Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Porttoffy
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2020 เวลา 10:38 • ธุรกิจ
"ทำความรู้จัก Economic Complexity Index หรือดัชนีความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ"
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันโลกเราขับเคลื่อนด้วยระบบเศรษฐกิจเป็นหลักน้าค้า ถ้าประเทศไหนที่มีรากฐานระบบเศรษฐกิจดี ประเทศนั้นก็จะมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากเท่านั้นค่า~ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่เราอาจจะวัดความแข็งแรงของเศรษฐกิจได้ ก็คือการดูจากดัชนีความซับซ้อนทางเศรษฐกิจหรือ Economic Complexity Index (ECI) นั่นเองค่า~
"EIC คืออะไร?"
Economic Complexity Index (ECI) เป็นดัชนีความซับซ้อนทางเศรษฐกิจซึ่งใช้วัดความหลากหลายของสินค้าที่แต่ละประเทศผลิตได้ นอกจากนี้ ECI จะวัดไปถึงความซับซ้อนของสินค้าที่ผลิตได้อีกด้วยน้าค้า ซึ่ง ECI จะวัดออกมาเป็นตัวเลขในเชิงเปรียบเทียบ ถ้าประเทศไหนที่มีค่า ECI สูง แปลว่าประเทศนั้นสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลาย และสามารถผลิตสินค้าที่ซับซ้อน (เช่น รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์) ได้นั่นเอง
เราอาจจะเปรียบเทียบ ECI ให้เห็นภาพง่ายขึ้นน้าค้า โดยเราอาจจะมองว่าแต่ละประเทศนั้นเปรียบเสมือนร้านอาหารร้านนึงก็ได้ค่า~ ถ้าร้านไหนที่มีเมนูอาหารน้อย แถมเป็นอาหารทำง่ายๆไม่ต้องพิถีพิถัน ค่า ECI ก็จะน้อย แต่กลับกันร้านไหนที่มีเมนูอาหารหลากหลาย แถมแต่ละอย่างยังเป็นอาหารจานเด็ดทำยากแต่คุณภาพอร่อยระดับมิชลิน 5 ดาวเนี่ย ร้านนั้นก็จะมีค่า ECI ที่สูงขึ้นตามนั่นเองค่า~
อย่างประเทศที่มีค่า ECI สูงสุดตลอดกาลก็คือ ประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง เพราะว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเราน่าจะทราบกันดีว่าเป็นประเทศเจ้าแห่งนวัตกรรมเจ๋งๆเด็ดๆจำนวนมากมาตั้งแต่อดีต โดยในปี 2017 ค่า ECI อยู่ที่ 2.28 ซึ่งทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมญี่ปุ่นถึงเป็นอันดับหนึ่งในด้าน ECI น้าค้า
แผนผังแสดงสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตได้ในปี 2017 (ภาพจาก http://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=114&year=2017&productClass=HS&target=Product)
ส่วนประเทศที่ค่า ECI ติดลบเลยก็เช่น ประเทศเวเนซุเอล่า ซึ่งในปี 2017 ค่า ECI นั้นอยู่ที่ -1.23 น้าค้า อย่างที่เราน่าจะทราบกันว่าประเทศนี้เป็นหนึ่งในประเทศที่เคยผลิตน้ำมันได้สูงเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย แต่เนื่องจากว่าประเทศนี้เน้นผลิตแต่น้ำมันอย่างเดียว ไม่ค่อยมีสินค้าอย่างอื่น ทำให้ความซับซ้อนของเศรษฐกิจนั้นต่ำตามไปด้วย และพอเกิดวิกฤติราคาน้ำมันตกในช่วงปี 2014 ประเทศเวเนซุเอล่าที่เน้นส่งออกน้ำมันก็เลยได้รับผลกระทบอย่างหนักนั่นเองค่า~
แผนผังแสดงสินค้าที่ประเทศเวเนซุเอล่าผลิตได้ในปี 2017 (ภาพจาก http://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=236&year=2017&productClass=HS&target=Product)
จากตรงนี้ท๊อฟฟี่เลยมองว่าประเทศที่มีค่า ECI สูงๆนั่นจะดีกว่าในเรื่องของการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจน้าค้า เพราะถ้าเกิดปัจจัยภายนอกมากระทบเมื่อไหร่ เศรษฐกิจมันก็จะไม่เสียหายมาก เพราะประเทศก็ยังมีสินค้าอื่นๆไว้คอยเป็นเดอะแบกอยู่นั่นเองค่า~
"แล้วค่า ECI ของไทยเป็นยังไง?"
ท๊อฟฟี่จะบอกว่าประเทศไทยก็ไม่ได้ขี้เหร่น้าค้า เพราะประเทศไทยมีค่า ECI อยู่ที่ 1.15 ซึ่งเป็นอันดับที่ 25 ของโลกเลย ถ้าดูจากแผนผังข้างล่างก็จะเห็นน้าค้าว่าประเทศไทยนั้นมีการผลิตสินค้าที่หลากหลายอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวนั้นอยู่ที่ประมาณ 18% ของทั้งหมด ซึ่งเราก็จะเห็นน้าค้าว่าประเทศไทยนั้นค่อนข้างพึ่งพาการท่องเที่ยวในระดับสูง ดังนั้นประเทศไทยก็อาจจะมีความเสี่ยงพอสมควรถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มากระทบการท่องเที่ยว เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด เป็นต้นค่า~
แผนผังแสดงสินค้าที่ประเทศไทยผลิตได้ในปี 2017 (ภาพจาก http://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=216&year=2017&productClass=HS&target=Product)
สำหรับคนที่อยากจะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ECI ท๊อฟฟี่ก็มีลิงก์ข้างล่างไว้ให้ศึกษาต่อแล้วน้าค้า
atlas.cid.harvard.edu
The Atlas of Economic Complexity by @HarvardGrwthLab
Visualize global trade data and economic growth opportunities for every country
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย