6 มี.ค. 2020 เวลา 13:29 • ท่องเที่ยว
พามาชมภาพวาดระดับโลกของศิลปินเรเนอซองซ์ ชิ้นที่โด่งดังที่สุดของ ... ปีเตอร์ บรูเกล ที่วาดชีวิตยุคศตวรรษที่ 16 ได้มีเสน่ห์น่าค้นหา
บันไดหินอ่อนสไตล์เรเนอซองซ์อันโอ่อ่า พาผมกับคลาร่าขึ้นมาสู่ชั้นสองของอาคาร รอบตัวของเรารายล้อมไปด้วยประติมากรรมคลาสสิก ... ผมแพ้บรรยากาศแบบนี้ทุกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด ...
ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะแห่งเวียนนา (Kunsthistorische Museum Wien) ครับ พวกเขานำ collection ภาพยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของ Pieter Bruegel (1525-1569) จิตรกรเลื่องชื่อชาว "เฟลมิช" มาจัดแสดงครับ
"ชาวเฟลมิช? คุณกำลังหมายถึงคนเชื้อสายเยอรมันในมณฑลฟานเดอร์ส ที่ตั้งอยู่ในบริเวณประเทศเบลเยียมที่ติดกับฝรั่งเศสและเยอรมนีน่ะหรอคะ?" คลาร่าถาม
"คือ ฉันสงสัยว่า .... ศิลปินชาวเฟลมิชมาทำอะไรที่เวียนนาน่ะค่ะ"
ภาพวาดในปี 1565 คาดว่าเป็นภาพเหมือนของบรูเกลเอง
"ศิลปินไม่ได้เดินทางมาที่เวียนนาแบบนั้นครับ แต่ศิลปินนั้นอยู่ในประเทศเดียวกันกับเวียนนาต่างหาก" ผมตอบ
เธอขมวดคิ้ว "ว่ายังไงนะคะ? ... นี่เรากำลังอยู่ในออสเตรียนะคะ"
เราเดินเข้ามาในห้องจัดแสดงส่วนที่บรรยายไว้ว่า "Niederländishe, flämische und deutsche Malerei" หรือ ห้องแสดงภาพเขียนของศิลปินชาวเนเธอแลนด์ เฟลมิช และเยอรมัน บนป้ายมีภาพ "หอคอยบาเบล" อันโด่งดังของบรูเกลประดับอยู่
"เพราะว่า ดินแดนดัทช์กับฟลานเดอร์สเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจักรโรมันอันศักดิ์ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮับบวกส์นะครับ แล้วบังเอิญว่า เวียนนาคือเมืองหลวงที่ประทับของจักรพรรดิ -
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่จะเก็บผลงานจิตรกรรมของศิลปินเฟลมิชไว้เยอะมาก โดยเฉพาะของปีเตอร์ บรูเกล ... ตลกร้ายนะครับ ... เพราะผลงานของบรูเกลอาจจะอยู่ที่นี่มากกว่าในระเทศเฟลมิชเองด้วยซ้ำ"
เนเธอแลนด์ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก (ดินแดนที่ทาด้วยสีส้ม) ในปี 1548, with the ecclesiastical enclaves of Liège (purple) and Stavelot-Malmedy (pink)
เราอยู่ข้างหน้าภาพภาพหนึ่งซึ่งมีชายสองสามคนกำลังจ้องมองด้วยความสนใจ - มันเป็นภาพผู้คนมากหน้าหลายตากำลังนั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศที่ดูคึกคักวุ่นวาย เป็นภาพเขียนขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใส่ในกรอบไม้สีน้ำตาลเข้ม
"คงจะเป็นอาหารมื้อพิเศษมาก ๆ เลยนะคะ สัมผัสได้เลยว่า มันไม่ใช่การกินข้าวด้วยกันธรรมดา ... ฉันเห็นถึงความรื่นเริง"
"นี่เป็นผลงานของบรูเกล ชิ้นที่ผมชอบมาก หากเรามองดูภาพนี้ แม้จะไม่ได้แสดงออกอย่างจัดจ้าน แต่เรารับรู้ได้ถึงบรรยากาศของความรื่นเริงและเฉลิมฉลอง"
ภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 114 ซม × 164 ซม
"เขากำลังฉลองให้กับอะไรคะ? งานประจำปีหรอ"
"ภาพนี้ชื่อว่า งานแต่งงานของชาวนา (De erenbruiloft) เขียนขึ้นเมื่อราวปี 1567 - 1568 ครับ"
ผมเคยอ่านหนังสือที่บรรยายเกี่ยวกับภาพนี้ไว้ .. นี่ละครับ ถึงเวลาแล้วที่จะแสดงความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ให้เธอฟังบ้าง
