14 มี.ค. 2020 เวลา 21:29 • กีฬา
“มหัศจรรย์ 5 วัน ดั่งเทพนิยาย”
ภาพของนักเตะหน้าละอ่อน รูปร่างผอมบาง กับความสูงเพียง 168 ซม. โชว์ทักษะ และ เทคนิค อันสวยงามสอดแทรกด้วยชั้นเชิง ภายใต้ชุดแข่งสีน้ำเงิน ด้านหลังสกรีนเบอร์ 47 ในช่วงขวบเดือนที่ผ่านมา
สำหรับแฟนบอลทีมอื่น อาจจะมีเครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นว่า ไอเด็กคนนี้เป็นใครกัน? แต่สำหรับแฟนสิงห์บลู ต่างรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าไอหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า
“บิลลี่ กิลมอร์”
กิลมอร์ ลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2001
ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ และเริ่มก้าวเข้าสู่วงการลูกหนัง ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ กับสโมสร กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ยอดทีมแห่งบ้านเกิด
ตั้งแต่เด็ก เขาเป็นมิดฟิลด์ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ มีเทคนิคและมีวิธีการเล่นอันเฉลียวฉลาด โดยมีคุณปู่ที่ เป็นคนคอยแนะนำเขา และคอยประคับประคองเขาให้มีชีวิตอยู่กับฟุตบอลตลอด
วัยเด็กของหลายๆคน ย่อมมีความฝันแตกต่างกันออกไป บางคนอยากเป็น ทหาร,ตำรวจ บางคนอยากเป็น หมอ หรือ พยาบาล แต่กับเด็กน้อย กิลมอร์ ‘พรีเมียร์ลีก’ คือความฝันอันยิ่งใหญ่ของเขา
กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า ‘บันไดขั้นแรกของความฝัน’ มันมาถึงเขาในปี 2017
กิลมอร์ ในวัย 16 กระรัต เซ็นสัญญาเข้าถ้ำสิงห์บลู เชลซี ในชุดของเยาวชน นับว่าเป็นโมเมนต์สำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว
เขาต้องออกไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศครั้งแรก บททดสอบและแรงกดดันย่อมมีอยู่ เพราะสิ่งที่คุ้นชินมาทั้งชีวิต มันจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ทั้ง เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ วิถีชีวิตใหม่ และ สไตล์ฟุตบอลแบบใหม่ ซึ่งมันจะเติมเต็มเป็นความเป็น ‘นักฟุตบอลอาชีพ’ มากยิ่งขึ้น
กิลมอร์ เริ่มต้นกับชุดเยาวชนของเชลซี ภายใต้การกุมบังเหียน ของ ‘โจดี้ มอร์ริส’(โค้ช U-18 ในเวลานั้น) เพียงไม่กี่สัปดาห์ เขาก็สามารถรีดเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ เขาเป็นกำลังหลักพา เชลซี ประสบความสำเร็จมากมายในฟุตบอลระดับชุดเยาวชน ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก รุ่น U-18 และแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ
หลังจากนั้น เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ สก็อตแลนด์ รุ่น U-21 ในรายการ ตูลง ทัวร์นาเมนต์ ด้วยวัยเพียง 16 ปี (แบกรุ่นถึง 5 ปีเลยทีเดียว)
แต่ เด็กกว่าแล้วยังไงหละ? ถ้าเจ๋งจริงเรื่องอายุ ไม่สำคัญเลย เขาพิสูจน์ตัวเองโดยการพาทีมชาติสก็อตแลนด์ จบอันดับ 3 ในทัวร์นาเมนต์ และสามารถคว้ารางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยม ไปครองได้อีกด้วย
แม้อายุยังน้อย แต่ฝีเท้าเขานั้น ดูจะก้าวผ่านเวทีเยาวชนไปแล้ว ทำให้ประตูสู่เวทีอาชีพของเขาก็ได้เปิดขึ้นในที่สุด
จากฟอร์มที่โดดเด่น ทั้งกับสโมสรฯ และทีมชาติ ทำให้ เชลซี ตกลงมอบสัญญาอาชีพให้เจ้าหนู กิลมอร์
“เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับผมและครอบครัว ที่ได้เซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสร” กิลมอร์กล่าวผ่านเว็บไซต์เชลซี หลังจรดปากกาเซ็นสัญญาอยู่กับทีมไปจนถึงอย่างน้อยปี 2023
เขาประเดิมลงสนามในฟุตบอลอาชีพแมตช์แรก ในเกมฟุตบอลถ้วย และได้ลงไปสัมผัสฟลอหญ้าจริงๆ ช่วงท้ายเกม เขาถูกเปลี่ยนลงมาแทน อับราฮัม ในนาทีที่ 80 กว่า
แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยของมากนัก จบเกมไปด้วยผลเสมอ 1-1 กับทีม เดอะ เบลท์
