10 มี.ค. 2020 เวลา 04:09 • บันเทิง
จะเป็นอย่างไรครับ หากคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองต้องติดอยู่ในวันเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
มีชายคนหนึ่งประสบพบเจอเหตุการณ์ที่ว่าครับ เขามีชื่อว่า ฟิล (Bill Murray)
หากจะให้จำกัดความนายฟิลคนนี้ ก็คงต้องบอกว่า "เขานึกถึงแต่ตัวเอง และหลงตัวเองอย่างยิ่ง" ว่าง่ายๆ คือไม่น่ารักสักเท่าไร
(บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องครับ)
ฟิลมีอาชีพเป็นหนุ่มพยากรณ์อากาศ และล่าสุดเขาต้องเดินทางไปต่างเมืองเพื่อทำข่าวเกี่ยวกับวัน Groundhog ประเพณีดั้งเดิมของเมืองพังซูทาวนีย์ที่มี "ตัวอ้น" เป็นตัวชูโรง
ใครต่อใครรู้สึกสนุกไปกับประเพณีนี้ แต่สำหรับฟิลแล้วกลับมองว่ามันช่างไร้สาระยิ่ง การทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้เลยทำให้เขาหงุดหงิดตลอดเวลาจนเพื่อนร่วมงานอย่างริต้า (Andie MacDowell) และแลร์รี่ (Chris Elliott) ยังอดรำคาญไม่ได้
ครั้นพองานเสร็จเขาก็อยากจะรีบกลับบ้านเร็วๆ แต่ก็มีเหตุพายุหิมะทำให้เขาต้องนอนค้างที่เมืองนี้อีกหนึ่งคืน (แบบกล้ำกลืนฝืนทน)
พอถึงเช้ารุ่งขึ้น ฟิลก็พบว่า เขาตื่นมาในวัน Groundhog อีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง!
ตอนแรกๆ ฟิลก็รู้สึกสับสนต่อเหตุการณ์ที่เกิดครับ แต่สักพักเขาก็เริ่มใช้ประโยชน์จากมัน ไม่ว่าจะใช้มันเพื่อวางแผนจีบสาว หรือทำตัวเหลวแหลกแค่ไหนก็ได้ เพราะไม่ว่าจะยังไงพอเขาตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะเริ่มต้นใหม่เป็นวัน Groundhog อยู่ดี
แต่แล้วพอเขาหมายปองจะจีบริต้า เขากลับพบว่าตัวเองต้องลงเอยด้วยความล้มเหลวทุกครั้งไป ไม่ว่าจะวางแผนดีแค่ไหน สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนดีเพียงไร แต่เขาก็ไม่อาจชนะใจริต้าได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
อาจเพราะแท้จริงแล้ว เขาไม่ใช่คนน่ารักอย่างที่เขาพยายามสร้างภาพให้เธอเห็น
อาจเพราะริต้าสามารถมองผ่านเปลือกนอกที่ดูดีของฟิลและเห็นถึงความกลวงโบ๋ภายในตัวเขา
Cr.imdb
แล้วฟิลก็เริ่มหมดสนุก การติดอยู่ในวันเดิมๆ ไม่ใช่เรื่องเพลิดเพลินอีกต่อไป
เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็ตระหนักได้ว่า ตัวตนที่เขาเป็นอยู่นั้นช่างไม่น่ารักเลย
และตัวตนแบบนี้มีแต่จะนำพาชีวิตของเขาไปเจอแต่เรื่องแย่ๆ หรือไม่ก็เจอเรื่องที่ดูเหมือนจะสนุก แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นเพียงเปลือกที่ว่างเปล่า
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนตัวเองทีละนิด ทำสิ่งดีๆ วันละหน่อย และทำอะไรก็ตามที่สามารถยกระดับพัฒนาตัวเขาให้มีคุณค่ามากขึ้น
จากเดิมที่เขาไม่แยแสใคร เขาเริ่มหันมาใส่ใจคนรอบข้าง เริ่มช่วยเหลือคนอื่น อันทำให้เขาได้รับความสุขตอบแทนกลับมา
จากเดิมที่เขาเอาแต่หงุดหงิดกับสิ่งรอบตัว เขาก็เริ่มทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ มองเห็นมันอย่างที่มันเป็น
Cr.imdb
จนในที่สุด ฟิลก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่ คนที่ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ในวันไหนๆ ก็จะสามารถนำพาตัวเองไปพบเจอกับเรื่องดีๆ ได้
และไม่ว่าวันพรุ่งนี้เขาจะตื่นมาเจอวันเดิมๆ อีกหรือไม่ เขาพร้อมเผชิญไม่ว่าจะเป็นวันเดิมหรือวันใหม่
นี่ล่ะครับ Groundhog Day หนังเบาสมองชั้นเยี่ยมที่มีครบทั้งความสนุกและสาระดีๆ
จุดกำเนิดของหนังเรื่องนี้เริ่มเมื่อมือเขียนบท Danny Rubin ปิ๊งไอเดียหลังอ่านนิยาย Interview with the Vampire (นิยายที่ว่าด้วยชีวิตอมตะของเหล่าแวมไพร์ - เคยสร้างเป็นหนังแล้ว นำแสดงโดย Tom Cruise และ Brad Pitt)
แล้วเขาเกิดคำถามว่า "ถ้าเราได้อยู่เป็นอมตะตลอดไป แล้วตัวเราจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหรือไม่?"
คิดไปสักพัก Rubin ก็ตระหนักว่าการจะเขียนบทหนังที่ว่าด้วย "คนอมตะที่ใช้ชีวิตผ่านกาลเวลา" จะมีความยุ่งยากในการถ่ายทำเพราะฉากแต่ละยุคสมัยก็ต้องใช้ทุนในการเนรมิตทั้งนั้น
เขาเลยย้อนกลับไปนึกถึงไอเดียที่เคยคิดไว้เมื่อนานมาแล้ว เกี่ยวกับ "คนๆ หนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในวันเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า" เอามาใช้แทน
จากนั้นเขาก็เอาแนวคิด "คนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา" เข้ามาผสม บวกด้วยแนวคิดเกี่ยวกับ "การใช้ชีวิตอยู่ในวันเดิมๆ ทำให้คนๆ นั้นเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตมากขึ้น" ทั้งหมดเอามาเขย่ารวมกัน
และในตอนแรก Rubin คิดจะให้วันจงกลมเป็นวันใดวันหนึ่งในปลายเดือนมกราคม แต่พอดีเขามองไปที่ปฏิทินแล้วพบว่า วันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นวัน Groundhog วันที่มีประเพณีน่ารักในเมืองเล็กๆ
เขาเลยปิ๊งไอเดียเพิ่มขึ้นว่าน่าจะให้ตัวเอกเป็นคนจากเมืองใหญ่ที่มีเหตุให้ต้องเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ ที่ไม่คุ้นเคย แล้วเขาก็ใช้เวลาอีกราวๆ 7 สัปดาห์ผสมผสานเรื่องราว จนในที่สุดก็ได้เป็นบทหนัง Groundhog Day
Harold Ramis (คนซ้าย), Bill Murray (คนขวา) / Cr.za.ign.com
แล้วบทก็มาถึงมือผู้กำกับ Harold Ramis (ผู้ที่เคยรับบท อีกอน ใน Ghostbusters) ซึ่งแรกเริ่มเดิมที Ramis จะให้ Tom Hanks มารับบทฟิล แต่สักพักเขาก็เปลี่ยนใจเพราะรู้สึกว่า Hanks นั้น "ดูเป็นคนดีมากเกินไป"
ในขณะที่ตัวละครฟิลนั้นดูเป็นคนเย่อหยิ่ง ยะโส และเห็นแก่ตัว ซึ่งคนที่เหมาะกับบทแบบนี้ก็ไม่ใช่ใคร นอกจากเพื่อนสนิทของเขา Bill Murray ที่ดูเป็นตัวกวน ตัวแสบ และตัวร้ายได้ครบเครื่อง
ในช่วงแรกของการถ่ายทำนั้น อะไรๆ ดูจะไปได้ดีครับ ทั้ง Murray และ Ramis ทำงานกันอย่างรู้ใจ
อย่างเวลา Ramis จะอธิบายกับ Murray ว่าต้องการให้เขาแสดงแบบไหน Murray ก็จะบอกเลยว่า "แค่บอกผมมาว่าจะให้ผมเป็นฟิลคนดี (Good Phil) หรือฟิลตัวร้าย (Bad Phil)" แล้วจากนั้น Murray ก็จะจัดให้โดยที่ Ramis ไม่ต้องพูดมาก
แต่พอเวลาผ่านไป ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนรักคู่นี้จะลงเอยด้วยการเลิกคุยและไม่มองหน้ากันกว่า 20 ปี
Harold Ramis แสดงรับเชิญใน Groundhog Day ในบทคุณหมอ / Cr.imdb
เหตุผลประการสำคัญก็เพราะช่วงนั้น Murray กำลังมีปัญหากับภรรยาจนถึงขั้นหย่าร้างกัน ทำให้จิตใจของเขาอยู่ในภาวะสับสน
และเขาก็ดูเหมือนจะต้องการกำลังใจจากเพื่อนอย่างมาก ถึงขนาดที่ Murray โทรหา Ramis ทุกเช้า ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่เป็นไร แต่พอนานเข้า Ramis ก็เริ่มทนไม่ไหวที่จะต้องเอาแต่รับโทรศัพท์จนไม่เป็นอันทำอะไร
ไหนจะความกดดันในฐานะผู้กำกับที่ต้องรับผิดชอบสรรพสิ่งในการถ่ายทำ ก็ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้ทิศทางของหนังในหัวของพวกเขาก็สวนทางกันโดยสิ้นเชิง
ในขณะที่ Ramis ต้องการจะทำหนังออกมาในแนวเบาสมองและเน้นความบันเทิงแต่ Murray กลับต้องการให้หนังออกมาลุ่มลึก จริงจัง แฝงปรัชญา และไม่เน้นความตลก
นั่นคือเหตุที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันบ่อยครั้ง
จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ความขัดแย้งรุนแรงมากถึงขั้นที่ Ramis และ Murray ลงไม้ลงมือต่อกัน
นั่นคือนาทีที่ความเป็นเพื่อนของพวกเขาต้องแตกสลาย
และ Rubin ก็ต้องมาเป็นคนกลางในการสื่อสารระหว่างคนทั้งคู่
พอหนังถ่ายทำเสร็จ Ramis กับ Murray ก็ไม่ได้คุยกันอีก... ความเป็นเพื่อนของพวกเขายุติลงพร้อมกับหนังเรื่องนี้... อย่างน่าเสียดายยิ่ง
ภาพสมัยพวกเขาทั้งคู่แสดงหนังด้วยกัน / Cr.parade
หลายคนอาจมีคำถามว่า "ฟิลนั้นต้องตื่นมาเจอวันเดิมๆ นานแค่ไหน?"
Ramis เคยให้สัมภาษณ์ไว้หลังถ่ายทำเสร็จว่า เขาคิดว่าฟิลต้องตื่นมาในวันเดิมๆ ประมาณ 10 ปี
ครั้นพอเวลาผ่านไป Ramis ก็บอกว่าเขาลองประเมินใหม่แล้ว รู้สึกว่า 10 ปีน่าจะน้อยเกินไปที่จะทำให้ฟิลเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเขาคิดว่าน่าจะเป็น 30 - 40 ปีมากกว่า
การประเมินอันหลังนี้สอดคล้องกับที่เว็บ whatculture.com ได้คำนวณไว้โดยอิงจากรายละเอียดต่างๆ ในหนัง
เช่น กว่าที่ฟิลจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้, กว่าที่ฟิลจะฝึกแกะสลักน้ำแข็งได้, กว่าที่ฟิลจะเล่นเปียโนได้อย่างมืออาชีพ ฯลฯ
โดยสรุปแล้วฟิลน่าจะติดอยู่ในวันจงกลมราวๆ 12,395 วัน หรือประมาณ 34 ปีนั่นเอง
Cr.imdb
และทราบไหมครับว่า ตอนจบฉบับดั้งเดิมนั้น จะจบแบบให้ฟิลหลุดออกจากวันจงกลมนั้นได้ แต่กลายเป็นว่าริต้าติดอยู่ในวันจงกลมแทน แต่สุดท้ายไอเดียนี้ก็ถูกล้มเลิกไป
นอกจากนี้ในบทดั้งเดิมจะมีคำอธิบายด้วยว่าการที่ฟิลต้องตื่นมาเจอวันเดิมๆ นั้นก็เพราะเขาโดนคำสาปครับ คนที่สาปก็คือคนที่เขาเคยทำไม่ดีพูดไม่ดีด้วยนั่นเอง
แต่สุดท้าย Ramis กับ Rubin ก็เปลี่ยนใจ
เพราะรู้สึกว่าการปล่อยให้เรื่องนี้เป็นปริศนาน่าจะทำให้หนังมีเสน่ห์มากกว่า
Cr.imdb
บทความนี้คงไม่สามารถจบลงอย่างสมบูรณ์ หากผมไม่ได้เล่าเรื่องระหว่าง Murray และ Ramis ให้จบ
Harold Ramis ได้เสียชีวิตลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2014 ครับ
ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า Murray กับ Ramis ได้มีโอกาสเจอกันก่อนที่ Ramis จะจากโลกนี้ไปหรือไม่
คำตอบก็คือ พวกเขาได้เจอกันครับ
หลังจากไม่พูดกันกว่า 20 ปี ก็มีอยู่วันหนึ่งที่ Brian Doyle-Murray พี่ชายของ Bill Murray (ซึ่งได้ร่วมแสดงใน Groundhog Day ด้วยในบทบัสเตอร์ชายร่างอ้วนที่ฟิลช่วยไว้จากอาการอาหารติดคอ) เขาได้บอกกับน้องชายให้ปล่อยวางความบาดหมางที่เกิดขึ้นและเดินทางไปหา Ramis สักครั้ง
เพราะตอนนั้น Ramis เองก็กำลังป่วยหนักจนอาจจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
Bill Murray และ Brian Doyle-Murray / Cr.imdb
ในที่สุด Bill Murray ก็ตัดสินใจจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่า วันนั้นเขาซื้อโดนัทติดมือไป 1 กล่อง
แต่เนื่องจากไม่รู้ที่อยู่ของ Ramis รู้เพียงว่า Ramis อยู่ในเมืองเกลนโค รัฐอิลลินอยส์เขาเลยขับตรงไปที่โรงพักประจำเมืองเพื่อขอให้ตำรวจช่วยพาไป
ซึ่งตำรวจก็น่ารักครับ ยินดีพา Murray ไปหา Ramis ถึงที่
แล้วประมาณ 7 โมงเช้า Murray ก็ไปยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน Ramis... ในที่สุด 2 เพื่อนรักที่ไม่ได้คุยกันมา 20 ปีก็ได้พบกันอีกครั้ง
ตอนนั้น Ramis ป่วยมากจนสูญเสียความสามารถในการพูดไปพอสมควร ทำให้ Murray เป็นฝ่ายพูดเสียส่วนใหญ่
พวกเขาไม่ฟื้นฝอยเรื่องเก่าๆ สิ่งที่พวกเขาทำคือคุยเล่นกันฉันท์เพื่อนอยู่หลายชั่วโมง เป็นวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...
จากนั้นเพียงไม่นาน Ramis ก็เสียชีวิตครับ
... ในที่สุด พวกเขาก็ได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ผมขออุทิศบทความนี้แด่ Harold Ramis
ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับผลงานดีๆ ชิ้นนี้
RIP Harold Ramis (1944-2014) / Cr.maxim
Groundhog Day ถือเป็นหนัง Feel Good ชั้นดีที่ดูแล้วมีความสุข ดูแล้วได้แง่คิด
จนไม่แปลกใจเลยครับที่หนังจะประสบความสำเร็จ สามารถทำเงินได้กว่า 70 ล้านเหรียญในอเมริกา (จากทุนสร้างราวๆ 14.6 ล้านเหรียญ)
หนังได้รับคำชมจากทั่วสารทิศ จนถึงทุกวันนี้หนังก็ยังได้รับการพูดถึงในฐานะหนังสร้างพลังใจ และหนังที่ชี้ชวนให้ผู้ชมดูหนังแล้วย้อนมาดูตัว
หนังชี้ชวนให้เราลองสำรวจตัวเองดูว่า ตัวเรานั้นเป็นเช่นไร
ตัวเรานั้นมีจุดเสียที่ควรปรับปรุงแก้ไขหรือไม่
ตัวเราในวันนี้ จะสามารถดีขึ้นกว่าเมื่อวานได้หรือไม่
ถึงแม้เราจะไม่ได้ไปติดอยู่ในวันจงกลมแบบฟิล แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้
ตราบเท่าที่เรายังตื่นขึ้นได้ในวันพรุ่ง ตราบนั้นจะยังมีโอกาสเสมอ...
... แด่ Groundhog Day วันรักจงกลม ครับ
Cr.travisryanfilm
โฆษณา