11 มี.ค. 2020 เวลา 01:51 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เราควรเรียนแบบท่องจำหรือเข้าใจ
1
ตอนที่ผมเรียนมัธยม ผมพบว่าปัญหาสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนคือ สิ่งที่ต้องท่องจำนั้นมีเยอะมาก มากจนสมองผมไม่สามารถบรรจุเนื้อหาเหล่านั้นได้ทุกอย่างแม้จะพยายาม 'ยัด' และ 'ตอก' มันลงไปแล้วก็ตาม วิชาที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณอย่างฟิสิกส์ก็ยังต้องท่องเนื้อหามากมาย ไม่แพ้ชีววิทยา หรือเคมี
วันหนึ่งผมจึงตัดสินใจถามอาจารย์ผู้สอนฟิสิกส์ว่า
" ผมต้องจำสูตรให้ได้ หรือ ต้องพิสูจน์มันให้ได้ "
อาจารย์นิ่งคิดไปสักครู่ก่อนจะตอบกลับมาว่า " ต้องทำให้ได้ทั้งสองอย่าง"
...............................................................
จริงๆแล้วเด็กทุกคนก็คงอยากจะทำเช่นนั้นให้ได้
การท่องจำ จะช่วยทำให้สมองมีวัตถุดิบที่ดึงออกมาได้ทันที
ส่วนความเข้าใจและการพิสูจน์ จะฝึกความละเอียดรอบคอบ เสริมกระบวนการคิด ที่สำคัญคือ ถ้าเราลืมสูตร การพิสูจน์จะช่วยให้เราสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
พูดง่ายๆว่ามันสำคัญทั้งคู่ แต่แตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม ในบริบทของโลกทุกวันนี้
สมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ตทำให้แม้ความจำในหลายๆเรื่องมีความสำคัญน้อยลงจนไม่จำเป็นต้องมานั่งท่อง
แต่ข้อสอบประเภทความจำนั้นยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก (อาจจะเป็นเพราะมันเป็นข้อสอบที่ออกง่ายและตรวจง่าย) ทำให้เด็กๆยังต้องมาท่องจำเรื่องไม่จำเป็นกันอยู่
ปัญหาจริงๆคือ เด็กมีเวลาน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับปริมาณบทเรียนและข้อสอบที่ต้องเจอ
การสอนพิเศษทำให้ผมพบว่าทุกวันนี้นักเรียนมีภาระที่หนักมากกว่าสมัยที่รุ่นผมเรียนมาก เพราะวิชาและเนื้อหาที่ต้องเรียนมีเพิ่มขึ้น
ไหนจะงานกลุ่ม งานกิจกรรม งานอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ
ทำให้การสมดุลระหว่างท่องกับเข้าใจเป็นโจทย์ที่ยากเข้าไปอีก
เมื่อรวมกับความกดดันที่ได้รับจากโซเชียล หรือทางผู้ปกครอง
ทำให้ความเครียดและปัญหาทางจิตใจเพิ่มขึ้น
(แม้ความลำบากทางกายจะลดลงมากก็ตาม)
ข้อสอบหลายๆแห่งมีปัญหาด้านการวัดผล
เพราะข้อสอบทั้งชุดมีแค่ 2 ระดับคือ ยาก กับโคตรยาก
ข้อสอบแบบนี้จะคัดเด็ก(ทำข้อสอบ)เก่งออกมาได้
แต่เด็กที่เหลือจะกองรวมกันหมดเพราะทำข้อสอบไม่ได้เลย
ทั้งเด็กที่ตั้งใจอ่านหนังสือและไม่อ่านหนังสือเลย
ชวนให้เกิดความท้อถอยเข้าไปอีก
สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย ผมจึงพยายามสร้างกฎการเรียนขึ้นมาคือ พยายามสมดุลระหว่าง
- การเรียนเพื่อเรียนรู้
- เรียนเพื่อทำข้อสอบ
โดยการเรียนเพื่อทำข้อสอบนั้นผมจะทำพอให้เกรดผ่านเงื่อนไขการรับทุนและการเรียนต่อให้ได้ แต่จะเน้นหนักไปที่การเรียนเพื่อเรียนรู้มากกว่า
 
เหตุผลง่ายๆ คือ การเรียนเพื่อเรียนรู้จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตและคะแนนจากการสอบนั้นเป็นคุณค่าที่เกิดจากคนไม่กี่คน (คนที่ออกข้อสอบ) มาตัดสินเรา
ส่วนเวทีแห่งชีวิตนั้นไม่ใช่แค่การสอบ
มันกว้างใหญ่และมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เราเข้าไปพิชิตมัน
ขอแค่เรารักการเรียนรู้
อาจวรงค์
โฆษณา