Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Look @ Lab
•
ติดตาม
28 มี.ค. 2020 เวลา 23:09 • ความคิดเห็น
ตอนนั้นคิดว่า...สิ่งที่เรียนมาคือวิชาชีพลับแล.....มั้ง
สุดท้ายได้ร่ำเรียนมาในสาขาที่ไม่เคยรู้ชัดเจนเลยว่า จบไปแล้วจะได้ทำงานแบบไหนกันนะ อ้าวว..เขียนจบละ...อ้อ..ยังค่ะยัง...ไปต่อกันเลยนะคะ😁
เมื่อตอนสมัยยังเอ้าะ😄 เราได้เลือกเรียนในสาขาวิชาชีพที่จะกลายเป็นอนาคตของเรา โดยเลือกที่จะ เน้นเรียนทางสายการแพทย์เพราะคิดว่าเหมาะกับตัวเอง เลือกตามลำดับคะแนน เลือกไป 3 สาขาวิชาชีพ. ซึ่ง 2สาขาที่เลือกไว้ รู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายเมื่อเรียนจบ เราจะได้ทำงานแบบไหน
มีอยู่สาขาเดียว ที่เป็นสาขาวิชาชีพใหม่ในตอนนั้น อาจารย์แนะแนวยังไม่รู้เลย ว่าเรียนสาขานี้แล้วจะได้ทำงานในลักษณะไหน อาจารย์เลยแนะเราไม่ได้เลยเช่นกัน ฮา....
เราเลือกสาขานั้นไว้ด้วยแหละ 😁😁😁
และแล้ว ชะตาฟ้าลิขิต ระหว่างที่รอสอบโควต้าของมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือสุดและสวยมากแห่งหนึ่ง...เราก็ได้โควต้าครุทายาท (ครู) ด้วย...แต่เขาให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง (ไม่ได้อวดว่าตัวเองเก่งนะคะ เป็นคนเรียนระดับกลางๆเองค่ะถูๆไถมาไม่น้อย แต่ความขยันช่วยไว้ได้) ขอบคุณความขยันจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ ...แต่แหมยังกล้าปฏิเสธโควต้า... แล้วผลลัพธ์จะคุ้มค่ากับการตัดสินใจครั้งนี้ไหม มาดูกันค่ะ
มีคนเยอะแยะมากมายในโลก ไม่ได้ทำในงานที่ตนเองรัก และมีคนอีกมากมายเช่นกันที่ไม่ได้รักในงานที่ตัวเองทำ
การได้ทำในงานที่รัก....นี่คือสิ่งที่ทุกคนฝันใฝ่
ส่วนใหญ่เรามักจะจินตนาการไว้ตั้งแต่เด็กแล้วว่า โตขึ้นเราอยากทำงานเป็นอะไร เราก็จะมีการเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง เช่น ตั้งใจร่ำเรียน ให้เก่งๆ หรือมุ่งมั่นสนใจในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น
เพื่อที่จะสามารถเลือกเส้นทางหรือการงานในอนาคตได้ และ เพื่อให้สิ่งที่จินตนาการไว้ มีโอกาสเกิดขึ้นจริง
หากใครทำได้สำเร็จ คือสามารถได้ทำงานอย่างที่ตัวเองใฝ่ฝันอยากทำ ถือว่าเป็นความโชคดีของชีวิต เพราะในชีวิตคนหนึ่งคน คงเปลี่ยนงานได้ไม่บ่อย การเริ่มต้นที่ดี ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
การได้ทำงานที่รัก จะทำให้เราเกิดความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทำไปมีความสุขไป ทำให้เราทำงานได้อย่างเต็มความสามาถ เพราะธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะทุ่มเทให้กับสิ่งที่เรารัก จนสุดท้าย เราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ในที่สุด
แล้วถ้าไม่เป็นอย่างนั้น....เอ...แบบที่เกิดขึ้นกับตัวเราหรือปล่าวนะ
ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่เรารัก แต่เราได้ทำงานที่เราไม่อยากทำ ได้ทำงานที่เราไม่เคยใฝ่ฝันมาก่อน ได้ทำงานที่เราไม่ถนัด ได้ทำงานในที่ที่เราไม่อยากไป แต่เรากลับจับพลัดจับผลูได้มาทำงาน ณ ตรงนี้ ณ จุดนี้ ณ เวลานี้
แล้วเอาไงต่อ....จะไปต่อ หรือจะถอย....คิด..คิด...และคิด...เชื่อว่าในโลกเรามีคนจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่คิด และเป็นแบบนี้
ท่านผู้อ่านเคยได้ยินคำนี้กันหรือปล่าวคะ “ เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน “
หลังจากจบการศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (นานมากแล้ว) joon นักส่องกล้อง (ดิฉันเอง)...It is me..ได้ทำการสอบโควต้า เข้าศึกษาชั้นอุดมศึกษา จนจบปริญญา สมใจอย่างที่พ่อแม่คาดหวัง แต่ตัวเองไม่ค่อยชอบสาขาวิชาที่จบมาสักเท่าไร...เพราะ อยากเป็นหมอฟัน....มันกลายเป็นความใฝ่ฝันไปจนตาย....อ้ะๆๆๆไม่ใช่จ้า .....แค่ฝันช่วงเดียวแค่นั้นเอง....อะไรๆก็เปลี่ยนได้ตลอดเวลา
มันคือความจริงที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ขี้อิจฉาคนสวยๆ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น 🤣🤣🤣 ตอนเรียนชั้นอุดมศึกษาเราก็แอบอิจฉาสาวๆ คณะทันตแพทย์ อยู่ไม่น้อย ทำไมมีแต่คนสวยๆ ขาวๆ เรียนก็เก่งอีก ดูเลิศไปซะทุกอย่าง
หันกลับมามองตัวเอง สวยก็ไม่สวย ดำก็ดำ เรียนก็งั้นๆ ไม่ได้เก่งเท่าไร เฮ้อ...ช่างอาภัพจริงๆ...เฮ้ออิเตี้ยตัวดำ(ด่าตัวเอง)😅เขียนเอามันค่ะอย่าซีเรียสนะคะ แต่ไม่โทษพ่อแม่นะคะ เพราะพ่อหล่อและแม่ก็สวยแต่เราเป็นลูกใครหว่า ทำไมไม่ได้ส่วนดีมา ...ช่างมันๆ ...ไม่ใช่ประเด็น เปลี่ยนเรื่องดีกว่า...👀😂
เพราะฝังใจว่าตัวเองอยากเป็นทันตแพทย์จึงพุ่งเป้าคอยมองแต่สาวๆคณะนี้ เหมือนหนุ่มหลงสาวยังไงยังงั้นเลย🙄คิดไ้ด้ไง สุดท้ายก็แห้วอยู่ดี
และแล้วตรากตรำร่ำเรียนมาจนจบการศึกษาได้ปริญญามาฝากพ่อและแม่สุดที่รัก...มันมีเรื่องเศร้าระหว่างกำลังจะเรียนจบ...แต่ขอเล่าในภายหน้านะคะ
เราภูมิใจกับความสำเร็จอีกขั้นของตัวเองแต่ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเก่งอยู่ดี...กังวลอยู่ตลอดว่า ถ้าจบไปทำงานแล้วเราจะทำงานได้ดีหรือไม่...เรียนเยอะมากจนไม่รู้ว่าเวลาทำงานจะขนความรู้มาใช้หมดได้ยังไงกัน....แล้วเวลาคนไข้หรือแพทย์ หรือพยาบาลถามเรื่องในงานจะตอบได้หรือปล่าวนะ....กังวลไปหมดสารพัดเรื่องเลยค่ะ
แล้วอาชีพของเราในโรงพยาบาลมันจะต้องทำอะไรบ้างนอกจากที่เรียนมา....คิดหนักนะคะสำหรับเด็กเพิ่งจบใหม่ไฟแรง (โหม)
ความรู้สึกแรกๆของชีวิตการทำงาน ...มันตื่นเต้น ...ในใจคิดว่า..ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่กลัวกับปัญหาใดๆมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม (จนกระฉอก)
เราจะได้นำความรู้ที่เรียนมา ...ออกมาใช้แบบจริงจังสักที....
