม่คิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอครับ” “จริงสิจ๊ะ”
พอเปมิกาพูดอย่างนั้น นาวาก็ยิ้มดีใจอย่างที่สุด
ลูกจะเดินตามรอยเท้าพ่อแม่โดยสัญชาตญาณ
คำพูดของเปมิกาเสมือนเป็นสัญญาณไฟเขียวให้นาวา เคารพพ่อ ซึ่งทำให้นาวาดีใจกว่าคำพูดอื่นใด ผ่านไปครู่ใหญ่ สามีของเปมิกากลับมาบ้าน แล้วทั้งสามก็กินข้าวมันไก่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา อาจเป็นเพราะดีใจที่มีคนรอกินข้าว เปมิการู้สึกได้ว่าวันนี้สามีของเธออารมณ์ดีเป็นพิเศษ. เขากินข้าวมันไก่เย็นชืดพลางพูดว่า “อร่อย อร่อย” ตลอดเวลา.....
💝กำแพงของใจนั้นสูง และหนาแน่นกว่ากำแพงใดๆ ขอเพียงเฝ้าทำลายกำแพงนั้นวันละนิดก็จะพบความสุขเพิ่มขึ้นมาวันละนิดเช่นเดียวกัน👨‍👩‍👧
โฆษณา