28 ก.พ. 2020 เวลา 13:03 • ประวัติศาสตร์
พาชม "หอกลองไจนุส" (Longinus Lance)
หอกศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้แทงพระเยซูบนไม้กางเขน
1
นักบุญลองไจนุส ถือหอกเทวลิขิตไว้ในมือขวา ผลงานของเบอร์นีนี ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน
อีกครั้งที่เราอยู่ที่พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg) กลางกรุงเวียนนา
หอสมบัติเก่าแก่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก (Habsburg) ซ่อนตัวอยู่ภายในปีกด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระราชวังยุคบาโรคแห่งนี้ ปัจจุบันเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์ ...
Michaelerplatz
Hofburg
มันเป็นเวลาหลังเที่ยงไปเล็กน้อย ผมกล่าวสวัสดีตอนกลางวันกับ "คลาร่า" พวกเราเดินอย่างกระฉับกระเฉงจาก Michaelerplatz ผ่านโดมยักษ์ของพระราชวังเข้าสู่ลานชั้นใน ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุเสาวรีย์จักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 เบื้องหน้านั้นคือทางเข้าหอสมบัติของราชวงศ์...
Kaiser Franz I Denkmal
ทางเข้าลานด้านในพระราชวัง
ขอต้อนรับทุกท่านสู่พิพิธภัณฑ์ Imperial Treasury แห่งกรุงเวียนนา (Kaiserliche Schatzkammer Wien) ... คอลเลกชั่นสิ่งจัดแสดงของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกครับ
ห้องนิทรรศการ
ป้ายส่วนจัดแสดงเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
เรายืนอยู่ในห้องที่เปิดไฟสลัว ๆ เบื้องหน้าคือ กางเขนทองประดับประดาด้วยอัญมณีที่วิจิตรบรรจง ด้านซ้ายมือประกอบด้วยวัตถุชิ้นยาวแหลมรูปร่างแบนอย่างคมมีด ถูกห่อหุ้มด้วยโลหะสีทองที่ฉายประกายเจิดจรัสสะท้อนแสงไฟ
"หอกลองไจนุส" ผมพึมพำ
"บางคนเรียกว่า หอกแห่งฮอฟบวร์ก หรือ หอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy lance) หรือ หอกเทวลิขิต (spear of destiny)"
คลาร่าตอบ สายตาเธอยังคงจ้องมองเข้าไปในตู้นั้น
ผมพนักหน้าให้คลาร่า
"ผมรู้จักหอกนี้... มันคือ... หอกที่ใช้แทงพระเยซู ใน คศ. 33"
คลาร่าพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น
"ตามตำนานเล่าขานแต่โบราณ... ใบหอกชิ้นนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาวุธที่ถือโดยทหารโรมัน บ้างเชื่อว่า ชื่อลองไจนุส ผู้ทิ่มคมหอกลงไปยังสีข้างของพระเยซู ยามพระองค์ถูกตรึงไว้บนกางเขน เพื่อวินิจฉัยว่า พระเยซูสิ้นชีพแล้ว ในคราวนั้นเลือดของพระองค์ไหลรินออกมาเป็นสายน้ำ ราวปาฏิหาริย์"
ภาพลองไจนุสแทงสีข้างพระเยซูบนกางเขนโดยใช้หอกศักดิ์สิทธิ์ ภาพปูนเปียก โดย ฟรา แองเจลิโก (1395-1455), พิพิธภัณฑ์ซานมาโคร, ฟลอเรนซ์
"เกือบหนึ่งพันปีล่วงมา ใบหอกกลายมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาแต่ละยุคสมัย และมันตกมาเป็นของราชสำนักพระเจ้าออตโตที่ 1 จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ครองราชในช่วงต้นศตวรรษที่ 10"
กระจกสีในอาสนวิหารแห่งเมืองสตราสบูร์ก สมัยศตวรรษที่ 12 แสดงภาพพระเจ้าออตโตที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ผมเสริม
"หอกนี้มีความสำคัญมาก ในแง่ของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แม้แต่ฮิตเลอร์ก็ยังปรารถนาและหามาครอบครอง"
คลาร่าตอบ "ใช่ ... ตั้งแต่คริสตจักร จักรพรรดิ จนถึงผู้นำประเทศ มันเคยใช้เป็นเครื่องแสดงอำนาจ และสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ถือครอง แม้กระทั้งเชื่อว่ามีพลังวิเศษ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคุณเกิดทันนะ คุณควรจะเห็นหอกนี้เสมอในพิธีบรมราชาภิเษก"
ผมได้แต่พยักหน้าตอบในน้ำเสียงที่กระตือรือร้นของเธอ โลหะต้องแสงไฟของมันสวยงามยิ่งนัก เกินกว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ตัดเนื้อหนัง
"ทหารโรมันคงรวยมากนะครับ ใช้หอกที่วิจิตรขนาดนี้มาแทงนักโทษทางการเมืองที่ถูกตรึงกางเขน" ผมถามกวน
เธอขมวดคิ้วแล้วตอบอย่างมั่นใจ
"ใบหอกถูกเปลี่ยนแปลงและประดิษฐ์ตกแต่งหลายครั้งหลายหน ... จนปัจจุบัน ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ชิ้นส่วนใดบ้างที่เคยเป็นตัวหอกของจริง หรือมีชิ้นส่วนใดบ้างที่มีอายุเก่าแก่ถึงคริสตศตวรรษที่ 1 ใบหอกจริง ๆ อาจจะเป็นโลหะง่อนแง่นธรรมดา ... แต่ ยกเว้นเหล็กแหลมดำ ๆ ที่คุณเห็นตรงกลางนั่นแหละค่ะ ที่อ้างกันโดยทั่วไปว่า เป็นตะปูที่เคยตอกตรึงร่างของพระเยซูลงบน ... เอ่อ ไม้กางเขน"
"ปัญหาคือ ในโลกนี้มีหอกมากกว่า 1 อัน ที่มีคนอ้างว่าเป็นหอกลองไจนุส "ของจริง" อย่างเช่นอันนี้ มันเก็บไว้ที่พระราชวังฮอฟบวร์กในเวียนนามาตั้งแต่ปี 1946 มีหอกอื่น ๆ อย่างน้อยสามอัน ที่มีคนอ้างว่าใช่"
ผมยิ้มมุมปาก
"ผมเคยได้ยินมาว่า ธุรกิจขายของปลอมนี่เป็นที่นิยมกันมาทุกยุคทุกสมัย แม้กระทั่งในยุคกลางเอง ก็มีคนที่ผลิตของศักดิ์สิทธิ์ปลอมออกมาขายให้คริสตจักร โบสถ์ ราชสำนัก หลอกขายจนได้กำไรอื้อนะครับ"
คลาร่าหันมามอง
"ใช่น่ะสิคะ หอกแห่งฮอฟบวร์กนี้ ก็อาจจะเป็นของปลอมจากยุคสมัยใดสมัยหนึ่งก็ได้ แต่กระนั้น คุณน่าจะอยากรู้ ว่าในปี 2003 นักโลหะวิทยาชาวอังกฤษเอาใบหอกไปตรวจสอบแล้วพบว่า -- "
ผมขัด
"พบว่ามันทำขึ้นในคริสตวรรษที่ 7!! น่ะสิ"
"อ้าว คุณรู้เรื่องนี้" เธอหัวเราะ
ผมยิ้มแล้วยักคิ้วใส่
"บังเอิญ ผมเป็นนักอ่านหน่ะครับ"
คลาร่าสวนกลับ "แต่คุณรู้ไหมคะ สิ่งที่น่าทึ่งและเป็นปริศนามากกว่าตัวใบหอก นั้นคือ ..."
เธอวางนิ้วทาบบนกระจก แล้วชี้ไปตรงกลางระหว่างใบหอก
"ลิ่มตะปูดำ ๆ ตรงกลางค่ะ มันอาจจะเป็นของจริงก็ได้ เพราะตรวจแล้วพบว่าอาจจะมาจากยุคเดียวกันกับพระเยซูคริสต์จริง ๆ ... ดิฉันหมายถึง เราคาดการณ์ว่า มันเก่าแก่จนถึงศตวรรษที่ 1"
เธอพักหายใจ แล้วพูดเสริม
"แต่เราคงไม่อาจยืนยันได้ แม้สิ่งนี้สร้างในยุคเดียวกันกับพระเยซู ก็ไม่ได้ยืนยันว่ามันคือลิ่มตะปูอันเดียวกันกับที่เคยตรึงพระองค์"
เธอหันมาสบตาผม "อย่างนี้แหละค่ะ ว่าทำไม เราถึงมีคำว่า ... God only knows (มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้)"
เราหัวเราะ
... นั่นสิครับ
.... คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ...
โฆษณา