เราได้ใช้กล้องจุลทรรศน์...ในการส่องหาสิ่งเล็กๆที่ตาเปล่ามองไม่เห็นทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต แต่ละวันมากมายหลายอย่าง ซึ่งในตอนเรียนนั้นได้เห็นของจริงจากสิ่งที่อาจารย์เตรียมให้ไม่กี่ตัวอย่าง ถือว่าน้อยมากๆเมื่อเทียบกับชีวิตจริง
ได้เห็นเชื้อโรคมากมายตัวเป็นๆ มีหลายๆครั้งได้พบเจอสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ในห้องเรียนไม่เคยได้เจอ ....บอกเลยว่า...มันมีความเพลิดเพลิน ที่ได้เห็นสิ่งที่คนอื่นมากมายไม่มีโอกาสได้เห็น
มันเป็นโชคดีหรือปล่าวนะ
มีโอกาสได้เพาะเลี้ยงเชื้อโรค จากสิ่งต่างๆที่เก็บมาจากตัวผู้ป่วย
มีโอกาสได้ใช้เครื่องตรวจวิเคราะห์โรค ที่เหมือนหุ่นยนต์ มีเทคโนโลยีล้ำสมัย...และมีราคาหลักแสนหลักล้าน
ได้เจาะเลือด ได้ตรวจปัสสาวะ ได้ตรวจอุจจาระ ได้ตรวจเสมหะ ได้ตรวจหนอง ได้ตรวจน้ำเหลือง ได้ตรวจเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และอื่นๆอีกมากมาย
มันเป็นโชคดีหรือปล่าวนะ
โชคดีหรือไม่มันอยู่ที่มุมมอง ทุกคนย่อมมีมุมมองต่างกันไปแล้วแต่วิธีคิด ไม่มีถูกหรือผิดค่ะ แต่ถ้าเราเลือกจะมองมุมที่นำความสุขมาให้ เราก็จงเลือกเถอะนะคะ
อาชีพของเราไม่ใช่อาชีพที่สวยหรู ไม่ใช่อาชีพที่ทำเงินมากมาย แต่เป็นอาชีพที่ทำให้เรามีความสุขได้ เพราะเราได้เลือกแล้ว
อาชีพที่เราทำปัจจุบันนี้ เราเปรียบเองว่า เป็นอาชีพลับแล เพราะว่าเป็นอาชีพที่คนให้ความสนใจไม่มาก ไม่โดดเด่นนัก คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก และมีบุคคลากรจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับวิชาชีพอื่นทางสายการแพทย์
บางคนเรียกเราว่า อาชีพปิดทองหลังพระ คือทำงานเบื้องหลัง เนื่องจากเรามีหน้าที่ตรวจวิเคราะห์โรคเพื่อหาสาเหตุของโรคเท่านั่น อยู่เบื้องหลังการวินิจฉัยโรคของแพทย์ โดยใช้อุปกรณ์หลักๆ คือกล้องจุลทรรศน์ และเครื่องมือตรวจวิเคราะห์ๆต่างๆซึ่งมี่หลากหลายเกินจะบรรยาย ณ ตอนนี้ได้
ทำงานช่วงแรกๆ ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เพราะเชื่อว่าแทบทุกท่านที่ทำงานราชการประสบพบเจอเช่นกัน คือเรื่องที่เกี่ยวกับคน ตอนเรียนมาเราเน้นวิชาการกันเยอะจนหูดับตับไหม้กันไปข้างหนึ่ง🤣🤣🤣
แต่แทบไม่ได้เน้นเรื่องการสื่อสารกับคน ซึ่งจะเริ่มรับรู้ได้ตอนฝึกงานนอกสถานที่ก่อนเรียนจบนั่นแหละค่ะ ก็ได้ประสบการณ์ชีวิตมาเล็กน้อย
เจอเข้ากับชีวิตจริง ....ยังกะลมมรสุมตะวันตก...ออก...กลาง...เหนือ...ใต้ มารวมกันเลยล่ะค่ะ🌴⚡️🌿 ฮา....
ไหนจะกังวลเรื่องงาน ไหนจะกังวลเรื่องการปรับตัว เด็กใหม่ก็จะมึนงง ทุกระยะล่ะค่ะ ...อุณหภูมิที่ศรีษะจะสูงนิดนึง
อยากฝากสำหรับน้องๆทั้งหลายที่เพิ่งทำงานใหม่ๆอย่าเพิ่งท้อในช่วงปีสองปีแรกนะคะ เราต้องอดทนจนผ่านพ้นมาได้จนสุดท้ายเราจะอยู่ได้อย่างดีด้วยวิธีคิดของเรานี่แหละค่ะจะนำพาเราเอง
มุมมองในชีวิตการทำงานของผู้เขียน คือเราพยายามคิดเสมอว่าถ้าคนที่มาให้เราตรวจโรค หรือเจาะเลือดเป็นญาติเราเราจะปฏิบัติกับเขาอย่างไร. เขื่อว่าถ้าใครคิดเช่นนี้ เราจะเห็นผู้ป่วยเสมือนญาติเรา เราจะทำให้เขาด้วยความเต็มใจและสุภาพ พูดจาดีๆ กับเขาได้
สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ให้และผู้รับมีความสุขทั้งคู่ค่ะ
การร่วมงานกับคนในที่ทำงาน ปฏิบัติกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะทำตัวอย่างไร เราต้องศึกษาก่อนว่าแต่ละคนมีบุคลิกแบบไหน ต้องการการสื่อสารแบบไหน เพราะการปฏิบัติที่เรานำไปใช้กับบางคนแล้วเขารู้สึกดี แต่เมื่อนำการปฏิบัติแบบเดียวกันไปใช้กับอีกคน ที่มีทัศนคติแตกต่างกัน มันก็อาจไม่ได้ผล หรือไม่เป็นที่พอใจได้.
ในเรื่องของการเรียนรู้เราเชื่อว่า อาชีพนี้เป็นแหล่งความรู้มหาศาล ต่อยอดไปได้อีก แต่สำหรับตัวเองไม่ต่อไปไหนแล้วค่ะ. ขอเป็นปู่โสมเฝ้ากล้องจุลทรรศน์ต่อไป
เราได้ความสุขและความทุกข์จากอาชีพของเราไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่ใครจะมีความสุขได้มากกว่าได้บอกไว้แล้วค่ะว่ามันอยู่ที่มุมมอง
เรามีความสุขจากการได้เห็นสิ่งมีชีวิตภายใต้กล้องจุลทรรศน์ที่หลากหลายสายพันธุ์ ดูการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันไป เหมือนการว่ายน้ำ เราได้เห็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ที่มีสีสันสวยงาม ทั้งจากตาเปล่าและจากกล้องจุลทรรศน์ เราได้เลี้ยงสิ่งมีชีวิตเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่อผู้ป่วย เราได้รู้จักใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในการตรวจโรคอยู่เสมอ
นี่คือประสบการณ์ชีวิตที่เราเลือกที่จะมีความสุข ไม่มีใครเก่งกว่าคนอื่น ไม่มีอาชีพไหนเก่งกว่ากัน คนเราเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ไม่ทุกด้าน แต่จงเลือกทำให้เกิดความเชี่ยวชาญในงานที่ถนัดและจงรักงานที่ตัวเองทำ และขอบคุณอาชีพของเราที่ทำให้เราอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ นะคะ
เมื่อเราเลือกแล้วจงหาหนทางเพื่ออยู่กับสิ่งที่เลือกอย่าง happy ending กันนะคะ
❤️💙🤎💛🧡💚💜❤️❤️💜💜💛🧡💚🧡❤️
บันทึก
10
23
10
23
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย