7 มี.ค. 2020 เวลา 05:31
แจ้งเพื่อทราบก่อนการอ่านเนื้อหานี้ การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางออกต่างประเทศก่อนที่จะมีการประกาศงดการเดินทางออกนอกประเทศของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานราชการ และเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการติดเชื้อ Covid-19
เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนถึงมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่น้อยกว่าหลายๆ ประเทศในกลุ่มประเทศหัวแถวของภูมิภาค (สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย) ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน จนกระทั้งผมได้เดินทางมายังประเทศนี้เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถึงได้รับทราบข้อมูลหลายอย่างทั้งที่เราอาจจะไม่ได้เห็นจากสื่อในประเทศของเรา
หลังจากที่ผมก้าวลงจากเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โนฮัตตา สนามบินหลักของประเทศในกรุงจาการ์ตา ก่อนที่จะเดินผ่านไปยัง ตม. นั้น ผมเจอด่านกักด่านแรกเลย ก็คือด่านตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้โดยสารทุกคน ย้ำว่าทุกคนทั้งชาวต่างชาติและชาวอินโดนีเซีย โดยมีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิแบบจ่อหน้าผาก ยิงใส่รายตัว เมื่อตรวจเสร็จก็ให้ทุกคนไปเขียนใบสีเหลืองๆ แบบที่เห็นในภาพ ซึ่งก็คือใบ HEALTH ALERT CARD หรือใบแจ้งข้อมูลสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ที่มีรายละเอียดที่ต้องกรอบให้ครบ ถ้ากรอบไม่ครบแล้วเดินผ่านไป เจ้าหน้าที่จะให้กลับมากรอกใหม่ ซึ่งยอมรับว่าตรงจุดนี้ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร คนเลยมากระจุกอยู่ตรงนี้หนาแน่น ต่างคนต่างนั่งบนพื้นสนามบินเพื่อเขียนใบสีเหลืองๆ นี่แหละ
เท่าที่สังเกตดูในตอนนั้น ไม่ค่อยมีใครใส่หน้ากากอนามัยกันสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ายังไม่ตระหนักถึงความร้ายกาจของไวรัส หรือมั่นใจว่าเมื่อกลับเขาประเทศก็ปลอดโรคแน่นอน อันนี้ไม่มีใครตอบผมได้
ผมได้ชวนเจ้าหน้าที่สนามบินคุยถึงการเดินทางจากเที่ยวบินจากต่างประเทศเข้าอินโดนีเซีย ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของสนามบินให้ข้อมูลกับผมว่า ตอนนั้นเที่ยวบินส่วนใหญ่จากประเทศจีนได้มีการยกเลิกการเดินทางไป – กลับ บ้างแล้ว ซึ่งโดยปกติ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าจาการ์ตาไม่มากเท่าไหร่ เหมือนที่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ชาวจีนนิยม เพราะส่วนใหญ่คนจีนชอบไปบาหลีมากกว่ามาจาการ์ตา ส่วนใหญ่ผู้ที่เดินทางมาจะเป็นอาเซียนด้วยกัน หรือจากประเทศอื่นๆ ในเอเชีย หรือยุโรป ที่อาจจะมาทำธุระมากกว่ามาท่องเที่ยว
“จาการ์ตาไม่มีอะไรน่าท่องเที่ยวเหมือนกรุงเทพหรอกค่ะ ถ้าจะเที่ยวก็ไปบาหลี หรือที่อื่นๆ แทน ฉันยังชอบไปเที่ยวกรุงเทพเลย” เจ้าหน้าที่สนามพูดกับผมด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงท้องถิ่น
อีกหนึ่งข้อมูลที่ผมได้ทราบมาเกี่ยวกับวิธีการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นข้อมูลมาจากเพื่อนสนิทชาวต่างชาติที่เป็นผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของประเทศเล่าให้ผมฟังในวันที่นัดเจอกัน เขาบอกว่า
“จริงๆ แล้วนักข่าวทราบแหละว่ามีการพบผู้ติดเชื้อในในประเทศ แต่ด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้สื่อไม่สามารถรายงานข่าวได้ หากมองในมุมของความเป็นจริงดูสิว่า ประเทศที่เป็นหมู่เกาะอย่างประเทศของฉัน ที่มีทางเข้าออกประเทศมากมาย มีเที่ยวบินตรงไปลงเมืองยังเกาะต่างๆ ได้โดยไม่ต้องผ่านเข้าจาการ์ตา คิดว่าจะไม่มีใครที่ติดเชื้อเล็ดรอดเข้ามาเลยเหรอ”
เพื่อนผมคนนี้ยังบอกด้วยว่า อินโดนีเซียมีวิธีการจัดการกับผู้ที่เดินทางเข้ามาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จะบินเข้ามายังจาการ์ตา โดยการให้คนเหล่านี้ถูกคัดกรองไปอยู่ที่เกาะๆ ทูนา ทางตอนเหนือของเกาบอร์เนียว ห่างจากรุงจาการ์ตากว่า 1,500 กม. เพื่อทำการกักบริเวณ 14 วัน และเมื่อตรวจพบว่าไม่มีการติดเชื้อ ถึงจะให้ปล่อยตัวกลับเข้าประเทศได้
“ฉันไม่ได้อยากบอกว่ารัฐบาลกำลังพยายามปกปิดข้อมูลนะ แต่ในฐานะที่ฉันเป็นนักข่าว ฉันยังไม่สามารถรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือรู้ขั้นตอนการรับมือของหน่วยงานควบคุมโรคของฉันได้เลย”
เมื่อผมจี้ถามต่อว่า แสดงว่ามีผู้ติดเชื้อในอินโดนีเซียใช่ไหม (ในตอนที่คุยกันยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ และไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสเพียง 8 ราย) เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆ
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข้อมูลที่ผมได้เห็น ฟัง และสัมผัสมาจากการเดินทาง ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง 100% หรือไม่ ไม่สามารถวัดค่าได้ทางสถิติ เพราะเอาเข้าจริงๆ ตอนนี้เราก็แทบจะไม่ได้ยินข่าวจากประเทศเพื่อบ้านอื่นๆ เกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้ นอกจากประเทศที่มีความเจริญแล้วในแถบอาเซียนและมีเสรีภาพการนำเสนอข่าว ซึ่งก็คือสิงคโปร์และมาเลเซีย ส่วนประเทศอื่นๆ ส่วนประเทศอื่นๆ ก็ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ
ทั้งนี้ผู้แทนขององค์การอนามัยโลกในอินโดนีเซียระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ว่า “อินโดนีเซียมีมาตรการที่ชัดเจนและองค์การอนามัยโลกเชื่อมั่นว่า อินโดนีเซียพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์นี้”
โดยอินโดฯ มีมาตรการห้ามนักเดินทางที่มาจากจีนในช่วง 14 วันไม่ให้เข้าประเทศ และระงับทุกเที่ยวบินทั้งขาไปและขากลับจากจีน
ด้าน Vivi Setiawaty เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทำไมอินโดฯไม่มีผู้ติดเชื้อ แต่ย้ำว่า ทางการมีการเตรียมความพร้อมที่ดีขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในปี 2548 “ เรายังคงเฝ้าระวัง” เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าว
อินโดฯมีความพร้อมใน 100 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในกรุงจาการ์ตา 3 แห่ง รวมถึงสถานที่กักตัว 240 คนที่อพยพมาจากเมืองอู่ฮั่น ที่อยู่บนเกาะนาทูนา ทางเหนือของเกาะบอร์เนียว
Paranietharan ผู้แทนจาก WHO ระบุว่า อากาศร้อนอาจเป็นปัจจัยที่ควบคุมการแพร่ระบาด แต่อาจต้องมีข้อมูลสนับสนุนมากกว่านี้เพื่อความแน่ใจ
“ไม่ค่อยมีเหตุผล ณ จุดนี้ว่า อุณหภูมิที่สูงอาจทำให้ไม่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอินโดนีเซีย”
โฆษณา