15 มี.ค. 2020 เวลา 02:00 • กีฬา
[ #เมื่อฟุตบอลไม่ได้สำคัญที่สุด ]
ท่ามกลางความหวาดกลัวไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักและยุโรปกำลังกลายเป็นโซนแพร่เชื้อใหม่ ยอดผู้ป่วยกับเสียชีวิตทะยานขึ้นอย่างมาก
ฟุตบอลลีกเองก็อ่วมไปด้วยอย่างที่รู้กัน แนวโน้มของการแก้ปัญหาหรือทางออกยังดูเหมือนมืดแปดด้าน มีเพียงแค่กระแสข่าวลือที่หลุดออกมาเท่านั้น แต่เรายังปักใจเชื่อไม่ได้เด็ดขาด
หลายประเทศที่ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูง ล้วนแต่มีสโมสรใหญ่ชั้นนำของยุโรปและมีลีกที่ได้รับความนิยมทั้งสิ้น
อังกฤษ , อิตาลี , สเปน , เยอรมันและฝรั่งเศส กำลังสะบักสะบอม รวมทั้งต้องเร่งจัดการสกัดหยุดยั้ง ฟุตบอลถูกล็อกดาวน์ลงชั่วคราว ไม่มีแม้กระทั่งเตะปิดประตูเล่นเหมือนอย่างที่คิดไว้
เพราะบรรดานักเตะและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหลายต่างติดไวรัสกันบ้างแล้ว มิเคล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ดาวรุ่งของเชลซี ล้วนแต่เป็นคนมีชื่อเสียงของวงการ
ขณะเดียวกันนักเตะซามพ์โดเรียกับฟิออเรนติน่ามีติดเชื้อเพิ่มรวมกันอีก 7 รายแล้ว สถานการณ์กัลโช่กำลังป่วนหนัก ดูแล้วคงไม่อาจกลับมาเล่นได้อีก กระบวนการหาบทสรุปคงเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้ว
แต่ลีกที่คนให้ความสนใจมากสุดทั้งสื่อและแฟนบอลคือพรีเมียร์ลีก ประเด็นหลักอยู่ที่ลิเวอร์พูล ซึ่งต้องการชัยชนะอีก 2 นัดจาก 9 เกมที่เหลือก็จะครองแชมป์ทันที
ความสำคัญอยู่ที่เดอะ ค็อปรอคอยมานานถึง 30 ปีกับลีกสูงสุด แล้วฤดูกาลนี้เหมือนมีการร่างสคริปต์ไว้ล่วงหน้า เป็นช่วงเวลาทองของลิเวอร์พูล เดินหน้าคว้าชัยอย่างต่อเนื่อง ทุบสถิติแล้วสถิติเล่าและน่าจะจบด้วยแต้มมากสุดในประวัติศาสตร์อีกต่างหาก
เชื่อว่ากองเชียร์ทั่วโลกพร้อมจะออกมาฉลองกันอย่างเต็มที่ วันแห่ถ้วยกลางเมืองบนรถบัสเปิดประทุน คาดว่าจะมีแฟนเรือนแสนไปรวมพลกันที่นั่นอีกต่างหาก
ฉะนั้นพอมาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ทุกอย่างจึงกร่อยสนิท ยังไม่รู้เลยว่าแชมป์ที่กำลังจะเอื้อมถึงนั้นจะได้รับหรือเปล่า
แม้เดอะ ซันจะทำโหวตให้ผู้คน 20,000 ราย ร่วมกันออกเสียง หากลีกต้องยกเลิกไปเลย ไม่อาจกลับมาเล่นได้อีกในฤดูกาลที่เหลือ ปรากฏว่า 75 เปอร์เซนต์เห็นควรมอบแชมป์ให้ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้หมายความว่าบทสรุปต้องเป็นอย่างนั้น
บางสโมสรไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือกระทั่งมีแหล่งข่าวจากวงในอ้างว่า ต้องการโหวตให้โมฆะลีกฤดูกาลนี้ไปเลย แล้วค่อยไปว่ากันใหม่ในฤดูกาลหน้า
