3 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #มั่นคงอยู่บนกลโกง ]
ดีทริช มาเตชิตซ์ เจ้าพ่ออาณาจักร Red Bull GmbH หรือเร้ด บูลอันยิ่งใหญ่ มีความฝันอย่างหนึ่งคืออยากเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล
หลังทำธุรกิจจนร่ำรวยมหาศาลเหลือกินเหลือใช้ จึงเริ่มลุยทันทีในปี 2005 ฮุบออสเตรีย ซัลซ์บวร์กสโมสรชั้นนำในประเทศ แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็นเร้ด บูล ซัลซ์บวร์ก
จากนั้นรุกข้ามไปยังอเมริกาเจรจาเอานิวยอร์ค นิวเจอร์ซี่ย์ เมโทรสตาร์ทีมแถวหน้ามาอยู่ในเครือข่าย ก่อนรีเนมใหม่มาเป็นนิวยอร์ค เร้ดบูลในปัจจุบัน
แค่นี้ยังไม่หนำใจ มาเตชิตซ์ อยากจะใช้บราซิลเป็นฐานขยายธุรกิจเครื่องดื่มของตัวเองด้วย จึงก่อตั้งเร้ด บูล บราซิลขึ้นมาในปี 2007 โดยเริ่มไต่ระดับจากลีกล่าง ปัจจุบันอยู่ซีรี เอ2 หรือลีกอันดับ 2
ไม่ใช่แค่นั้นในแอฟริกายังมีสโมสรเร้ด บูล กาน่าอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตามบิลเลี่ยนแนร์รายนี้ปรารถนาเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในเยอรมันอย่างมาก เขาเฟ้นหาทีมซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองไลป์ซิกนัก นอกจากนี้ยังสนใจพวกที่มีโลเคชั่นตามเมืองใหญ่อย่างฮัมบูร์ก , มิวนิคและดุสเซลฟดอร์ฟด้วย
มาเตชิตซ์ เคยขอคำปรึกษาจาก ฟร้านซ์ เบคเค่นบาวเออร์ ได้รับคำแนะนำว่าควรเริ่มดูทีมจากระดับล่างก่อนจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆกับแฟนบอล
แผนฮุบเอฟซี ซาชเซ่น ไลป์ซิกทีมระดับดิวิชั่น 4 จึงเริ่มขึ้น แต่พอคิดจะเปลี่ยนชื่อเป็น "เอฟซี เร้ด บูล ซาชเซ่น ไลป์ซิก" ปรากฏว่าโดนทางเดเอฟเบหรือสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมันปฏิเสธ
จากนั้นปรับหัวเรือหันไปทางฝั่งตะวันตกบ้าง เล็งซังต์ เพาลีสโมสรในฮัมบูร์กเอาไว้ แต่นี่คือทีมที่มีแฟนบอลเหนียวแน่นสามัคคีมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ยากนักที่จะเจาะฝ่าจารีตไปได้
1
พอลงใต้มายังมิวนิคทาบทามไปยัง 1860 มิวนิคซึ่งกำลังตกต่ำจากปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งน่าจะเข้าทางพอดี ปรากฏว่าบอกเจตนาไปว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อ เลยเจอเซย์โนเข้าไป
หรือลองแย็บไปยังฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเดียวกัน จนต้องถอยกลับมาตั้งหลักกันใหม่ ดีลอย่างนี้ไม่ง่ายเลยต่อให้มีเงินมหาศาลก็ตาม
แต่ มาเตชิตซ์ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ กลับมายังฝั่งตะวันออกอีกครั้ง ซึ่งในปี 2006 ไลป์ซิกเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพเวิล์ด คัพด้วย ฉะนั้นเรื่องสนามหรือรังเหย้าคงไม่ใช่ปัญหา
เหลือแค่จะหาทีมมาสวมอย่างไรเพื่อให้เอาเชื่อเร้ด บูลไปใส่แทนได้
