4 มี.ค. 2020 เวลา 20:16 • ธุรกิจ
ฮู้...ไม่มีปัญญาซื้อหรอกแพงขนาดนั้น!!
เคยมีคำพูดแบบนี้กับตัวเองมั้ย?
คุณเชื่อมั้ยว่า เมื่อคุณพูดหรือแค่คิดแบบนั้น
คุณจะไม่มีวันได้ของชิ้นนั้นเลยไปตลอดชีวิต!!
ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะเป็น บ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูๆ แหวนเพชร สร้อยคอ กระเป๋าแบรนด์เนม หรืออะไรก็ตามที่คุณคิดแบบนั้นในหัวของคุณ คุณจะไม่มีวันได้มันมา
จริง ครับ ผม Confirm ได้เลย
เพราะทันทีที่คุณพูดหรือคิดแบบนั้น เคยลองสังเกตุตัวเองมั้ยครับว่า สมองคุณจะหยุดคิดเรื่องๆ นั้นไปเลย เช่น
คุณไปดูบ้านตัวอย่างหลังสวยๆ สักหลัง ตกแต่งพร้อมอยู่ น่าอยู่มาก มีห้องพ่อแม่ ห้องลูกชาย ห้องลูกสาว ห้องครัวใหญ่ น่าทำกับข้าวมาก... แล้วเซลล์ขายบ้านบอกราคาคุณว่า 10 ล้าน!!!
คุณก็ตกใจนิดนึง แล้วคิดในใจว่า ฮู้...บ้าหรือเปล่า แพงขนาดนั้น ฉันไม่มีปัญญาซื้อหรอก...แล้วพอคุณขึ้นมาบนรถ คุณก็เริ่มคุยกับแฟนทันทีเลยว่า บ้าป่าว!! แพงขนาดนี้ ไป..เราไปดูโครงการที่ถูกกว่านี้ดีกว่า
เพราะการที่คุณคิดแบบนี้เท่ากับคุณจำกัดสมองของคุณเองไปในตัวแล้วครับว่า คุณไม่มีปัญญาได้มันมาครอบครอง คุณทำตัวคุณเองให้เล็กลง กระบวนการในสมองของคุณจะหยุด ตัดวงจรในการคิดของคุณทุกอย่างลงครับ แล้วคุณก็จะกลับไปอยู่จุดเดิมๆ ที่คุณเคยอยู่ คุ้นชินกับสิ่งที่คุณเคยเป็น และคิดแบบที่คุณเคยคิด แล้วในที่สุด ชีวิตคุณก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตก็เหมือนเดิมครับ
ในทางตรงกันข้ามนะครับ ถ้าคุณคิดว่า ฮู้ราคาสูงอยู่นะ แต่อยากได้มากเลยอ่ะ เพราะมันเหมาะสมกับครอบครัวเรามากเลย ถ้าเราได้บ้านหลังนี้ ทุกคนจะมีความสุข การงาน การเงิน ธุรกิจ สภาพแวดล้อม การเป็นอยู่จะดีขึ้น แบบนี้ กระบวนการในสมองของคุณจะเริ่มคิดว่า... ทำยังไงให้ได้บ้านหลังนี้นะ ราคา 10 ล้านเหรอ ต้องดาวน์เท่าไหร่นะ ผ่อนเท่าไหร่นะ ซื้อแบบไม่ต้องดาวน์ได้มั้ยนะ แบบกู้ 100% ดอกเบี้ยต่ำๆ 3 ปีแรกมีมั้ยนะ มีโปรโมทชั่นอะไรมั้งนะ คำถามเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาในหัวคุณทันที แล้วคุณก็จะเริ่มคิดวิธีการได้มันมาในขั้นตอนต่อๆ ไป เช่น หารายได้เพิ่มได้ยังไงถึงจะพอผ่อนบ้านหลังนี้ได้ คุณจะสื่อสารกับทุกคนในครอบครัวให้ช่วยกันเพื่อซื้อบ้านหลังนั้น จะหาเงินมาดาวน์ได้ยังไง แบ่งส่วนกันคนละเท่าไหร่ เป็นต้น
จากวิธีคิด 2 อันข้างต้น คุณเห็นความแตกต่างมั้ยครับว่า มันแตกต่างกันขนาดไหน วิธีคิดแบบแรกคือ วิธีคิดที่จะทำให้คุณไม่ได้ไปต่อ และกลับไปอยู่แบบเดิมที่คุณเป็น ที่คุณคุ้นชิน หรือ ที่คุณสบายใจ ที่เราเรียกมันว่า comfort zone ของคุณ
ในขณะที่วิธีคิดแบบที่ 2 มันช่างท้าท้ายความสามารถในตัวคุณซะเหลือเกิน คุณพยายามจะขยายตัวออกจาก comfort zone ของคุณ ทำให้ comfort zone คุณใหญ่ขึ้น วิธีการต่างๆ จะเริ่มพลั่งพรูเข้ามาในหัวคุณ คุณจะพยายามหาวิธีการทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองมัน คุณจะสร้างความเป็นไปได้ในตัวคุณเอง ทุกคนในครอบครัวมีความหวัง มีการตั้งเป้าหมายร่วมกันในครอบครัว
เห็นมั้ยครับว่า แค่คุณเปลี่ยนวิธีคิด หรือ คำพูดกับตัวคุณแค่นิดเดียว ผลมันแตกต่างกันอย่างมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ!!
เรื่องบ้านมันเป็นแค่ตัวอย่างเฉยๆ นะครับ...ในชีวิตจริงมีอีกหลากหลายเรื่องราวที่คุณจะต้องคิดแบบนี้ ตัวอย่างเช่น เรื่องงานที่คุณอาจจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่อะไรสักอย่างและคุณปฏิเสธมันแล้วบอกว่า คุณไม่มีปัญญาทำได้หรอก การคิดแบบนี้สมองของคุณก็จะไม่คิดต่อแล้วครับ กระบวนการทางสมองคุณจะหยุดลงทันที โอกาสที่คุณจะได้รับการโปรโมท เงินเดือนมากขึ้น หน้าที่การงานดีขึ้นก็จะหมดไป
ดังนั้น เลิกพูด เลิกคิด กับตัวเองนะครับว่า "ฉันไม่มีปัญญาหรอก" เพราะมันจะปิดกั้นคุณจากโอกาสดีๆ ที่คุณควรจะได้รับมัน...
จากประสบการณ์ตรงของผมเอง... CEO...พี่ B
ถ้าอ่านแล้วชอบ...ช่วยแชร์ต่อด้วยนะครับ
เพจพี่บี พลิกชีวิต ด้วยเสื้อผ้า Online
โฆษณา