7 มี.ค. 2020 เวลา 16:04 • ธุรกิจ
วิกฤตครั้งถัดไป?
บอกตามตรงว่าตอนนี้โดน สื่อส่งมอบข้อมูลเรื่องโรคระบาดแบบทุกทิศทุกทางและแทบทุกเวลา เรียกได้ว่าตกอยู่ถามกลางวงล้อมของ”ข่าวร้าย” ระหว่างนั้น ก็จะมีกลุ่มคนที่พยามเอาข่าวดีๆ หรือเรื่องเบาสมอง มาคั่นกลาง เพื่อลดความตึงเครียด เป็นเรื่องดีครับ แต่สำหรับผมแล้วการยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับปัญหา ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าปลอบใจตัวเอง ผมจึงอยากให้ท่านผู้อ่าน ลองเอาโมเดล”การจัดการปัญหาในภาวะวิกฤต” (crisis management) มาประใช้ดุ ผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์ อย่างน้อยก็ลดผลกระทบหรือแรงกระแทกของไปหาลงไปได้บ้าง ส่วนทางด้านจิตใจก็เยียวยากันไปตามสมควร มาเริ่มกันเลย!
1.ตระหนักรู้ คือต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่ามันเกิดขึ้นจริงๆแล้ว มีอยู่จริงๆแล้ว ส่งผลกระทบกับตัวเราหรือคนใกล้ตัวบ้างแล้ว เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่จริงๆยากมาก หลักการสำคัญข้อแรกของการจะแก้ปัญหาอะไรก็ตามคือ “ต้องยอมรับให้ได้ก่อนมามันมีอยู่จริง” ยกตัวอย่าง คุณมีนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง คุณอยากเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่เริ่มต้นด้วยการยอมรับว่าเราเป็นแบบนั้นจริง เคยทำแบบนั้น นับจำนวนและรำลึกได้แจ่มชัดถึงเหตุการณ์ คุณก็จะไม่สามารถเริ่มต้นสู่หนทางถัดไปเพื่อแก้ไขได้ สมองคนเรามีกลไกลของมัน ดังนั้นลองพิจราณา ยอมรับและเริ่มขั้นตอนถัดไป
2.แยกปัญหาออกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ “เรื่องที่เราไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ “หรือ มันเกิดจากปัจจัยภายนอกนั่นเอง เช่น ห้ามให้ฝนตกไม่ได้ เราไปพยามเท่าไหร่ก็ไม่เกิดประโยชน์ เสียเวลาและพลังงานไปโดยใช่เหตุ
เรื่องที่สอง “เรื่องที่เราแก้ไขได้” เล่น เราห้ามฝนไม่ได้ แต่เราสามารถพกร่มออกจากบ้านได้ พกเสื้อกันฝนได้ เศษฐกิจไม่ดีเราไปทำให้มันดีขึ้นไม่ได้ แต่เราประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ รู้จักวางแผนและเก็บออม
3.ยอมรับความเป็นไปไม่ได้บางอย่าง อันนี้เป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้ตระหนักถึงปัจจัยภายนอกให้เรายอมรับมันด้วยเหตุผล แบบเต็มใจเพราะไม่เช่นนั้นเราจะไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้แบบไม่สมบุรณะ และทำให้เราวกวนอยู่กับปัจจัยที่เราไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้
4.ลงมือเขียน ใช่ครับทุกอย่างที่อยู่ในหัวมันจะไม่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง ให้เขียนทางเลือกที่เราสามารถควบคุมและนำไปปฏิบัติได้ลงในกระดาษหรือสมุดบันทึก เป็นข้อๆ
5. ใช้หลักการ 80:20 เลือกแผนที่ลงมือแล้วส่งผลกระทบในทางบวกกับเราทันทีและค่อนค้างมาก ลงมือน้อยแต่ได้มาก
ลองไปปรับใช้กันดูนะครับ ก่อนจากกันอยากฝากข้อคิดสักหน่อย ตลาดหุ้นจะตกทั่วโลก ข่าวร้ายๆ ตามสื่อที่โหมกระหน่ำ แต่ลองมองไปรอบๆตัว โลกก็ยังคงหมุนไป คุณลุงข้างบ้านยังออกกำลังกายตอนเช้าตามปรกติ(แม้จะต้องใส่หน้ากาก) น้องนักเรียนข้ามถนนไปเรียนหนังสือตอนเช้า พี่จ่ายังคงโบกรถในการจราจรที่ติดเป็นปรกติ บีทีเอสยังแน่นเหมือนเดิม จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงในแกนหลักของมันเลย ขอให้เราดำเนินชีวิตต่อไปแบบตระหนักรู้ มีสติ นะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี ขอบคุณสำหรับการติดตาม
โฆษณา