"ชาวนาหรอคะ? หลายภาพที่เราเดินผ่านมา ฉันคิดว่าผลงานของนายบรูเกลหลายชิ้นล้วนเป็นภาพวิถีชีวิตของชาวนานะคะ"
นายพรานในช่วงเวลาหิมะตก บรูเกลมักชอบวาดภาพแสดงชีวิตของชาวบ้าน นายพราน ชาวนา
"ใช่ครับ บรูเกลชอบวาดภาพชาวนา" ผมหัวเราะ
"คุณลองทายไหมครับ ว่าคนในภาพนี้ใครคือเจ้าสาว"
เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าจดจ่อ พร้อมกับส่ายนิ้วชี้ไปมาราวกับเล่นเกมจับผิดภาพ
"เอ่อ เดาว่า... เจ้าสาวน่าจะเป็นคนที่นั่งอยู่หน้าพรมติดผนังสีเขียว ที่อยู่กลางห้องนะคะ ฉันว่าเธอดูหรูหรา ดูโดดเด่น ดูแพงสุด" เธอชี้นิ้วไปที่กลางภาพ
ผมยิ้ม "ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ แต่ดูสิครับ ไหนล่ะ เจ้าบ่าว? ... เราไม่อาจเดาได้เลยว่าคนไหนคือเจ้าบ่าว บางที ... อาจจะเป็นชายแต่งชุดดำสักคนที่นั่งถือเหยือกเบียร์ก็ได้ ความเคลือบแคลงสงสัยนี้อาจเป็นมนต์เสน่ห์ที่บรูเกลวางไว้ให้เรา"
"แล้วนอกจากนี้ บรูเกลยังแอบซ่อนรายละเอียดที่น่าสนใจไว้อีก หากคุณมองภาพรวม พวกชาวนาจัดโต๊ะอาหาร ในแบบที่ ... ดูแล้ว ทำให้นึกถึงโต๊ะอาหารค่ำในโถงปราสาทของขุนนางเลยนะครับ"
คลาร่าทำเสียงตื่นเต้น เธอพูดต่อ "แต่แทนที่จะเป็นโถงหรูหราที่ตกแต่งอย่างวิจิตรในปราสาท มันกลับอยู่ใน ... โรงนา นี่เอง"
"ใช่ครับ แล้วบรรยากาศของโรงนาก็ถูกสร้างอย่างสมจริง ดูแล้วไม่ต้องสงสัยเลย ว่ามันคือ โรงนาบ้าน ๆ ที่พวกเขาใช้งานกันจริง ๆ มันมีอุปกรณ์การเกษตรต่าง ๆ วางหลบมุมไว้ ราวกับว่าเพิ่งถูกใช้ล่าสุดเมื่อวานนี้เอง ก่อนที่จะเริ่มงานเลี้ยงในห้องนี้"
"จริงด้วย ฉันเห็นแล้ว ดูสิคะ... ใต้โต๊ะยังมีลูกวัวอยู่เลย" เธอหัวเราะคิกคัก
"ในรายละเอียดนั้น คุณจะเห็นห้องโถงปราสาทที่ควรจะมีดาบหรือทวนที่สวยงามประดับไว้บนผนัง แต่พวกชาวนานำฟางสองมัดมาประดับไว้แทน รวมถึงคราดห้อยอยู่บนผนังทางขวา อาจจะตีความว่าเป็นเครื่องเตือนถึงฤดูเก็บเกี่ยวและความรับผิดชอบของเกษตรกร แทนที่จะเป็นการแสดงเกียรติยศและอำนาจเฉกเช่นขุนนางในปราสาท"
"ฉันชอบผ้าห่มเก่า ๆ สีตุ่น ๆ ที่แขวนไว้หลังเจ้าสาวแทนที่จะเป็นพรมสไตล์ตะวันออกราคาแพง" เธอพูดด้วยเสียงตื่นเต้นราวกับค้นพบความลับอะไรบางอย่างด้วยตนเอง
"บรูเกลน่าจะดีใจที่ฉันเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อนะคะ ถ้าบังเอิญเขาคิดตรงกับฉัน หรืออาจจะไม่ก็ได้" เธอหัวเราะ
"สังเกตว่าอาหารที่พวกชาวนากิน แตกต่างจากผู้ดีในปราสาท มีขนมปัง ข้าวต้มจากธัญพืช และซุป ไม่มีเนื้อสัตว์เลยนะครับ พวกเขาดูยากจน และ... มันยิ่งทำให้ภาพนี้ดูเรียล"
คลาร่าพยักหน้าหงึก ๆ "แต่มันก็ดูน่าเอร็ดอร่อย จนเห็นได้ชัด อย่างชายตรงกลางที่กำลังทำท่าเหมือนจะขอเติมเครื่องดื่มเพิ่ม หรือกลุ่มนักดนตรีทางซ้ายมือที่ดูสนุกสนาน แล้วยังมีเด็กนั่งเลียชามอย่างอร่อยด้วยนะคะ"
"แล้วลองสังเกตสักนิดนะครับ" ผมชี้นิ้วไปที่ชายสองคนด้านหน้าตรงกลางภาพ ...
"ชายสองคนนี้อยู่หน้าสุดจนเรามักจะมองข้ามไป เพราะรายละเอียดในภาพเยอะเหลือเกิน ... ชายสองคนกำลังแบกอาหารโดยใช้ ... เอ่อ มันไม่ใช่ถาด หรือ แคร่แบบที่ควรจะเป็นสำหรับการเสิร์ฟอาหารในปราสาทครับ แต่นี่มันคือบานประตู! แล้วมันก็เพิ่งถูกถอดมาด้วยซ้ำ ผมยังเห็นกลอนประตูติดแหงกอยู่เลย!! คุณดูสิ"
นี่ละครับ งานแต่งงานของชาวนา น่าประทับใจใช่มั๊ยครับ
โฆษณา