Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องที่สงสัย
•
ติดตาม
15 มี.ค. 2020 เวลา 17:15 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ธุรกิจในอนาคต กับ ฝุ่นพิษ ที่ล้อมรอบตัวเรา
เราเป็นคนที่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่
แน่นอน ว่าเราจะเจอกับฝุ่นPM2.5 PM10
อันมหาศาลที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา อยู่เสมอ
เราถามตัวเองนะว่า ถ้าเราต้องเข้าไปทำงานที่กรุงเทพหรือหัวเมืองต่างๆ
ในประเทศไทยในทุกวัน และเจอสภาพอากาศแบบนี้ ทุกวัน มันจะเกิดผลอะไรขึ้นบ้าง ในอนาคต
ในแง่ของสุขภาพ
หลายคนอาจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่า
ระบบ ทางเดินหายใจ ต้องมีปัญหา มะเร็งผิว หนัง และโรคต่างๆจะต้อง
เข้ามาอย่างมากมาย เพราะฉะนั้นการออกกำลัง
จึงมีขีดจำกัดไปในยิมหรือสถานที่ปิด ซะเป็นส่วนมาก
fitness
fitness ก็จะมีส่วนได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม
การออกกำลังกายในที่แจ้ง อาจจะลดลงไป บ้าง
หรือในอนาคต เราอาจะออกกำลังกลางแจ้งไมได้เลยก้เป็นได้ ด้วยภาวะโลก ร้อน ฝุ่น Ozone เกิน
ในแง่ของธุรกิจ มุมมองของผู้บริโภค
ผมมองว่า ในอนาคต ผู้บริโภค ในยุคนี้ มิลลิเนียน เป็นกลุ่มคนที่
มีกำลังซื้อมากที่สุด และเป็นวัยที่กระจายข่าวสารได้เร็วที่สุด
ซึ่ง คนยุค Millennial นั้นถึงจะไม่ได้ดูทีวีมาก แต่ก็ได้รับข่าวสาร
มากกว่ารุ่น Gen X และ baby Boomer ซะอีก
รวมถึงถ้าContent ไหน น่าสนใจ หรือเป็นประเด็นสังคมที่มีการพูดถึง
กันอยู่มาก คนกลุ่มนี้ จะทำหน้าที่ แชร์ ส่งต่อ Forward ให้คนกลุ่มอื่นได้เร็วมากที่สุด
มาถึงเรื่อง กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจกันบ้าง
กลุ่มคนใน Gen นี้ก็จะ จะเริ่มสนใจและหันกลับมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นอยู่ ในทุกๆ มิติ
แต่สิ่งที่จะขายได้แน่ๆ คือ หน้ากาก อนามัย หลาก สี หรือ หน้ากาก Option
หน้ากาก Ao Air ผู้ช่วยกรองฝุ่นแห่งอนาคตที่เปลี่ยนอากาศให้บริสุทธิ์
ถามว่า ทำไมหน้ากาก ถึงต้องออกลายแฟนซี หรือ ทำ Option มาด้วย
ลองคิดภาพ เด็กตัวเล็ก อายุ 8-9 ปี จะให้มาใส่หน้ากาก สีเขียว สีขาวตลอดเวลา เค้าก็ไม่อยากจะใส่มันหรอกครับ แต่ถ้ามันเป็นลายการ์ตูน
ผม เชื่อว่า มันทำให้เด็กใส่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เครื่องฟอกอากาศ ที่ฟอกทั้งฝุ่น
และฆ่าเชื้อโรคไปในตัว ตัวนี้ก็เป็นอีกธุรกิจนึงที่สามารถทำกำไรได้อย่าง งดงาม รวมถึง
เครื่องสำอางที่ช่วยปกป้องเราจากฝุ่น
เสื้อผ้าที่ ป้องกัน ฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย หรือเป็นสุดยอดเทคโนโลยียุคใหม่
เสื้อป้องกันฝุ่น แดด ลม
ในส่วนของพลังงานนั้น แน่นอน ว่าหลายๆคนพอจะนึกออกว่า
รถไฟฟ้าจะต้องมาแทน ที่รถพลังงาน น้ำมันแน่นอน
แต่สำหรับผม
ถ้าเป็นในเมืองไทย มันแทบจะเท่ากันและไม่ต่างกันเพราะอะไร เรามาดูในแง่ของการปล่อยCo2กัน
ปัจจุบันไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 42,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ หรือ 28,129 เมกะวัตต์ ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ อีกประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ผลิตจากถ่านหิน ที่เหลือเป็นไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อน พลังงานหมุนเวียน เช่น ชีวมวล แสงอาทิตย์ ลม และรับซื้อจากต่างประเทศ ได้แก่ ลาวและมาเลเซีย อีก 10 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นจะเห็นว่าไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และของเอกชน ส่วนมากเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซ
ถ้าเราเปรียบเทียบข้อมูล การปล่อยค่า CO2 หรือ ก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์
จะเห็นได้ว่า
การผลิตพลังงานไฟฟ้า ยัง ปล่อยที่ โรงงานอยู่เลย
นั้นหมายความว่า ถ้า เราใช้รถไฟฟ้า เราจะไมไ่ด้ปล่อย Co2 ลงในถนน
แต่ปล่อยมัน ลงที่โรงไฟฟ้า
แต่ใช้แล้วรู้สึกรักโลกขึ้นมาทันที
เผาเบนซิน 1 ลิตร = CO2 2.35 kg
เผาดีเซล 1 ลิตร = CO2 2.63 kg
– เครื่องยนต์ไม่เกินที่กำหนด
(เบนซินไม่เกิน 1,300 ซีซี และ ดีเซลไม่เกิน 1,400 ซีซี)
มาตรฐานมลพิษต้องผ่าน EURO 4
ปล่อย CO2 ไม่เกิน 120 กรัม/กม.
ไฟฟ้าในไทยปล่อย CO2 หน่อยไฟละ 0.561 กก
ถ้าเราตั้งโจทย์ ให้
ใช้ไฟบ้านเดือนละ 2000 บาท
เติมน้ำมัน 95 เดือนละ 2000 บาท
ใช้รถEv ใช้ไฟฟ้า เดือนละ 2000 บาท
ถ้าเราใช้ไฟบ้าน เดือนละ 990 หน่วย หรือ 2000 บาท
จะปล่อย Co2 = 555.39 กก
ถ้าใช้ เบนซิล 95 21.75 บาท เป็นเงินเดือนละ 2000บาท
จะปล่อย Co2 =91.95ลิตร * 2.63 =241.839 กก
MG EV Battery Useable 44.5 kWh
แล้วถ้าเราคิดจาก รถไฟฟ้าบ้างละ
1 Unit มีค่าเท่ากับการใช้พลังงาน 1000 วัตต์ ใน1 ชั่วโมง
ค่าไฟฟ้าต่อการชาร์จเต็มจาก 0-100% 117 – 258 บาท/ครั้ง ตีซะ200
นั้นหมายความว่า เราจะชาจ์ 10ครั้ง = 44.5*10 =445Kwh
ถ้าใช้ไฟชาจ์แบทเดือนละ 2000 บาท จะปล่อย Co2เท่ากับ
445*0.561 =249.645 KWh
นั้นหมายความว่า มลพิษ ของประเทศไทย
มาจากโรงไฟฟ้ามากกว่าถนนซะอีก จริงไหมครับ แต่ค่าฝุ่น อาจจะมาจากสถานการณ์รอบข้างมากกว่า
อีกวิธีที่จะลดค่าฝุ่นได้คือ
แค่บ้านใหญ่ๆ หลังนึงลดการใช้ไฟสักเดือนละ 700 หน่วย (3000 บาท) ปีนึงก็ลดการปล่อย CO2 ได้มากกว่าต้นนนทรี 100 ต้นนั่นอีก
อาคารใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม เปลี่ยนมอเตอร์ตัวเดียว บางทีได้เท่าต้นนนทรี 300-500 ต้น
1
ธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสอาด นั้น ก็จะมีบทบาทและได้รับความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก เช่นโรงไฟฟ้าที่ลดค่า Co2 ได้ การเผาขยะ ที่ความร้อน 1000'c
โรงเผาขยะ ที่ปล่อยมลพิษน้อยมากของญี่ปุ่น
และนี้ก็เป็นอีก 1บทความที่ พูดถึง กลุ่มธุรกิจที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต
ในยุคที่ Climate Change ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันมาจากการใช้งานของมนุษย์
ที่ไวเกินกว่าความสามารถที่โลกจะฟื้นฟูตัวเอง
1
5 บันทึก
17
8
9
5
17
8
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย