6 มี.ค. 2020 เวลา 05:34 • ความคิดเห็น
เราชื่อนิคค่อน และเราว่าการลดราคา เพื่อดึงลูกค้าจะทำให้เกิด
War Price ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก
1
ตอนนี้ก็เข้าช่วงวิฤติ เศรษฐกิจด้วย แถมมาด้วยเรื่องโรคร้ายแรงอีกต่าง
หาก ทำให้ เศรษฐกิจเราแย่กว่าเดิมอีกด้วย
เราอยากจะบอกว่าโปรโมชั่นทั้งหลายนะดี ต่อธุรกิจ
แต่ในบางครั้ง คุณอาจจะ ทำโปรฯ ลดราคาสินค้า
และจะทำให้เกิด War price ได้
War price หมายถึง สงครามราคา คือการลดราคาแข่งกัน จนทำให้เกิดสงครามราคาขึ้นมา หากเกิดเหตุการอย่างนี้ คนที่มีสายป่านยาวที่สุด
จะเป็นผู้ชนะ หรือไม่ก็ตายคู่นั้นแหละครับ
ส่วนคนที่ได้ประโยชน์จริงๆคือ ลูกค้านะจ๊ะ ได้ของดีราคาถูก
เรามีนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ war price ที่เราอยากจะเล่าให้ฟัง
อาแป๊ะขายไข่
รูปจาก google
อาแป๊ะ ขายไข่อยุ่ในตลาดแห่งหนึ่ง ทุกวันอาแป๊ะ จะขายไข่ที่ตัวเองนำมาจนหมดทุกวัน โดยแกขาย ไข่ในราคา 5 ลูก 10 บาท ตกลูกละ 2 บาท
จนมีวันหนึ่ง เจ้เจ้าของแผงไข่ข้างๆ รู้สึกหงุดงิดที่เห็นอาแป๊ะ ขายไข่
หมดแผงทุกวัน เจ้เลยทำการลด ราคาไข่ เหลือลูกละ 1.5 บาท
ในวันนั้น เจ้ขายได้เยอะขึ้นมาก แต่ก็ยังรู้สึกขาดทุน โดยที่ อาแป๊ะ ก็ยังขายลูกละ 2 บาทเท่าเดิม และยังขายหมดด้วย
เจ้เลย ทำการลดราคา เหลือลูกละ 1 บาท ซึ่งการทำครั้งนี้ ทำให้เจ้ขายของได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า แต่อาแป๊ะก็ยังขายลูกละ 2 บาท
แต่ต่อให้เจ้ ขายลูกละ 1 บาทและขายดีแค่ไหนก็ตาม แต่อาแป๊ะ ก็ยังคงขายลูกละ 2 บาทต่อไป เป็นอย่างนี้อยู่หนึ่งเดือน จนเจ้ขายไข่ เจ๊งทั้งๆที่เจ้ขายดีมากๆ
ทำไมละ ทำไมถึงเจ๊ง เป็นคำถามที่อยุ่ในใจเจ้ และก่อนจะปิดกิจการ
เจ้เดินเข้าไปหาอาแป๊ะ
."อาแป๊ะ ลื้อขายไข่ได้น้อยกว่าอั๋วแถมลูกค้าก็มาซื้อของกับอั๊วเยอะมากแต่ทำไมลื้อถึงอยู่ได้"
"อามวยอา ลื้อขายไข่ใบละ 1 บาท ลื้อรู้ใช่มั๊ยว่า มันได้กำไรน้อยมาก
แถมลื้อต้องขายเยอะขึ้นเป็นสองเท่า ถึงจะได้กำไรเท่าเดิม "
"รุ้ แต่อั๊วก็ขายได้มากกว่าลื้อนะ ทำไมลื้อยังอยุ่ได้ ทั้งๆที่อั๊วขายได้มากกว่า"
"ต้นทุนไข่หนึ่งของใบของอั๊วก็ใบละ 1.25 บาทแล้ว
ลื้อขายใบละ 1 บาท
อั๊วก็แค่ ไปซื้อไข่ของลื้อมาขายต่องัย "
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า บางครั้งแล้ว สงครามราคา ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี
เสมอไป
โฆษณา