“มหัศจรรย์มากครับที่ได้เปิดตัวกับทีม และกับแลมพาร์ดที่เชื่อมั่นในตัวผมแม้ว่าเป็นเกมที่ยากก็ตาม”
“ผมต้องแสดงให้เขา(แลมพาร์ด)เห็นว่าผมยังมีอะไรให้เขาอีกเยอะ” กิลมอร์กล่าวหลังจบเกม มันแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยม และ แรงกระหายในการพิสูจน์ตัวเอง
เชลซี ภายใต้การทำทีมของ แลมพาร์ด ในฤดูกาลนี้
มีการปรับระบบโครงสร้าง และแนวทางการทำทีมของสโมสรขึ้นมาใหม่ โดยการเน้นมาใช้ดาวรุ่งผสมผสานไปกับผู้เล่นซีเนียร์ในทีม
ดาวรุ่งหลายคนสามารถแจ้งเกิดกับแลมพาร์ดไปแล้ว อาทิเช่น แทมมี่ อับราฮัม,เมอร์สัน เมาท์,ลอฟตัส ชีค ฯลฯ ที่ต่างกันสร้างผลงานของตัวเองออกมาได้อย่างดี
เช่นเดียวกับ กิลมอร์ ที่สามารถพิสูจน์ตัวเอง ให้แลมพาร์ดและแฟนบอลสิงห์บลู เป็นที่ประจักษ์ได้สำเร็จ
เกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล ในฟุตบอล เอฟเอ คัพ กิลมอร์ สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ชั้นเชิงและเทคนิคยังเต็มเปี่ยมเช่นเคย บวกกับการสร้างสรรค์โอกาส,เซนส์ฟุตบอลที่เฉียบแหลม รวมไปถึงเขาเล่นกับนักเตะซีเนียร์คนอื่นได้อย่างเนียนตาเลยทีเดียว จบเกมในวันนั้น เชลซี สามารถเอาชนะยอดทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 2-0
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าผลแพ้ชนะ ก็คือเจ้าหนูกิลมอร์ สามารถคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มาครองได้อีกด้วย
นับว่าเป็นแมตช์แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการของเจ้าตัวเลยทีเดียว
“คุณจะเห็นได้เลยว่าแฟรงค์(แลมพาร์ด)มอบโอกาสให้นักเตะดาวรุ่งเยอะมาก และมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหนเมื่อได้โอกาสนั้นมาถึง การอยู่กับเชลซีมันน่าตื่นเต้นนะ และผมอยากจะทำให้ดีในทุกโอกาสที่ได้รับ” กิลมอร์กล่าวหลังจบเกม
อีก 4 วันถัดมา ความใฝ่ฝันในการเล่นพรีเมียร์ลีกของเขาในวัยเด็ก เขาสามารถทำมันได้สำเร็จแล้ว กิลมอร์ได้รับโอกาสครั้งสำคัญจาก แลมพาร์ด อีกครั้ง โดยการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ในเกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน
ความมั่นใจจากแมตช์ที่ล้ม ลิเวอร์พูล มาได้ มันแสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดเลยในเกมนี้ ไม่ใช่แค่กับ กิลมอร์ แต่รวมไปถึง นักเตะ,ทีมงานสต๊าฟ ทุกคน
ความมั่นใจนั้น นำมาซึ่งชัยชนะที่สวยงาม จบเกม เชลซี เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถล่ม เอฟเวอร์ตัน ขาดลอย 4-0
แม้กิลมอร์ จะไม่มีชื่อในการทำประตูหรือแอสซิสต์ในเกมนี้ แต่เขามีส่วนช่วยอย่างมากในการบัญชาเกมแดนกลาง เพียงแมตช์แรกอย่างเป็นทางการใน พรีเมียร์ลีก หรือสิ่งที่เรียกว่าความฝัน เขาสามารถแสดงฝีเท้าอันยอดเยี่ยมออกมาให้ได้เห็นอีกครั้ง ตอกย้ำถึงความสามารถที่เกินอายุด้วยการ ได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน
“มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเลยครับ เหมือนฝันที่เป็นจริง เมื่อได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือเราชนะ”
“ผมดีใจที่ได้ช่วยทีมคว้าชัยชนะ มันทำให้เราอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ผมสนุกกับการลงสนาม ผมชอบความรู้สึกที่ได้อยู่ในนั้นทุกนาที มันสุดยอดจริงๆ”
“ผมต้องขอขอบคุณ สโมสรฯ และ แฟรงค์ ที่ให้โอกาสและเชื่อมั่นในตัวผม และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ ขอขอบคุณครอบครัวของผม ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด”
ถึงตอนนี้เส้นทางของเขา มันพึ่งเริ่มต้นขึ้นเพียงเท่านั้น
ยังมีอีกหลายบททดสอบ ที่รอเขาอยู่
ท้ายที่สุดสิ่งที่เรียกว่า’กาลเวลา’ มันจะพิสูจน์ออกมาเอง
ว่าเขานั้นเป็น ของจริง หรือจะมีฟอร์มที่ดีได้แค่แปปเดียว แล้วก็หายไป อย่างที่นักเตะดาวรุ่งหลายคนเคยได้สัมผัส
ภูพาน.
#Gilmour #Chelsea #กิลมอร์ #เชลซี
#ทรรศนะของข้าพเจ้า
โฆษณา