2 มี.ค. 2020 เวลา 09:16 • บันเทิง
มังกรหยก ภาค ๑...ตอนที่ ๒๐
...ความจริงแล้ว มกเอ๊กนี้คือ...เอี้ยทิซิมนั่นเอง...หลังจากบาดเจ็บสาหัส ก็ได้หลบไปอาศัยบ้านชาวนาหลังนึงอยู่...อยู่ไปอยู่มา ครอบครัวชาวนานั้นเกิดตายยกบ้าน เหลือไว้แต่ทารกหญิงคนเดียว...เอี้ยทิซิมก็เลยต้องรับนางเป็นบุตรบุญธรรม พร้อมเปลี่ยนชื่อตนเองเป็นมกเอ๊ก ลูกสาวบุญธรรมก็ได้ชื่อว่า มกเหนี่ยมชื้อ...
...ระหว่างที่แนะนำตัว น้ำหูน้ำตาไหลกันอยู่นั้น...สนมเอก แม่ของงั้งคังก็มาที่คุมขังนี้ ตะโกนออกคำสั่งกับยาม...”ปล่อยตัวสองพ่อลูกเดี๋ยวนี้”...
ทีแรกยามจะไม่ปล่อย เพราะงั้งคังกำชับไว้...แต่พระสนมเอกบอกว่า ถ้างั้งคังจะเอาเรื่อง ให้บอกไปเลยว่า ชั้นเป็นคนให้ปล่อย ให้มาเอาเรื่องที่แม่...
ในจังหวะที่จะเดินออกจากที่คุมขัง เอี้ยทิซิมจ้องพระสนมเอกไม่วางตา โดยไม่มีใครรู้ว่าจ้องทำไม...ว่าจะหลีพระสนม ก็ไม่ใช่แววตาแบบนั้น...แล้วไม่กล่าวขอบคุณซักคำ...ก็จูงลูกเดินจากไป...
ฝั่งงานเลี้ยง...พอรู้กันแล้วว่า เกิดเรื่องที่ห้องยา...ก็เกิดการระวังตัว จนจับได้ว่าอึ้งย้งมาแอบฟังอยู่...ก็หันมาเล่นงานสาวน้อย...
...แต่ด้วยความที่เป็นสาวน้อยสุดสวย แถมดูมีชาติตระกูล มีความเชื่อมั่นในตัวเองเหลือเกิน...บรรดายอดฝีมือทั้งหลาย ก็ไม่มีใครกล้าเล่นงานอึ้งย้งอย่างหนัก เพราะไม่รู้ว่าอีหนูนี่ลูกศิษย์ใคร...อึ้งย้งก็ยังพลิ้วอยู่ได้ แต่ออกมาจากวงล้อมไม่ได้ซักที...
เนี้ยจืออง หนึ่งในยอดฝีมือ...ตัวแกนอกจากจะเก่งวิทยายุทธแล้ว ยังมีหน้าที่ดูแลห้องยา พอรู้ว่ามีเรื่องที่ห้องยา ก็ไม่สนอึ้งย้งแล้ว...ปลีกตัวมาอย่างด่วน เพราะห่วงของที่สำคัญมากกว่า...
มาถึงห้องยา เจอของสำคัญนอนตายอยู่บนพื้น...ไอ้งูสีแดงนั่นเอง เนี้ยจือองอุตส่าห์เลี้ยงมาสิบกว่าปี จนเลือดงูมีคุณสมบัติต้านทานพิษได้ทุกชนิดบนโลก แกก็กะจะเก็บไว้ใช้เอง...ตอนนี้อดซะแล้ว...
...หยิบซากงูขึ้นมาดู ตัวแห้งยังกะไส้เดือนตากแดดเชียวลูกเอ๊ย แถม...มีรอยฟันคนกัด...”ไอ้ก้วยเจ๋งแน่นอน มึงฆ่าแล้วดูดเลือดงูวิเศษของกู...มึงต้องตาย”...
ว่าแล้ว เนี้ยจือองก็เผ่นออกจาห้องยา ตามฆ่าก้วยเจ๋ง...แล้วก็ไม่ต้องใช้เวลานาน ก็ไปเจอไอ้คนที่ดูดเลือดงู ก็เข้าจู่โจม...
เนี้ยจือองฝีมือเหนือกว่าก้วยเจ๋งมาก...แต่ไม่ฆ่าให้ตาย เพราะต้องการดูดเลือดสดๆของก้วยเจ๋ง เพราะเชื่อว่า ถ้าไอ้คนนี้มันดูดเลือดงูเข้าไปแล้ว เลือดของเขาก็ต้องมีคุณสมบัติต้านพิษต่างๆด้วยเช่นกัน...เออ มึงไปดูตำราไหนมาวะ
ก็สู้พลางถอยพลาง ในที่สุดก้วยเจ๋งก็ถูกต้อนให้กลับเข้าไปซ่อนตัวที่บ้านโกโรโกโสของพระสนมเอก...เนี้ยจืออง ยังไงก็เกรงใจแม่ของงั้งคัง ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไป...