ยวน แม็คเคนน่า นักข่าวและคอลัมนิสต์ชั้นนำที่เคยร่วมงานกับอีเอสพีเอ็น รวมถึงเคยได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประจำปี เกี่ยวกับการนำเสนอข่าวน้ำดีและเที่ยงตรง ออกมาแฉเลยว่าสองทีมที่อยากให้ยกเลิกซีซั่นนี้ซะคือเวสต์แฮมกับสเปอร์ส
ขณะเดียวกันเดอะ ไทม์สสื่อคุณภาพที่น่าเชื่อถือได้ อ้างว่า เกร็ก คล้าร์ก ประธานบริหารสมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอ อยากให้ซีซั่นนี้จบลงทันทีและไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น
คล้าร์ก เพิ่งเข้าประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางออกกับเรื่องนี้ เริ่มจากมีมติเบื้องต้นให้ระงับเกมทุกลีกจนถึงวันเสาร์ที่ 3 เมษายนเป็นอย่างน้อย
แล้ววัดจากสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดในอังกฤษยังลามไม่หยุด จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้เกิดความกังวลว่า ต้นเดือนหน้าเกมก็ยังมาเตะกันตามปกติไม่ได้
บอสใหญ่เอฟเอมีความคิดว่าถ้าจะต้องยกเลิกจริง ทุกอย่างต้องเป็นโมฆะและตามกฎแล้วจะไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ทุกฝ่ายต้องเสียสละร่วมกัน ไม่มีเวลามานั่งเกี่ยงงอนเรื่องผลประโยชน์อีกต่อไป
นั่นหมายความว่าลิเวอร์พูลจะหมดสิทธิ์เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอมานาน 30 ปี รวมทั้งทุกสโมสรในลีกจะสูญรายได้รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 400 ล้านปอนด์
แน่นอนทุกคนอยากรู้ถึงปฎิกิริยาของทางลิเวอร์พูลและ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ออกมาแถลงแล้วว่านี่คือสถานการณ์วิกฤตที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกัน
ในฐานะที่ทีมเป็นจ่าฝูง มีผลงานอันยอดเยี่ยมและกำลังเข้าใกล้แชมป์ คล็อปป์ อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดทุกฝ่ายทุกคนย่อมได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ลิเวอร์พูลพร้อมน้อมรับและปฏิบัติตามทุกเงื่อนไข ถึงเวลาที่ฟุตบอลไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสุดเสมอไป แต่สุขภาพกับชีวิตคือสิ่งที่เราต้องคำนึงมากที่สุด
คล็อปป์ พูดได้ดีมากๆและพร้อมจะเสียสละ หากว่าจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นจริง
เพียงแต่ว่าแฟนบอลคงไม่ต้องการให้ลงเอยแบบนี้ กระบวนการหาทางออกที่คิดว่าเหมาะสมและเป็นธรรมยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายเสียหายน้อยสุด
เดอะ เทเลกราฟ สื่อใหญ่ของอังกฤษเป็นอีกเจ้าที่อ้างว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร หากยกเลิกซีซั่นจริง
1.เบื้องต้นเลยคือแชมป์ควรเป็นของลิเวอร์พูล เพราะต้องการอีกแค่ 6 แต้มที่เหลือก็จะแบเบอร์แล้ว หลายทีมไม่น่าจะคัดค้านเรื่องนี้ หากมีมติหรือใช้ผลโหวตจริง
2.จะไม่มีทีมต้องตกชั้นและจะเอาอันดับ 1 กับ 2 ของเดอะ แชมเปี้ยนชิพเลื้อนมารวมเป็น 22 ก่อนจะเพิ่มจำนวนตกชั้นในฤดูกาลหน้าเป็น 5 ทีมเพื่อให้เกิดความสมดุล เป็น 20 สโมสรในซีซั่น 2021/22 อย่างไรก็ตามปัญหาจะอยู่ที่ทีมที่ได้เล่นเพลย์ออฟคืออันดับ 3-6 จะไม่ยอมง่ายๆ ต้องเคลียร์ให้กระจ่าง ทำความเข้าใจกันให้ดี
3.โควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกจะยึดตามของเดิม 4 ทีมคือลิเวอร์พูล , แมนฯซิตี้ , เชลซีและสเปอร์ส ส่วนเลสเตอร์ที่อยู่อันดับ 3 ปัจจุบันจะผลักดันไปเล่นเพลย์ออฟที่ทางยูฟ่าจะปรับเพิ่มทีมเข้ามา แต่เรื่องนี้แมนฯยูไนเต็ด , วูล์ฟแฮมป์ตัน หรือ เชฟฯยูไนเต็ด อาจไม่เห็นด้วยอีก
4. รายการลีกคัพหรือคาราบาว คัพจะถูกยกเลิกชั่วคราวในซีซั่นหน้า เพื่อเปิดทางให้โปรแกรมพรีเมียร์ลีกเตะกันอย่างเต็มที่ เพราะจำนวนเกมจะเพิ่มขึ้นจากการปรับมาเป็น 22 ทีม เคสนี้จะมีปัญหาแน่กับสปอนเซอร์ผู้สนับสนุน รวมทั้งผู้ถือสิทธิ์ถ่ายทอดสด
นี่คือสี่ข้อหลักที่เทเลกราฟได้มาจากวงใน ซึ่งความจริงยังต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่านี้และจะต้องให้สโมสรสมาชิกร่วมประชุมกันอีกรอบด้วย
เรายังไม่ได้พูดถึงเอฟเอ คัพซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายและหลายทีมที่ต้องเสียผลประโยชน์ อาจจะโต้แย้งเช่นเดียวกัน ถ้าต้องยกเลิกไปเลยดื้อๆ
หรือโควต้ายูฟ่า ยูโรปาลีกจะทำอย่างไร ซึ่งจริงๆแล้วคงต้องรอถกกับทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปเองด้วย ผลกระทบตรงนี้ไม่ได้มีแค่สโมสรจากอังกฤษเท่านั้น
ขณะเดียวกันคาดกันว่าฝ่ายบริหารของเอฟเอจะมีการนัดประชุมอักครั้งในวันพฤหัสบดีนี้
ทำใจได้เลย ไม่ว่าบทสรุปจะออกมาแบบไหน อย่างไร จะต้องมีคนไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
เราแทบมองไม่เห็นช่องทางเลยว่าทำอย่างไรทุกทีมถึงจะพอใจ นี่คือโจทย์ที่น่าจะยากที่สุดครั้งหนึ่งแล้วสำหรับผู้บริหารฟุตบอลทั้งหลาย
แต่หากยึดเอาตามที่ คล็อปป์ แถลงไว้ ถึงเวลาที่เราควรร่วมมือกันและมองว่าฟุตบอลไม่ได้สำคัญที่สุดอีกต่อไป วิกฤตนี้มันน่าจะผ่านไปได้ ปัญหาเองจะคลี่คลายโดยเร็ว
สำหรับลิเวอร์พูลแล้วต่อให้ยกเลิกฤดูกาลนี้จริง ไม่ได้แชมป์ทั้งที่ขยับใกล้เต็มทีและรอคอยมานานถึง 30 ปี มันอาจจะเป็นเรื่องน่าผิดหวังและเสียดายมากๆ
เชื่อเถอะว่าแม้ไม่มีโทรฟี่ ไม่มีเกียรติยศ แต่ผู้คนจะจดจำความยอดเยี่ยมไร้เทียมทานของหงส์แดงขบวนนี้ได้เสมอ
ไม่ใช่แค่เดอะ ค็อปเท่านั้น แต่แฟนบอลของทีมอื่นส่วนใหญ่ก็น่าจะคิดไปในทิศทางเดียวกัน
บางทีเหตุการณ์ครั้งนี้ อาจถูกจดจำมากกว่าได้แชมป์จริงๆก็ได้
ถ้าคิดว่าแชมป์อยู่ที่ใจ มันก็ไม่มีอะไรต้องมาเสียดายกันอีก
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา