.
.
เพื่อนๆ ปรบมือกันเกรียว สาวๆ กรี๊ดอีตาสะอาดโซคลีนนี่กันจังเลย ฉันคิด ดูท่าทางเขาจะมีความสามารถในการพูดพอสมควร จากนั้นเขาก็สอนวาดรูปโดยให้เราจับกลุ่มกันเองแล้วก็สอนกันเองโดยมีเขาสอนแบบวนสับกลุ่ม
.
.
เมื่อเลิกชั้นเรียนแล้วรีลเดินมาหาฉัน
.
“นี่ไกอา เรามารวมทีมกันเถอะนะครับ
ผมขอคุณครั้งที่ 2 แล้วนะ”
.
“ไม่หละค่ะ ฉันไม่อยากลงแข่ง”
.
“นี่เป็นโอกาสนะ ในสายอาชีพของเรา ในลีคนี้ ถ้าคุณชนะสามปีซ้อนแล้วได้คุณได้บรรจุเป็นสเปคตรัลยูนิทหละก็ พ่อแม่เราก็สบายทั้งชาติเลยนะคุณไม่สนใจเหรอ”
.
.
ฉันหยุดกึก พลางคิดในใจนี่มันจะเป็นข้อเสนอที่ดีจริงหรือเปล่า? แล้วมันคุ้มค่าไหมที่ต้องสละเวลาเรียนไปซ้อมวาดรูปเป็นบ้าเป็นหลัง เพื่อเป็นทหารเนี่ยนะ แถมที่ฉันได้ยินจากปริซึม ลีคนี้มีคนตายอีกด้วย คนอ่อนแออย่างฉันจะเป็นได้ที่ไหน แต่ฉันก็ถามเขาออกไปว่า….
.
“จริงเหรอ….แล้วทำไมคุณดีกับฉัน?”
.
ฉันว่าฉันต้องไปทำประกันชีวิตไว้ไหมถ้าลงแข่งกับนาย ถึงนายจะเป็นแชมป์สองปีซ้อนแต่ฉันเป็นมือใหม่นะ
.
“ไม่รู้สิ เพราะฝันประหลาดนั้นมั้ง” รีลยิ้มแฉ่ง
.
“บอกแล้วไง ฉันไม่ได้เก่งเหมือนคุณนะ ฉันจะทำคุณพังแน่ๆอย่าคิดแค่ฝันประหลาดสิคะ”ฉันทำหน้าเหวอ และสีหน้าซีดเผือดรวมทั้งปาก ใบหน้าขาวราวสโนวไวท์ยิ่งดูไม่มีสีเข้าไปใหญ่
.
“เอางี้ ผมจะให้เครื่องวาดภาพนี้แก่คุณถ้าเราไปถึงรอบสุดท้ายและชนะได้เพราะผมไม่ต้องใช้มันแล้วในกองทัพมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่าเสปคตราเยอะแยะ”
.
ฉันร้องว้าวในใจ ถ้าได้เครื่องนั้นมาก็คงจะดี สีหน้าซีดเผือดกลับมาเป็นยิ้มแย้มอย่างกระทันหัน แต่จู่ๆ เธอก็นึกถึงสิ่งที่อิควิน็อกซ์พูดขึ้นมาได้ สีหน้าก็กลับมาซีดเผือดอีกครั้ง
.
.
“อีตารีล” เขาดูเป็นตัวอันตรายในชีวิตฉันจริงๆ