โดยไม่ให้เจ้าของบ้านรู้ตัว ก้วยเจ๋งซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า...เห็นพระสนมเอกนั่งถอนใจเฮือกๆ แววตาเลื่อนลอย จ้องแต่ทวนเก่าๆเล่มนึงที่แขวนอยู่บนผนัง...
...ทันใดนั้น ก็มีคนพรวดเข้ามา...เอี้ยทิซิมนั่นเอง...อ้าวลุง ไม่ยักกะหนีไปให้ไกลๆ ยังย้อนกลับมาอีกแน่ะ...พระสนมเอกก็นึกว่า เค้ายังไม่หายโกรธที่งั้งคังไปหยามเค้า...ก็ขอโทษไปอีกรอบ...
แต่เอี้ยทิซิมกลับตาแดงก่ำ น้ำตาปริ่มๆ...ไม่พูดไม่จา จ้องหน้าพระสนมอยู่ครู่นึง แล้วก็เดินไปที่ผนังหยิบทวนเก่าคร่ำคร่ามาลูบคลำ...”ทวนนี้ไม่ได้ใช้นาน ขึ้นสนิมหมดแล้ว”...
สนมเอกรีบห้าม...”โปรดอย่าแตะต้องของนั้น”...
“ทำไมล่ะ”...เอี้ยทิซิมส่งเสียงถาม...
“มันคือของที่มีค่าที่สุด เป็นทวนของสามีข้า ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า”...
“ทวนเหล็กความจริงมีเป็นคู่ ตอนนี้เหลือเล่มเดียวแล้ว”...คำพูดของเอี้ยทิซิม ทำเอาพระสนมเอกชะงักงัน...
เขายังเดินไปหยิบหัวไถเก่าๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงมาตั้งเป็นเฟอร์นิเจอร์อยู่ในบ้านพระสนมเอกนี้ แล้วก็เอ่ยขึ้นลอยๆ...
“หัวไถใกล้พังแล้ว เดี๋ยวจะเอาไปซ่อมในหมู่บ้านซะหน่อย แล้วจะเพิ่มเหล็กอีกครึ่งชั่งด้วย”...
คำพูดไม่มีที่มาที่ไปนี้ ทำเอาพระสนมเอกตะลึงราวกับถูกไฟช๊อต...”ทำไมท่านถึงรู้ นี่มันประโยคที่สามีพูดกับข้าในวันสุดท้ายก่อนเราจากกัน”...
ความจริงก็คือ...พระสนมเอกของงั้งเลี๊ยกนี้คือมาดามเอี้ยนั่นเอง...หลังจากบ้านแตกสาแหรกขาด นางก็ต้องอุ้มท้องมาอยู่ในความดูแลของงั้งเลี๊ยก ราชบุตรองค์ที่หกของกิมก๊กอย่างไม่มีทางเลือก...แต่นางก็ไม่มีวันลืมเอี้ยทิซิม...
...เมื่อเรื่องจบแล้ว นางก็สั่งให้ทหารกลับไปที่บ้านเก่า ขนย้ายทวน โต๊ะเก้าอี้ คันไถ ของติดบ้านเอามาให้หมด...แล้วยังขอให้สร้างบ้านโกโรโกโสคล้ายๆบ้านเดิม...เธอเองก็ฝังตัวอยู่ในบ้านแบบนี้ตลอด...โดยไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่ในตำหนักสวยหรูเลย...
ด้วยความกินดีอยู่ดี รูปร่างหน้าตาของมาดามเอี้ยยังคงสวย ไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่...ผิดกับเอี้ยทิซิม ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมยังลำบากลำบนอดมื้อกินมื้อ...เกือบยี่สิบปีมานี้ทำเอาแก่ไปเยอะ จนทีแรกมาดามเอี้ยจำผัวตัวเองไม่ได้...
...เอี้ยทิซิมยังเดินไปที่ลิ้นชัก ดึงออกมาดู...เป็นเสื้อผ้าผู้ชาย แบบที่ตัวเองเคยใส่เป๊ะเลย...แล้วก็เอ่ยลอยๆอีก...
“เจ้ายังท้องอ่อนๆ ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งเย็บเสื้อให้ข้าหรอก ดูแลตัวเองให้มากๆ”...
ประโยคนี้ ก็เป็นอีกประโยคที่เคยออกจากปากของเอี้ยทิซิม...แสดงความห่วงใยเมีย ในคืนสุดท้ายก่อนเกิดเรื่อง...
พระสนมเอกพรวดเข้าไปหา เปิดต้นแขนเอี้ยทิซิม...พลันที่เห็นแผลเป็นบนต้นแขน นางก็โผเข้ากอดเขาทันที...
2
“ท่านเองๆ ไม่ว่าท่านจะเป็นผีหรือเป็นคน โปรดพาข้าไปด้วย ข้าไม่ยอมพรากจากท่านไปอีกแล้ว”...
โฆษณา