11 มี.ค. 2020 เวลา 04:40 • ประวัติศาสตร์
วิกฤตการณ์ ร.ศ. ๑๑๒
หมาป่าฝรั่งเศส vs ลูกแกะสยาม
ตอนที่ 2 การสูญเสียดินแดนในลาวครั้งแรก
ตามความเดิมเมื่อได้รับหมายบอกจากหลวงพระบางถึงกรุงเทพมหานคร ทางสยามก็จัดเตรียมกำลังไปปราบกบฎฮ่อเป็นสองทาง ให้พันเอกกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปทางมณฑลลาวพวน(อุดรธานี) เพื่อเข้าตีจากทางใต้และให้พันเอกจหมื่นไวยวรนารถ(เจิม แสงชูโต) ซึ่งหลังจบสงครามได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ยกทัพไปทางจังหวัดน่านเพื่อเข้าตีโอบทางตะวันตกผ่านทางหลวงพระบาง
นี่จึงเป็นเหตุให้หลายคนสับสนว่าการปราบฮ่อคือปราบกบฏในเมืองน่าน ซึ่งที่จริงกบฎเจ้าทางเหนือเกิดที่แพร่ และไม่ใช่การปราบฮ่อ ที่ไปรบทางน่านเป็นการเกณท์พลจากหัวเมืองเหนือที่เดินทัพผ่าน และเป็นเส้นทางไปหลวงพระบางเท่านั้น ก็เอาเป็นว่าเมื่อเข้าเขตลาวแล้วกองทัพทั้งสองทางมีกำลังทางละประมาณ 2,500 นาย มีการนำอาวุธสมัยใหม่ใช้ในสงคราม ทั้งปืนครก ปืนสั้นยาวแบบต่างๆ กองทัพมีการใช้ทั้งม้า ช้างในการลำเลียง มีการใช้เรือในการช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำต่างๆ ถือว่าสยามเริ่มจัดกำลังแบบสมัยใหม่แล้ว เพราะความพ่ายแพ้แก่ฝรั่งเศสจนเสียกัมพูชาไปเมื่อปี 2402 นั่นเอง
สงครามปราบฮ่อนั้นมีความทุรกันดารลำบากไม่น้อย เพราะเป็นป่าเป็นเขาเสียมาก แต่นักรบไทยก็สู้สุดใจ ค่อยๆ ยึด ค่อยๆ เอาชนะทีละเมือง จนถึงทุ่งเชียงคำใน 12 จุไท มีการรบพุ่งกันถึงขั้นว่าเลือดนองทุ่งทีเดียว แต่เราก็ได้ชัยชนะในที่สุด(รายละเอียดขอไม่ลงเพราะปลีกย่อยเยอะมาก จำไม่ได้และไม่ตรงประเด็นที่อยากเล่านัก ท่านที่สนใจลองหาอ่านเองครับ)
โดยขณะที่เรารบกับฮ่ออยู่ ทางฝรั่งเศสถือโอกาสรวมกันกวาดล้างจีนฮ่อที่ชอบเข้าตีทางเหนือของญวนไปพร้อมกัน ได้ส่งนายโอกุสต์ ปาวีร์ ฑูตประจำอินโดจีนมาขอตรวจความพร้อมทัพไทย
ไอ้เจ้าปาวีร์นี้คิดแล้วก็เป็นตัวร้ายสำหรับคนไทยดีๆ นี่เอง เทียบไปคงไม่ต่างจากพ่อค้าแป้งที่ขายหน้ากากซึ่งเกลียดกันทั้งประเทศ โดยจริงๆ เป็นนักสำรวจเข้ามาสำรวจเอเชียอาคเนย์ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นฑูตและมีส่วนสำคัญทำให้ฝรั่งเศสยึดเอาเขมรและญวนไว้ได้
ซึ่งการส่งมาตรวจการจัดกำลังพลของสยาม แค่อาศัยข้ออ้างเพื่อตรวจการวางกำลังของสยามเท่านั้น ทางจหมื่นไวยวรนารถแม่ทัพฝ่ายตะวันตกและสนิทชิดเชื้อกันดีก็ให้การต้อนรับตามภาษาคนคุ้นเคย แต่โบ้ยว่าติดขัดไม่สะดวก ให้ร้อยตรีคง สลัมเมเยอร์ (หลังสงครามเลื่อนเป็นร้อยโทขุนบำบัดบริบันกิ์) ลูกน้องคนสนิท เป็นคนพานายปาวีร์ไปตรวจกองทัพ แต่ให้พาไปยังที่ที่ไม่สำคัญ และอีกเหตุคือร้อยตรีคงฟังภาษาเขมรได้ ซึ่งนายปาวีร์ชำนาญจนมักใช้ภาษาเขมรพูดกับลูกน้อง เพื่อโอกาสลอบฟังแผนของนายปาวีร์
โดยนายปาวีร์ได้ฉวยโอกาสพยายามพูดเรื่องเขตแดนฝรั่งเศสกับสยามในเขต 12 จุไท แต่การที่จหมื่นไวยวรนารถไม่มาต้อนรับเองจึงเสียแผนฝรั่งเศสไป ก็จะไปคุยกับทหารลูกน้อย มันจะได้ประโยชน์อะไรเล่า อย่าคิดว่าสยามไม่ทันเกมส์ เสียเที่ยวเดินทางเหนื่อยฟรีไปสิ แถมไทยยังสั่งให้ร้อยตรีคงตามไปส่งนายปาวีร์ยังชายแดนญวน นัยว่าให้เกียรติและอารักขานายปาวีร์ แต่ที่จริงแล้วเป็นการยื่นยันเขตแดน ว่าเป็นดินแดนของสยาม เจ้าบ้านจึงมีหน้าที่ดูแลนั่นเอง
1
จนกระทั่งปีต่อมาคือ พ.ศ.2531 ระหว่างการรบกับฮ่อใกล้สิ้นสุด ฝรั่งเศสฉวยโอกาสส่งกองทัพญวน 7,000 นายเข้ามาใน 12 จุไท บริเวณเมืองแถง (ต่อมาคือเดียนเบียนฟู ที่ฝรั่งเศสโดนเวียดนามยำเละนั่นล่ะครับท่าน) อ้างว่าตามตีจีนฮ่อเข้ามาแล้วก็ไม่ยอมถอยออกไป ก่อนมั่วอ้างว่าเป็นของญวนมาก่อน
มาตรงนี้งงไหมท่าน อ่านที่ผมเขียนมามันของไทยของลาว มาขี้ตู่ได้ไง อ้างมั่วแบบครูปรีชาชิมิ บอกมา มองซอเออร์ปาวีร์
เรื่องย้อนกลับไปตอนก่อน จำล่อ ตายันได้ไหม เจ้าเมืองไลคนแรก เมื่อตั้งเมืองไลแล้ว ก็มีการค้ากับ ลาว จีนและญวน ร่วมกัน แม้จะขอพึ่งบรมโพธิสมภารเจ้าลาวแต่ก็อยากค้าขายกับทั้งสามฝ่าย จึงได้เก็บภาษีเป็นส่วยส่งให้ทั้งสามเขตแดน ต้นแบบของคำว่าอยู่เป็นนั่นล่ะ หลักการง่ายๆ คือเก็บภาษีจากการค้าฝั่งไหนก็ส่งเป็นส่วยไปทางนั้น จีนเองเก็บได้มากก็ส่งไปมากถึง 250 บาท ฝ่ายลาวส่งไป 75 บาทกับม้าพันธุ์ดีของชาวไล ส่วนได๋เวียตคือญวนเหนือก็ส่งให้ 100 บาทแต่ไม่มีม้า เพราะตีว่าม้าของไล ตัวละ 30 บาท ก็ถือว่าพอกัน
ไอ้การส่งส่วย 3 ฝ่ายนี่ล่ะฝรั่งเศสอ้างว่าจริงๆ 12 จุไทและหัวพันทั้ง 5 ทั้ง 6 มันก็ขึ้นกับญวน จะบอกขึ้นกับสยามไม่ได้ ส่วยก็จ่ายญวนมากกว่า แล้วก็เลยเถิดเอาไปเทียบกรณีเชียงตุงที่ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยากับสยามแต่ส่งพระธิดาเป็นข้าบาทบริจาแก่เมืองมัณฑ์ เอ๊ย พม่า วนไปรากนคราซะงั้น
1
ตอนนั้นสงครามไทยฝรั่งเศสทำท่าจะปะทุเสียเลือดเสียเนื้อแล้วล่ะ เพราะทหารไทยก็จะไม่ยอมเสียดินแดน แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าเราเป็นรองมาก อาวุธก็สู้เขาไม่ได้ ขนาดกระสุนปืนสักตับซื้อมาโคตรแพง ตกกล่องละ 400 บาท สมัยนั้นแทบจะขายเมืองซื้อ ทำอะไรก็ต้องใจเย็น ตัวอย่างพม่าก็มีอยู่ แข็งมากเก๋าจัด เชื่อมั่นตัวเองเกินไม่ประเมินกำลังตนแบบพระนางศุภยารัตภรรเมีย ที่มีอำนาจมากกว่าพระเจ้าสีป่อที่ตะบี้ตะบันให้สู้กับอังกฤษไม่ดูกำลังตัวจนสิ้นชาติ เจ้านายพม่าถูกกวาดต้อนไปอินเดียแบบยกครัว ใครคุ้นๆ เหตุการณ์นี้คือท่านได้ดูเพลิงพระนางช่อง 7 นั่นล่ะ ตกลงนี่ประวัติศาสตร์หรือเปิดกองละครวะเรา
กลับมาที่สภาพเสี่ยงสงครามใน 12 จุไท คิดได้ว่าสยามยังไม่พร้อม จหมื่นไวยวรนารถเลยอาศัยความรู้จักคุ้นเคยทำข้อตกลงให้ยุติการปะทะกันไว้ก่อนจนกว่าจะมีการปักปันเขตแดนจากรัฐบาลทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยอมให้ฝรั่งเศสตั้งทัพในเมืองแถงได้ จึงเท่ากับว่านี่เป็นการเสีย 12 จุไทและหัวพันทั้ง 5 ทั้ง 6 ให้แก่ ฝรั่งเศสไปแล้วกรายๆ
1
หลังจากนั้นทัพสยามก็ยกทัพกลับเข้าพระนคร เรื่องในส่วนนี้ก็ขอจบตอนที่ 2 ไว้แค่นี้ ด้วยการเสียดินแดนในลาวให้แก่ฝรั่งเศสครั้งแรก ซึ่งช่วงนั้น ฝ่ายตะวันตกต่างจับตาดูสถานการณ์และวาดรูปล้อเลียนเหตุการณ์ว่าสยามเป็นแค่ลูกแกะที่รอฝรั่งเศสงาบไปทำสตูเท่านั้น
1
โฆษณา