10 มี.ค. 2020 เวลา 09:59 • ประวัติศาสตร์
ฌีจี้กวง วีรบุรุษพิทักษ์แผ่นดิน
ในยุคสมัยที่ขุนนางพากันเปลี่ยนอาชีพมาทำนา...ทำนาบนหลังคนนะครับ ผืนแผ่นดินจีนกว้างใหญ่ไพศาล ย่อมไม่สิ้นคนดี ในโคลนตมจึงมีดอกบัวขาว ผุดขึ้นมา เพื่อช่วยพิทักษ์แผ่นดินให้อยู่รอดปลอดภัยจากโจร ทั้งโจรทะเลน้ำเค็ม และโจรทะเลทราย
1
บุคคลผู้นี้ สืบเชื้อสายมาจากขุนศึกคนสำคัญที่ช่วย จูหยวนจาง ปฐมฮ่องเต้ ราชวงศ์หมิง ก่อตั้งราชวงศ์หมิงขึ้นมา นามว่า ฌีเสียง ถ่ายทอดพันธุกรรมนักรบอยู่คู่ราชวงศ์มาถึง 4 รุ่น รุ่นที่ 4 คือ ฌีจิ่งทง ขุนศึกภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พ่อของบุคคลผู้เป็นพระเอกในเรื่องนี้ เขามีนามว่า ฌีจี้กวง เป็นเชื้อสายรุ่นที่ 5
ฌีจี้กวง เกิดเมื่อปี 1528 ได้รับการอบรมเลี้ยงดูและฝึกวิทยายุทธมาจากผู้ เป็นพ่อ เป็นสายเลือดนักรบอย่างเข้มข้น จนถึงปี 1545 ฌีจิ่งทง ถึงแก่อสัญกรรม ทางการเห็นสมควรให้ ฌีจี้กวง ในวัย 17 ปี ผู้เป็นบุตรสืบตำแหน่งแม่ ทัพประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป
ยุคสมัยที่ไม่รู้ว่าจะเรียกราชสำนักเป็น ราชสำนัก หรือว่า ศาลเจ้า ดีนั้น แผ่นดินจีนต้องเจอกับปัญหาตามแนวชายแดน ทั้งโจรสลัดญี่ปุ่น และพวกโจรตาร์ตา ที่ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนต้าหมิงอย่างมาก ประชาชนตาดำๆ ที่มีสมบัติติดตัวชิ้นเดียวคือความยากจน เมื่อต้องมาเจอกับภัยจี้ปล้นเข้าไปอีก ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
ปี 1555 ทางการได้ส่งหนังสือโยกย้ายให้ฌีจี้กวง ในวัย 27 ปี ไปประจำที่มณฑลเจ้อเจียง เป็นแม่ทัพใหญ่บัญชาการรบกับพวกโจรสลัดวอโค่ว ที่กำลังระบาดหนักสร้างความเดือดร้อนในหลายเมือง ทั้งหนิงปอ เซ่าซิง ไถโจว แต่พอไปถึงสิ่งที่ฌีจี้กวงต้องพบเจอก็คือ โจรในเครื่องแบบ ที่ร้ายกว่าโจรสลัดเสียอีก ทหารที่อยู่ในถิ่นนี้แทนที่จะเป็นทหารดูแลประชาชน กลับกลายเป็นอันธพาลรังแกประชาชน ถ้าหวังจะใช้ทหารเหล่านี้เห็นทีจะปราบโจรสลัดไม่สำเร็จ
ฌีจี้กวง จึงเปิดรับคนในพื้นที่ท้องถิ่น เข้าเป็นทหารอาสา ชาวบ้านในพื้นที่นี้บางกลุ่ม ไม่พอใจโจรในเครื่องแบบ ที่ช้ำเติมความเดือดร้อนที่มีอยู่แล้วจากพวกโจรสลัด จึงประกาศตัวเป็นอิสระ ไม่ยอมขึ้นต่อทางการ แต่งตั้งตัวเองเป็นโจรอยู่ตามขุนเขาลำเนาไพร มีจำนวนกองกำลังถึง 4 พันคน ฌีจี้กวงจึงได้เข้าเกลี้ยกล่อมให้ชาวบ้านเหล่านี้ กลับใจจากโจรมาเป็นทหารพิทักษ์แผ่นดิน
เมื่อได้กำลังพลทั้งจากคนหนุ่มไฟแรงรักชาติที่เข้ามาเป็นทหารด้วยใจอาสา และกองกำลังที่กลับใจจากโจรมาเป็นทหาร ฌีจี้กวงจึงจัดระเบียบกำลังพลเหล่านี้ ให้มีอุดมการณ์รักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาชน ไม่ข่มเหงรังแกประชาชนเหมือนทหารรุ่นเดอะที่ประชาชนต่างพากันส่ายหัว จัดรูปแบบกองทัพให้เข้ารูปเข้ารอย แบ่งทหารออกเป็นส่วนตามความสามารถในการอาวุธ ฝึกฝนวิธีรบให้เจนจัด อีกทั้งฌีจี้กวงยังจัดตั้งหน่วยทัพเรือ มีเรือใหญ่น้อยถึง 40 ลำ ทำให้กองทัพที่ฌีจี้กวงเป็นผู้นำสามารถสู้รบให้มีประสิทธิภาพได้ทั้งพื้นดินและพื้นน้ำ กองทัพเหล่านี้ได้เกริกก้องเกรียงไกร ที่ผู้คนต่างกล่าวขานให้ว่า กองทัพตระกูลฌี
