14 มี.ค. 2020 เวลา 03:13 • บันเทิง
หลังจากภาคแรกได้ทั้งเงินและคำชมถล่มทลาย George Lucas ก็เตรียมงานสำหรับภาคต่อทันที
แต่คำถามเดียวที่ Lucas รอคำตอบคือ Steven Spielberg จะยอมกลับมากำกับหรือไม่?
เหตุผลที่ต้องลุ้นก็เพราะปกติแล้ว Spielberg จะไม่รับทำภาคต่อ อย่าง Jaws 2 เขาก็บอกปัดไป เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามันได้จบสมบูรณ์ไปแล้ว
ยิ่งหนังได้รับการต้อนรับในวงกว้างเขาก็ยิ่งไม่อยากทำภาคต่อ เพราะมันเสี่ยงต่อการ "ทำลายสิ่งดีๆ ที่ภาคแรกทำไว้"
Lucas จึงพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อนรักว่าในโลกนี้มีเพียง Spielberg เท่านั้นที่จะทำ Indiana Jones ต่อได้
นอกจากนี้ Lucas ยังพูดว่า "รับรองว่าการทำหนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง" เมื่อเพื่อนให้คำมั่นขนาดนี้ ในที่สุด Spielberg ก็ยอมรับปาก
แล้วก็มีเรื่องให้โป๊ะแตกนิดหน่อยครับ คือตอนทำภาคแรกนั้น Lucas เคยบอกกับ Spielberg ไว้ว่าเขาคิดพล็อตไตรภาคเอาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริง Lucas ค่อยมายอมรับว่าตอนนั้นเขาพูดเพื่อหว่านล้อม Spielberg จริงๆ แล้วในหัวยังไม่มีพล็อตสำหรับไตรภาคหรอก
เลยทำให้พวกเขาต้องมานั่งคิดพล็อตกันใหม่
แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด เมื่อจู่ๆ ชีวิตคู่ของ George Lucas กับภรรยาที่อยู่กินกันมากว่า 14 ปีต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง
แล้วช่วงนั้น Lucas ต้องคิดพล็อตทำภาคต่อพอดี จิตใจที่หม่นหมองของเขาส่งผลให้งานที่ออกมาเต็มไปด้วยความมืดมน ถึงขั้นว่าจะเป็นหนังสยองกันเลยทีเดียว
George Lucas / Cr.television.mxdwn
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ Lawrence Kasdan ที่เคยเขียนบทภาคแรกไม่กลับมาทำภาคนี้ เพราะเขามองว่าทิศทางภาคนี้มืดมนและน่ากลัวจนเกินไป
แนวทางที่ Lucas วางสำหรับภาคนี้คือเขาไม่ต้องการย่ำรอยเดิม เริ่มจากฝ่ายตรงข้ามของอินดี้ที่หนนี้จะไม่ใช่นาซีอีกต่อไป และเพื่อให้เรื่องมีความสดใหม่
ซึ่ง Spielberg ก็เห็นด้วย เขาเลยเสนอให้ภาคนี้เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าภาคแรกไปเลย จะได้พาอินดี้ไปเจออะไรใหม่ๆ ได้เต็มที่โดยไม่มีบรรยากาศนาซีมาข้องเกี่ยว
Steven Spielberg / Cr.nydailynews
และอย่างที่บอกไปครับว่า Lucas มีอารมณ์หม่นมืดอันเนื่องมาจากเรื่องส่วนตัว ไอเดียของเขาเลยค่อนไปในทางด้านมืด เช่น เขาตั้งใจจะให้อินดี้ไปผจญภัยในปราสาทผีสิงที่สก็อตแลนด์ ไปเจอกับเรื่องสยองและผีสางเหนือธรรมชาติ ซึ่ง Spielberg ไม่เห็นด้วย เพราะมันดูไม่เข้ากับความเป็นหนังผจญภัยสักเท่าไร
อีกทั้ง Spielberg เพิ่งสร้างหนังบ้านผีสิงอย่าง Poltergeist ไปหมาดๆ เขาเลยไม่อยากทำอะไรซ้ำทาง
Spielberg ก็เลยเสนอตอนนั้นเขากำลังสนใจตำนานหนึ่งอย่างมาก และอยากจะให้อินดี้ได้พบกับตัวละครในตำนานนี้เหลือเกิน
ตำนานที่ว่าคือ "ไซอิ๋ว" และตัวละครที่ว่าก็คือ "ซุนหงอคง ราชาวานร" นั่นเอง
Cr.china.org.cn
พวกเขาวางพล็อตคร่าวๆ ให้อินดี้ไปผจญภัยที่วิหารบูชาปีศาจที่คนในลัทธินั้นคอยเข่นฆ่าคนอย่างเลือดเย็น อินดี้เลยต้องหาทางหยุดพวกมัน อีกทั้งต้องไขปริศนาขุมทรัพย์ของราชาวานร
Lucas เสนอไอเดียว่าจะให้ฉากเปิดเรื่องเป็นฉากอินดี้หนีการไล่ล่าโดยขี่มอเตอร์ไซค์แล่นบนกำแพงเมืองจีน แล้วจะพาอินดี้ไปผจญภัยในแดนดึกดำบรรพ์ที่มีไดโนเสาร์ด้วย
แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องเจอกับอุปสรรคใหญ่ เมื่อทางการจีนไม่อนุญาตให้ถ่ายทำในประเทศจีน อีกทั้งพวกเขาตระหนักว่ายังไม่มีความรู้และคุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีนมากพอ พวกเขาเลยต้องยอมทิ้งเรื่องซุนหงอคงกับการผจญภัยในประเทศจีนไป
แต่ยังคงเก็บพล็อตที่ว่าด้วย "อินดี้ไปตีกับวิหารบูชาปีศาจเพื่อปลดปล่อยผู้บริสุทธิ์" ไว้
ต่อมาพวกเขาค้นพบตำนาน Sankara ที่เล่าถึงนักบวชผู้เดินทางขึ้นเขาไกรลาศไปเฝ้าพระศิวะ และด้วยพลังศรัทธาที่เขามีจึงทำให้พระศิวะประทานศิวลึงค์ 5 ชิ้นแก่เขาเพื่อใช้ในการต่อสู้กับความชั่วร้าย ซึ่งดูเป็นพล็อตที่เหมาะกับสิ่งที่พวกเขาคิดไว้
Cr.flickr
แต่ตอนแรกพวกเขาก็เกือบจะถอดใจอีกเพราะพวกเขาก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยวัฒนธรรมแถบอินเดียเหมือนกัน
แต่พอดี Lucas รู้จักกับ Willard Huyck และ Gloria Katz คู่สามีภรรยาที่เคยร่วมเขียนบทกับเขาใน American Graffiti (1973) (บทที่ว่าได้เข้าชิงออสการ์ด้วยครับ)
และสองคนนี้ก็รู้จักวัฒนธรรมอินเดียมากพอตัว Lucas เลยจัดการส่งหน้าที่เขียนบทให้กับพวกเขา โดยใช้หนังเรื่อง Gunga Din (หนังผจญภัยที่มีฉากหลังเป็นอินเดีย) เป็นแนวทาง
พร้อมทั้งแนบเอาฉากที่ไม่ได้ใช้ในภาคแรก (เช่น ฉากไล่ล่าในเซี่ยงไฮ้หรืออินดี้ตกจากเครื่องบินแล้วหล่นลงบนแพ) ให้พวกเขาเอาไปใส่ลงในบทด้วย
Cr.pinterest.cl
ทีนี้งานก็เดินครับ คนเขียนบทมีแล้ว คนกำกับก็มีแล้ว ส่วน Harrison Ford กลับมารับบทเดิม
สำหรับบทนางเอกนั้นตอนแรก Spielberg เคยคิดอยากให้ Karen Allen กลับมาสวมบทแมเรียนและจะให้มีตัวละคร แอ๊บเนอร์ ราเวนวู้ด (พ่อของแมเรียนที่ถูกพูดถึงในภาคแรก) ปรากฏตัวด้วย
แต่ด้วยความที่เขาอยากทำตามขนบของหนังเจมส์ บอนด์ 007 ที่มีการเปลี่ยนนางเอกทุกภาค เขาเลยจัดการสร้างนางเอกคนใหม่ในชื่อ วิลลี่ สก็อตต์ แทน
แรกเริ่มเดิมทีคนที่จะมารับบทนี้คือ Sharon Stone ครับ แต่ไปๆ มาๆ Kate Capshaw กลับมาแรงแซงโค้งเพราะทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเธอเข้ากล้องคู่กับ Ford ได้เหมาะสมกว่า
ส่วนชื่อ "วิลลี่" นั้นก็เอามาจากชื่อสุนัขของ Spielberg ในขณะที่ชื่อ ช็อตราวด์ ลูกน้องข้างตัวของอินดี้ก็เอาชื่อมาจากสุนัขของ Huyck ครับ
สรุปคือชื่อตัวละครหลักแต่ละตัว เอาชื่อมาจากสุนัขทั้งสิ้นครับ
Cr.screenrant
พอทุกอย่างเข้าที่หนังก็ถ่ายทำครับ ใช้เวลา 85 วัน พร้อมทุนสร้าง 28 ล้านเหรียญ โดยเนื้อเรื่องภาคนี้เกิดในปี 1935 อินดี้ของเราต้องไปผจญภัยจากจีนถึงอินเดียและต่อกรกับลัทธิชั่วร้ายที่บูชาเจ้าแม่กาลี
ตอนแรกหนังจะไปถ่ายทำกันที่อินเดียของจริงครับ แต่เนื่องจากทางการอินเดียขอให้มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนของบทที่อาจทำให้ภาพลักษณ์อินเดียเสียหาย
แต่กระนั้นทีมงานก็ยืนกรานจะใช้บทเดิมครับ ทำให้ต้องไปถ่ายทำกันที่ศรีลังกาแทน
โทนของหนังภาคนี้ค่อนข้างมืดและมีความน่ากลัวตามความตั้งใจของ Lucas แต่กระนั้น Spielberg ก็พยายามใส่มุกตลกลงไปเพื่อบรรเทาความหม่นนั้น
แต่เมื่อตอนออกฉายพ่อแม่ผู้ปกครองก็มองว่าหนังไม่เหมาะสำหรับเด็กสักเท่าไร และคนส่วนใหญ่ก็มองว่าหนังไม่สนุกเท่าภาคแรก
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายคนมองว่าหนังไม่ขลังเท่าภาคแรก (หรือภาค 3) อาจเป็นเพราะพล็อตเรื่องและทีมงานที่ทำมาจากคนละวัฒนธรรมกันครับ
ว่าง่ายๆ คือภาคนี้จับเอาตำนานของอินเดียและศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมาบอกเล่า แต่คนทำเป็นชาวตะวันตกซึ่งแม้จะรู้ข้อมูลตำนานแค่ไหน แต่ก็จะไม่ถึงกับซีมลึก
ต่างจากภาคแรกที่หีบแห่งพันธสัญญาคือตำนานเก่าแก่ของชาวยิว (Spielberg มีเชื้อสายยิวครับ) หรืออย่างภาค 3 นั้น เรื่องจอกศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นตำนานที่ชาวคริสต์และชาวตะวันตกรู้จักกันมานาน เป็นเหมือนเรื่องเล่าก่อนนอนสำหรับพวกเขา
ดังนั้นเลยทำให้สิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมานั้นมีความเข้มข้นลึกซึ้งต่างกันพอสมควร
Cr.imdb
แต่กระนั้นหนังก็ยังดูสนุกครับ มีฉากแอ็กชันใส่มาเรื่อยๆ ฉากไล่ล่าและการเดินเรื่องก็ยังน่าติดตาม และที่สำคัญคือโทนความสยองในหลายๆ ฉากก็ทำได้น่ากลัวกำลังดี (เพียงแต่ถ้าเด็กดูอาจถือว่าน่ากลัวไปบ้างครับ)
และที่อยากให้จับตาคือดารารับเชิญครับ ได้แก่ Spielberg, Lucas และ Frank Marshall (ผู้อำนวยการสร้างภาคแรก) ที่พร้อมใจกันโผล่แบบแว้บๆ ในฉากตอนต้นเรื่องที่อินดี้กับพวกหนีผู้ร้ายมาถึงสนามบิน
และฉากที่ว่านี่ยังมี Dan Aykroyd (เรย์แห่ง Ghostbusters) โผล่มาเป็นคนที่โอบไหล่อินดี้แล้วบอกว่าเตรียมเครื่องบินไว้ให้แล้ว
แม้คำชมภาคนี้จะไม่มากเท่าภาคแรก แต่รายได้ทั่วโลกก็ยังสูงถึง 333 ล้านเหรียญ เข้าข่ายประสบความสำเร็จอยู่ดี
และโดยส่วนตัวผมมองว่าภาคนี้สมกับที่เป็นภาคก่อนหน้า เพราะรายละเอียดหลายอย่างมันตอบคำถามที่ว่า "ทำไมอินดี้ถึงเป็นนักผจญภัยฝ่ายคุณธรรมที่ให้ความเคารพต่อสมบัติต่างๆ?"
ในตอนต้นของภาคนี้เราจะเห็นอินดี้ขโมยวัตถุโบราณมาเพื่อขายให้กับคนในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตอนนั้นเขายังเห็นแก่เงินอยู่ครับ
แต่พอเขาผ่านเหตุการณ์ผจญภัยที่วิหารเจ้าแม่กาลี เขาจึงได้รับรู้แล้วว่าเวลาสมบัติอยู่ในมือคนผิดนั้น มันจะก่อให้เกิดเรื่องได้ขนาดไหน
Cr.screenrant
หรืออย่างตอนที่เขาเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของศิวลึงค์ (ลุกเป็นไฟ) นั่นทำให้เขาตระหนักว่าสมบัติแต่ชิ้นล้วนมีอำนาจที่ลึกลับที่บางครั้งมนุษย์ก็ไม่ควรจะไปยุ่ง
ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ดีว่าเพราะอะไรอินดี้ถึงรู้ว่าเขา "ไม่ควรมอง" ยามที่พวกนาซีเปิดหีบศักดิ์สิทธิ์ในภาคแรก
เกร็ดเนื้อเรื่องอีกนิดคือ ความจริงศิวลึงค์มีทั้งหมด 5 ชิ้นครับ แต่ในหนังเราจะได้เห็นแค่ 3 ชิ้น ส่วนอีก 2 ชิ้นนั้นฝังอยู่ใต้วัง (ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตัวร้ายถึงต้องให้เด็กๆ ขุดเหมือง)
แม้ภาคนี้จะไม่ได้สนุกสุดยอด แต่ผมเชื่อว่าการที่เราได้รู้รายละเอียดเหล่านี้เพิ่ม จะทำให้การดูภาคนี้สนุกขึ้นน่ะนะครับ
Cr.moviehousememories
ถึงจุดนี้ก็อยากย้อนถึงคำพูดที่ Lucas กล่อม Spielberg เอาไว้ว่า "รับรองว่าการทำหนังเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง"
ซึ่งหากมองจากบริบทแวดล้อมแล้วอะไรๆ เกี่ยวกับการทำหนังภาคนี้ก็อาจไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ว่าจะผลตอบรับที่ไม่สวยเท่าที่ควร อีกทั้งการถ่ายทำก็ค่อนข้างทุลักทุเลจน Spielberg ยังออกมายอมรับว่าเขาไม่สนุกกับการถ่ายทำภาคนี้สักเท่าไร และเขาก็ไม่ค่อยชอบหนังภาคนี้ด้วย
แต่กระนั้น หลังถ่ายหนังเรื่องนี้จบ Spielberg ก็สานสัมพันธ์กับ Kate Capshaw นางเอกของเรื่องจนในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานอยู่กินกันจนถึงปัจจุบัน
ถ้ามองในมุมนี้แล้ว การทำหนังเรื่องนี้ ไม่ทำให้ Spielberg ผิดหวังจริงๆ!
ครั้งหน้าเตรียมพบภาค 3 ของ Indiana Jones ซึ่งเป็นภาคที่ Spielberg บอกว่าชอบที่สุดครับ
Cr.ventsmagazine
โฆษณา