ในเมืองมีสองสโมสรเก่าแก่เล่นในลีกตั้งแต่เป็นเยอรมันตะวันออกคือ เอฟซี โลโคโมทีฟ ไลป์ซิกกับเชมี่ ไลป์ซิก ก็ยังติดขัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะแฟนบอลหัวรุนแรงของสองทีมที่พวกอุลตร้ามักจะก่อเรื่องวิวาทประจำ
ห่างออกไปทางตะวันตกของไลป์ซิกราว 13 กิโลเมตร มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่และมีสโมสรฟุตบอลระดับสมัครเล่นชื่อ เอสเอสเฟา มาครันชตัดท์ ไอเดียของ มาเตชิตซ์ จึงบรรเจิดอีก
การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น เขาใช้เงินเพียงแค่ 350,000 ยูโร ซื้อกิจการมาครอบครองสำเร็จ
1
จากนั้นเปลี่ยนชื่อมาเป็น RasenBallsport Leipzig โดยมีความหมายว่าทีมกีฬาที่ลงแข่งขัน เพื่อซิกแซ็กมาใช้ชื่อย่อ RB Leipzig ให้สอดคล้องกับเร้ด บูล
เพราะกฎของฟุตบอลลีกเยอรมันไม่อนุญาตให้ตั้งชื่อสโมสรตามผู้สนับสนุน หรือสปอนเซอร์ นี่อาจเป็นกลยุทธที่ฉลาด แต่มันขี้โกงในสายตาของใครอีกหลายคน โดยเฉพาะแฟนทีมอื่น
ทุกคนรู้หมดว่า RasenBallsport หรือที่ย่อสั้นๆว่า RB นั้นมันต้องการยิงตรงให้รู้ว่าคือ Red Bull ต่างหาก
ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ชื่อ แต่โครงสร้างการบริหารต่างๆก็ปะผุโมดิฟายใหม่ทั้งสิ้น ไม่ให้เหลือเค้าเดิมเลยสักนิดเดียว เพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ไลป์ซิกไม่ได้แหกกฎ 50+1 ที่เราคุยกันไว้เมื่อวาน แต่ใช้วิธีการให้สมาชิกโหวตอยู่ในคำสั่งได้ทั้งหมด
เพราะตั้งราคาค่าธรรมเนียมสมาชิกแพงโอเวอร์มาก สโมสรอื่นๆไม่กี่สิบยูโรต่อปี อย่างดอร์ทมุนด์แค่ 62 ยูโร แต่ไลป์ซิกตั้งไว้ที่ 100 ยูโรสำหรับสมาชิกปกติ ส่วนที่มีสิทธิ์โหวตได้ต้องจ่าย 800 ยูโร
1
ดังนั้นสมาชิกหลักที่มีชื่ออยู่ในบอร์ดจึงมีแค่ 17 คนและทุกคนล้วนเป็นพนักงานของ Red Bull GmbH ทั้งสิ้น
ผิดกับดอร์ทมุนด์ที่มีสมาชิกมากกว่า 120,000 คน ที่สามารถร่วมตัดสินใจเลือกทิศทางให้กับทีมได้
ด้วยเหตุนี้แฟนบอลทุกสโมสรจึงก่อหวอดรวมพลเป็นชมรม "คนเกลียดไลป์ซิก" ขึ้นมา
พวกเขายึดมั่นว่าขนบของฟุตบอลลีกเยอรมัน นายทุนหรือเจ้าของสโมสรจะไม่ได้มีอำนาจสูงสุด แต่เป็นแฟนบอลต่างหาก
จากปี 2009 แอร์เบ ไลป์ซิกที่อยู่ลีกระดับ 5 เป็นแค่เพียงสมัครเล่น เปลี่ยนสถานะทันทีเมื่อมีเงินถึง 100 ล้านยูโรมาปรับแต่งใหม่ให้ไฉไลไปทุกสัดส่วน
โลโก้ของสโมสรยังใช้กระทิง คงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร แม้มันจะไม่ผิดกฎ แต่ในแง่ของความรู้สึกแล้วพวกเขาไม่มีทางหนีพ้น
ไลป์ซิกพยายามปกป้องตัวเอง อ้างว่าสโมสรอื่นมีนายทุนสนับสนุนเช่นกัน
ว่าแล้วยกตัวอย่าง โวล์ฟสบวร์ก, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และอินโกลสตัดท์ แต่อันที่จริงแล้ว สโมสรเหล่านั้นมีกลุ่มทุนเข้ามาทำทีมหลายทศวรรษแล้ว และอยู่มาก่อนตั้งกฎ 50+1 นานมาก ย่อมอยู่ในข่ายยกเว้น
แม้จะโดนยี้ใส่เป็นที่รังเกียจของแฟนบอลทุกทีม แต่ไลป์ซิกใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีก็ขยับเลื่อนสู่บุนเดสลีกาสำเร็จ
ขณะเดียวกันยอดแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมในสนามก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเฉลี่ย 2,150 คนในซีซั่น 2009/10 มาเป็น 38,380 คนในฤดูกาลที่ผ่านมาในสังเวียนแข้งเร้ด บูล อารีนาที่จุแฟนได้ถึง 42,000 คน
ไลป์ซิกพยายามยกตนเองว่าเป็นตัวแทนของฝั่งตะวันออกในบุนเดสลีกา ซึ่งปกติมีน้อยมากที่ฝ่าขึ้นมาโม่แข้งและล้วนแต่เป็นทีมเล็กๆ อยู่ได้ไม่นานก็ต้องตกลงไปอีก
นอกจากนี้ แฟนบอลไลป์ซิกยังอ้างว่า สโมสรมีปรัชญาการทำทีมแบบยั่งยืน ไม่ใช่มาฉาบฉวย โดยเฉพาะในยุคของราล์ฟ รังนิค มานั่งเป็นผู้อำนวยการกีฬา สโมสรเน้นปั้นดาวรุ่ง เล่นฟุตบอลด้วยระบบชัดเจน
ทว่าไม่อาจทำให้ดีกรีความเกลียดชังลดลงเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในเกมเดเอฟเบ โพคาลเมื่อไม่กี่ปีก่อน แฟนบอลดินาโม เดรสเดน ซึ่งเป็นสโมสรจากฝั่งตะวันออกเช่นกัน โยนหัววัวที่มีรอยมีดฟันเหวอะใส่ในสนาม เพื่อสื่อถึงกระทิง เป็นการเย้ยและขู่ไลป์ซิก
ส่วนกองเชียร์ยูเนี่ยน เบอร์ลินที่เป็นอีกหนึ่งสโมสรด้านตะวันออก เคยใส่ชุดดำพร้อมใจนิ่งเงียบกันนานถึง 15 นาที ไม่มีเสียงเชียร์สักนิดเดียว เพื่อประท้วงการเข้ามาของเร้ด บูล
ขณะที่กลุ่มเยลโล่ วอลล์หรือกำแพงสีเหลืองของดอร์ทมุนด์ เคยพร้อมใจกันไม่ไปดูเกมเยือนที่เร้ด บูล อารีน่า ตอนไลป์ซิกขึ้นมาในลีกสูงสุดใหม่ๆ
พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ด้วยว่า ไลป์ซิกมีโครงสร้างที่ขัดจากสโมสรฟุตบอลเยอรมันอื่นๆ ที่ให้สิทธิ์แฟนบอลมีอำนาจในการตัดสินใจ
ฮันส์ โยอัคคิม วัตซ์เค่ ผู้บริหารมือทองของดอร์ทมุนด์เคยบอกว่าผู้เล่นของ ไลป์ซิก เป็นนักฟุตบอลกระป๋อง ตามแสลงภาษาเยอรมันคือเล่นได้แย่แต่ชนะ
ส่วนแฟนบอลไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ตยังเคยปาลูกเทนนิสนับร้อยลงมาในสนามด้วย เป็นสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจและทำให้สำนึกถึงคำว่า Rasenball ที่ไม่ได้หมายถึงฟุตบอลอย่างเดียว
2
แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้สั่นคลอนหรือทำให้ผู้บริหารไลป์ซิกรู้สึกว่ามีความผิดเลยสักนิดเดียว
พวกเขายังคงเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จตามนโยบายต่อไป พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงสมดุลต่างๆที่เกิดจากแนวทางบริหารเพื่อนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคต
การได้เข้าร่วมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกหรือลุ้นแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่นนี้ น่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง
นี่คือจุดยืนของไลป์ซิก
ส่วนจุดยืนของแฟนบอลทีมอื่นเป็นอย่างไร พวกเขาไม่ได้แคร์หรอก ในเมื่อทำตามกฎทุกอย่างแล้ว ทั้งที่รู้อยู่ข้างในใจว่านี่มันจะเป็นกลโกงก็ตาม
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา