โลกที่ก้าวไกล กับจิตใจที่ตกต่ำ
ทุกวันนี้โลกเราก้าวหน้าไปอย่างมากเทคโนโลยีเติบโตอย่างก้าวกระโดด มนุษย์ไม่หยุดที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ฟังๆดูแล้วก็คงเป็นเรื่องที่ดีนะครับ เทคโนโลยี ระบบเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ทุกอย่างต้องพัฒนาต่อไปข้างหน้า
แล้วคุณคิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นจริงๆหรือเปล่า? โลกที่คุณใฝ่ฝันไว้คุณคิดว่ามันจะมีทางเป็นไปได้หรือไม่ จริงๆแล้วเรากำลังก้าวหน้าหรือถอยหลังอยู่กันแน่
ถ้าโลกมันกำลังถูกพัฒนาให้ดีขึ้นจริง ทำไมทุกวันนี้ประเทศใหญ่ๆต่างก็ต้องแย่งชิงอำนาจกันล่ะครับ ถ้ามันพัฒนาจริงความขัดแย้งมันก็ต้องมีแต่ลดน้อยถอยลงไม่ใช่หรอ
มนุษย์นั้นพัฒนาสิ่งของให้ก้าวล้ำไปอย่างมาก แต่ไม่เคยหันมาพัฒนาจิตใจ ให้ก้าวล้ำตามวัตถุกันบ้างเลย
เรามีแต่จะผลาญทรัพยากรบนโลกกันให้มากขึ้น ผลิตกันให้มากขึ้น ผลิตจน เกินความจำเป็น จนขยะจะล้นโลกกันอยู่แล้ว
เดี๋ยวนี้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกของเราเยอะมาก เยอะจนเราแทบไม่ต้องทำอะไร และเมื่อไหร่ที่เราขาดสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านั้นไป เราก็เดือดร้อนจนแทบจะอยู่ไม่ได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเราไม่ต้องมีมัน เราก็ยังมีชีวิตที่สุขสงบได้
ทรัพยากรบนโลกกำลังค่อยๆหมดไปอย่างช้าๆ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการอุตสาหกรรมมากมายคงไม่ต้องพูดถึง แค่มองเห็นฝุ่นควันบน อากาศทุกวันนี้ คุณก็คงจะเดาอนาคตออกว่าเราจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
มนุษย์ที่แสนชาญฉลาดกำลังจะทำให้โลกใบนี้หน้าอยู่น้อยลง นี่เรากำลังฉลาดไปในทางไหนกันแน่นะ?
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดมาก แต่ฉลาดไปในทางที่ "เห็นแก่ตัว"
และเมื่อฉลาดมาก เราก็ยิ่งเห็นแก่ตัวได้มาก
ความเห็นแก่ตัวนี้เป็นสิ่งที่มีตามธรรมชาติไม่ว่าคนหรือสัตว์ มันเป็นสัญชาตญาณที่ทำให้เราดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตรอดอยู่ได้
แต่เมื่อมนุษย์มีความฉลาด จึงทำให้เห็นแก่ตัวได้มาก และมันก็มากจนเกินความจำเป็น เพราะเราไม่ได้ต้องการแค่มีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ได้มากกว่าคนอื่น มีให้มากกว่าคนอื่น ให้อยู่เหนือกว่าผู้อื่น จนถึงขั้นต้องทำร้าย และเข่นฆ่ากันเอง
ปัญหาที่ใหญ่และใกล้ตัวของเราที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของการคอรัปชั่น คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นจนเรามองเห็นว่าเป็นเรื่องปกติกันไปเสียแล้ว มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกชนชั้น ทั้งคนร่ำรวยและคนยากจน และไม่มีใครที่จะสามารถแก้ไขมันได้
เราคงเคยเห็นพวกนักการเมืองต่างป่าวประกาศว่าตนเองจะแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นนี้ให้หมดไป แต่สุดท้ายแล้วตัวเขากลับเป็นฝ่ายที่ทำคอรัปชั่นเสียเอง
ไม่มีใครคนไหนทำเพื่อคนอื่น 100% โดยที่ตัวเองไม่หวังผลตอบแทนหรอกครับ ลึกๆแล้วเขาทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้น
"รักใดเสมอตัวนั้นไม่มี"
ต่อให้คุณแก้กฎหมายทั้งฉบับ หรือปรับโครงสร้างการบริหารประเทศใหม่หมด เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ปัญหาคอรัปชั่นก็ไม่มีทางแก้ได้ เพราะเราไม่เคย จะไปแก้มันที่ต้นเหตุ และตัวต้นเหตุของมันก็คือ ความเห็นแก่ตัวของเรานี่แหละ
ทุกวันนี้คุกจะไม่มีพื้นที่พอให้ขังคนร้ายอยู่แล้ว คนทำผิดมีแต่จะเพิ่มขึ้น บทลงโทษทางกฎหมายก็คงจะไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้
แล้วเทคโนโลยีอะไรที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องพวกนี้ได้?
คุณคิดว่าสมาร์ทโฟนสเปคแรงๆจะสามารถหยุดคนไม่ให้ข่มขืนได้มั้ย?
คุณคิดว่ากล้องที่ถ่ายชัดที่สุดจะทำให้โจรหยุดปล้นได้มั้ย?
อินเตอร์ความเร็วสูงจะทำให้คนหยุดฆ่ากันได้มั้ย?
แล้วยานอวกาศที่เคลื่อนที่ไวที่สุดจะสามารถทำให้คนหยุดคอรัปชั่นได้หรือเปล่า?
มนุษย์นั้นไม่ใช่เครื่องจักร แล้วความคิดของมนุษย์ก็ไม่ได้เกิดจากการเขียนโปรแกรม แต่มนุษย์มีสิ่งที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในที่เรียกว่า "จิตใจ"
คำว่า จิตใจ นี้ เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่มันคือสิ่งที่เป็นตัวเรา คือความรู้สึกของเราที่กำลังต่อเนื่องกันอยู่
สาเหตุที่มนุษย์เรามัวแต่สนใจเรื่องวัตถุ พัฒนาแต่เรื่องวัตถุ ก็เพราะว่าเรามาสามารถสัมผัสมันได้ด้วยอายตนะทั้ง 5 หรือสัมผัสทั้งที่เราคุ้นเคย คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ส่วนเรื่องของจิตใจนั้น ไม่สามารถสัมผัสได้ทั้งทาง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสทางผิวหนัง
แต่จิตใจเป็นสิ่งที่รับรู้และรู้สึกได้เฉพาะตน จึงเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก และไม่สามารถดึงออกมาให้คนอื่นเห็นหรือจับต้องได้
มนุษย์จึงมุ่งพัฒนาวัตถุ แต่ไม่ได้สนใจที่จะพัฒนาจิตใจควบคู่กันไปด้วย
หากมนุษย์เราหันมาพัฒนาจิตใจควบคู่กับวัตถุไปด้วยแล้ว โลกนี้อาจจะไม่ต้องมีกฎหมายเลยก็ได้ เพราะไม่มีใครทำผิด
บ้านทุกบ้านจะไม่ต้องสร้างรั้วมากั้นกันไว้ เพราะไม่มีโจรขโมย
เดินทางไปไหนคนเดียวก็ปลอยภัย ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาทำร้าย
อาวุธสงครามคงไม่ต้องมี เพราะทุกคนต่างรักใคร่กันและไม่มีใครอยากทำร้ายหรือเข่นฆ่ากัน
ปัญหาเศรษฐกิจคงไม่มีเพราะไม่มีใครเอาเปรียบกัน
ปัญหาทางสุขภาพคงลดลงเพราะเราไม่มีความเครียดหรือวิตกกังวล และเราคงจะรู้จักกินอย่างพอประมาณจนไม่ต้องไปเบียดเบียนชีวิตของสัตว์อื่น
การทุจริตคอรัปชั่นก็ไม่เกิดเพราะว่าคนทุกคนไม่เห็นแก่ตัว
มนุษย์เราฉลาดจนกระทั้งสามารถเรียนรู้ทฤษฎีเรื่องฟิสิกส์ควอนตั้ม ถ้าเราหันมาศึกษาเรื่องจิตใจของเราอย่างลึกซึ้งและจริงจัง
ผมว่าเราคงมีบทวิจัยและการทดลอง รวมไปถึง How to เรื่องกระบวนการทำงานของจิต หรืออาจจะเลยไปถึงการบรรลุหรือการดับทุกข์ ให้เห็นตามอินเตอร์เน็ต และผลการทดสอบที่เห็นผลได้จริงและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
มันคงเป็นอะไรที่ดีกว่าความเชื่อจากตัวหนังสือที่อยู่ในเล่มหนาๆเก่าๆ ที่ซุก อยู่ตามแหล่งศาสนสถาน ซึ่งไม่มีใครอยากสนใจและกลายเป็นแค่ทฤษฎีที่ จับต้องไม่ได้
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