ปี 1561 โจรสลัดวอโค่ว 2 หมื่นคน บุกปล้นสะดมเมืองไถโจว เวินโจว ทางภาคตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียง สร้างความเสียหายความเดือนร้อนให้กับชาวบ้านตามชายฝั่ง กองทัพตระกูลฌีบุกตระลุยปราบได้ความสำเร็จอย่างงดงาม โดยรบชนะติดต่อกันถึง 9 ครั้ง เมื่อเสร็จศึกประชาชนต่างพากันออกมาต้อนรับกันเป็นทิวแถวยาวถึง 20 ลี้ ฌีจี้กวงจึงกลายเป็นขวัญใจประชาชน รวมทั้งกองทัพตระกูลฌีด้วยครับ
1
แต่ฌีจี้กวง ก็ไม่ได้หลงระเริงกับความสำเร็จที่ได้ และตระหนักว่านี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น จึงประกาศรับสมัครทหารอาสารอบใหม่ เพื่อทดแทนกำลังพลที่ล้มหายตายจากไปในการรบที่ผ่านมา ไม่นานนักกองทัพตระกูลฌี จึงมีกำลังพลถึง 6 พันคน ด้านโจรสลัดวอโค่ว ที่พ่ายแพ้สะบักสะบอม เสียหายอย่างหนัก ได้ปักหมุดใหม่เบนหัวเรือล่องลงใต้ ไปสร้างความเดือนร้อนตามชายฝั่ง เมืองฝูซิง ฝูอาน ฝูหนิง หนิงเต๋อ หย่งหนิง โดยตั้งศูนย์กองโจรที่เกาะเหิงหยี่ว์ โดยมีชัยภูมิยากต่อการเข้าตี เวลาน้ำขึ้น มีน้ำทะเลล้อมรอบ เวลาน้ำลง จะเป็นดินเลนดินโคลน ทางการส่งแม่ทัพมาหลายคน แต่ก็ไม่มีปัญญาทำลายศูนย์กองโจรสลัดได้ ในที่สุดทางการจึงมอบหมายให้ฌีจี้กวง และทีมงาน ล่องใต้ไปปราบ ฌีจี้กวงวางแผนให้ทัพบกเป็นกำลังหลัก เข้าตีตอนน้ำลด และทัพเรือเป็นกำลังเสริม
โจรสลัด กำลังรื่นเริงกับระบำชาวเกาะ ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ไม่ทันระแวดระวังภัยที่จะมาถึง เพราะชะล่าใจว่าราชสำนักหมิงนั้นไม่มีน้ำยาจะมาปราบพวกข้าได้ พอรู้สึกตัวอีกที กองทัพตระกูลฌีก็เข้าจู่โจมถึงตัวแล้ว หรือบางคนอาจจะยังไม่ทันรู้สึกด้วยซ้ำเพราะหัวขาดเสียก่อน สุราอาหารคาวหวานที่เตรียมไว้สำหรับงานไหว้พระจันทร์ เลยกลายเป็นอาหารรสเลิศของกองทัพตระกูลฌี เมื่ออิ่มหนำสำราญ สนุกพอหอมปากหอมคอแล้ว ฌีจี้กวงไม่ปล่อยให้โอกาสทองให้หลุดลอยไป ในคืนไหว้พระจันทร์ ได้สั่งทัพเคลื่อนพลต่อไป ไปยังเมืองต่างๆ ที่พวกโจรกำลังสวนเสเฮฮากับวันไหว้พระจันทร์ เพียงราตรีเดียวเท่านั้น กองทัพตระกูลฌีก็สามารถทำลายรังโจรได้ถึง 60 แห่ง ประชาชนต่างชื่นชมในวีรกรรมของกองทัพตระกูลฌีครั้งนี้ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์เป็นที่ระลึก (อนุสาวรีย์นี้ ได้พังทลายไปตามเวลา และในสมัยราชวงศ์ชิงได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งศาล ที่เมืองเฝิงหลาย เพื่อเป็นการให้เกียรติและยกย่องฌีจี้กวงและกองทัพตระกูลฌี)
1
เสร็จศึกแล้วฌีจี้กวงได้กลับมณฑลเจ้อเจียง ด้านโจรสลัดวอโค่วที่เหลือยู่ เมื่อรู้ว่าฌีจี้กวงยกทัพกลับไป ก็กลับมาบุกปล้มตามสันดานของโจร รวมทั้ง เผาเมืองเป็นของแถม ทำให้ชายฝั่งมณฑลฝูเจี้ยนได้รับความทุกข์เสียหายอย่างหนัก ทางการได้มีคำสั่งให้ฌีจี้กวงเจ้าเก่า กลับมาปราบโจรสลัดวอโค่วเช่นเคย การสู้รบหลายครั้งทำให้จำนวนกำลังพลกองทัพตระกูลฌีลดลง บางคนขอลากลับไปหาพ่อหาแม่ หาลูกหาเมียที่บ้าน ฌีจี้กวงจึงแก้ปัญหาด้วยการเปิดรับทหารอาสาตามรายทาง โดยฝึกฝนกับข้าศึกตัวจริง บนสนามรบจริง จึงทำให้ได้กำลังพลที่แข็งแกร่ง เพราะถ้าไม่เก่งจริงก็คือตาย เสร็จศึกคราวนี้ราชสำนักหมิงได้แต่งตั้งให้ฌีจี้กวงเป็นแม่ทัพปราบปรามโจรสลัดวอโค่วตลอดแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเหนือจรดใต้ ฌีจี้กวงต้องใช้เวลานานกว่า 1 ทศวรรษในการปราบปรามพวกโจรสลัดจนราบคาบ ใน ค.ศ. 1565 แล้ว พวกโจรสลัดวอโค่วก็ไปสร้างความเดือดร้อนต่อที่ชายฝั่งเวียดนาม ตามสันดานโจร
2
ปี 1568 ปัญหาโจรสลัดน้ำทะเลเงียบลง ก็มีปัญหาโจรทะเลทรายที่อาละวาดหนัก ราชสำนักหมิงมีคำสั่งด่วนให้ฌีจี้กวง ไปปราบโจรตาร์ตาที่กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีชาวฮั่นอย่างไม่ไว้หน้า เมื่อไปถึงกำแพงเมืองจีน ฌีจี้กวงพบว่าทหารที่ประจำการที่นี่หย่อนยาน การป้องกันภัยหละหลวม ป้อมค่ายต่างๆ ทรุดโทรม จึงแจ้งรายงานและแนวทางแก้ไขไปยังราชสำนัก ราชสำนักเซ็นอนุมัติให้ดำเนินการได้ ฌีจี้กวงให้มีเวรยามสลับหมุนเวียนเผ้าหอรบตลอด 24 ชั่วโมง โดยทหารตระกูลฌีเป็นหลัก ส่วนทหารที่ประจำการอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เรื่องก็เตรียมไปทัวร์ห้องกรง หรือสุสานได้เลย
จัดการด้านบุคลากรแล้ว ฌีจี้กวงก็ได้จัดการกับปราการกำแพงเมืองจีน โดยการซ่อมแซมต่อเติม จัดทำป้อม โดยทุกป้อมมีทหารประจำการตลอด และมีระบบการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ ทำให้พวกตาร์ตาที่คิดจะมา ต่อล้อต่อเถียงกับมหาอาณาจักรหมิง ต้องคิดใหม่ อีกทั้งฌีจี้กวง ยังได้จัดตั้งกองรถศึกด้วย ไว้เพื่อป้องกันพวกตาร์ตาที่มีความชำนาญในการรบบนหลัง ม้าด้วย รับรองได้เลยว่าเจอรถศึกนี้เข้าไปม้าศึกกลายเป็นม้าพิการแน่นอน
พวกตาร์ตาเผ่าหนึ่ง ไมเจียมเนื้อเจียมตัว อยากลองศึกกับรถศึก ปรากฏเจอ เข้าไปถึงกับร้องว้าวๆๆ ไม่ออก จำนวนกำลังพลนับแสน ต่างราบเรียบเป็นหน้ากลอง จนต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักหมิง ทำให้พวกตาร์ตาเผ่าอื่นต่างทยอยมาสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักหมิงเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าได้ประโยชน์กว่า ไม่ต้องออกแรง แค่ออกปากขอ ก็ได้ตามใจต้องการ งานนี้มีแต่ว้าวๆๆ ฌีจี้กวง ใช้เวลานานถึง 16 ปี ในการจัดการกับพวกตาร์ตาให้ยอมศิโรราบ
แต่ปั้นปลายชีวิตของขุนพลผู้ยิ่งใหญ่วีรบุรุษพิทักษ์แผ่นดินนั้น ต้องจบลงอย่างหน้าเศร้า ตามสภาพบ้านเมืองที่เหลวแหลก คนดีหนีหาย คนชั่วร้ายได้เป็นใหญ่เป็นโต ปี 1582 ปีเดียวกันที่มหาอัครมหาเสนบดีจางจวีย์เจิงถึงแก่อสัญกรรม ฌีจี้กวงก็ถูกย้ายไปนั่งตบยุงที่กว่างตง ในข้อหาทำงานไม่เต็มสติปัญญากำลังความสามารถ และตรอมใจตายในวัยชรา อายุ 60 ปี เมื่อวันที่ 5 มกราคม ปี 1588 โดยมีผลงานอันยิ่งใหญ่หอมกรุ่นฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้ย่องยก และอีกหนึ่งเครื่องยืนยันของการใช้ชีวิตเป็นขุนศึกมาทั้งชีวิต ได้คลอดออกมาเป็น สงครามพิชัยสงครามฌีจี้กวง อันเป็นสงครามพิชัยอันทรงค่าที่ใช้ในการทหารได้จริง
โฆษณา