กับ แมรี่สัน เองก็เช่นกัน เธอเป็นสาววัยกลางคน ที่ใฝ่ฝันตลอดมาว่า อยากจะปล่อยเวลาให้สำลักความสุขไปกับการ์ตูนดิสนีย์วัยเด็กของเธอมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาที่ดำดิ่งมืดหม่นที่สุดในชีวิตของเธอเช่นนี้
.
เมื่อสองเดือนก่อน เธอเพิ่งหย่าร้างพร้อมคราบน้ำตา
เมื่อสองวีคก่อน เธอเพิ่งสูญเสียบิดาอันเป็นที่รัก
และเมื่อสองวันก่อน เธอเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน
.
เธอเศร้า/ เธอสูญเสีย/ เธอหดหู่
สภาพจิตใจของเธอบอบช้ำ ดั่งถูกผึ้งนับพันรุมต่อย
และสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวสติกับร่างกายของเธอให้ผสานกันไว้ ก็คือ งานพาร์ทไทม์ในดิสนีย์แลนด์ที่เพิ่งเริ่มทำได้ 1 เดือน เธอมีหน้าที่สร้างความสุขให้กับเด็กๆ โดยการใส่ชุด Mascot เป็นตัว “กาซีโมโด” หรือเรียกให้คุ้นหูหน่อยก็ เจ้าคนค่อมแห่งนอเทรอดาม นั่นแหล่ะ
.
เด็กๆไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไรนัก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ค่อยดัง และแถมคาแรกเตอร์ของมันยังดูน่าเกลียดพิลึก อีกต่างหาก
.
ทุกครั้งที่มีขบวนพาเหรดปิดสวนสนุกในช่วงค่ำ เธอในชุดกาซีโมโด มักจะถูกปล่อยให้เดินรั้งท้ายอย่างโดดเดี่ยวเสมอ
.
ท่ามกลางเสียงปรบมือและการตะโกนดีใจของเด็กๆ เมื่อ เหล่าตัวการ์ตูนดังอย่าง มิกกี้เมาส์, โดนัลดั๊ก, เอลซ่า, อาลาดิน, วู้ดดี้ ฯลฯ ทยอยเดินออกมา แต่กับ กาซีโมโด นั้น ...
.
ทุกเสียงต้อนรับ เงียบกริบ ...
ไม่มีใครสนใจ ไม่เห็นใครใยดี
แต่ แมรี่สัน ก็ยังใจแข็ง เดินปิดท้ายขบวน ต่อไป
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เดินรั้งท้ายขบวนอยู่นั้น
สายตาของเธอพลันเหลือบไปเห็น
เด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้เพียงลำพัง
อยู่ข้างพุ่มไม้ ที่อยู่ไกลออกไป
.
ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย
“ผู้ปกครองของเจ้าหนูนี่หายไปไหน?” เธอคิด
“เดี๋ยวสวนสนุกก็จะปิดแล้ว ฉันต้องช่วยเขา!” เธอบอกกับใจของตนเอง แล้วพาชุดอันหนักอึ้งของ กาซีโมโด วิ่งไปหาเด็กคนนั้นพร้อมกัน
.
“ไม่ต้องกลัวนะ! กาซีโมโด มาช่วยเธอแล้ว :)”
แมรี่สันในร่างคนค่อมบอกเด็กคนนั้น
เธอฉีกยิ้มให้เขา โดยที่ลืมไปว่ามีชุด Mascot เป็นอุปสรรคขวางกั้น “ความยิ้ม” นั่นอยู่
.
แต่เชื่อไหมครับว่า
เด็กคนนั้นสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มของแมรี่สัน
เพราะทันทีที่เธอพูดจบ เจ้าหนูคนนี้ก็กระโดดกอดเธอเสียแน่น
.
“ขอบคุณมากกครับ! คุณน้า!
ขอบคุณที่คุณน้าเห็นผม และมาช่วยผมไว้!
ผมหลงทางกับแม่ แล้วก็หกล้ม เจ็บขา!
คุณน้าช่วยพาผมไปหาแม่หน่อยนะครับ ..”
เด็กน้อยบอกทั้งน้ำตา
.
“ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวน้าพาไปนะ ^^”
กาซีโมรี่สัน (กาซีโมโด + แมรี่สัน) คอยๆอุ้มเจ้าหนูขึ้นมา
แล้วพาเดินไปหาผู้คนในขบวนพาเหรด
.
และนับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ แมรี่สันไม่เคยนำเลข 2 แห่งความวายป่วง ที่ไม่ว่าจะเป็น 2 ปีที่ถูกหย่าร้าง/ 2 เดือนที่พ่อจากไป หรือ 2 วีคที่เคยถูกไล่ออกจากงาน มาอยู่ในห้วงคำนึงให้โศกเศร้าอีกเลย
.
เพราะเธอเก็บมันอยู่ในรูปความทรงจำ และปรับจูนพวกมันเสียใหม่ ให้เป็นความแข็งแกร่ง คอยแสวงหาคุณค่าในทุกสิ่งที่ทำ และส่งความรักแบบเดียวกับที่เคยได้รับมาจากเด็กคนนั้นนั่นแหล่ะ กลับไปให้ผู้คน