หมายเหตุเพจฯ:
● การอนุโมทนาบุญเป็นการสะสมบุญชนิดหนึ่ง เป็นหนึ่งในบุญกริยาวัตถุสิบที่พระพุทธองค์ทรงให้วิธีไว้
●ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความให้เรารอแต่อนุโมทนาบุญจากคนอื่น ตัวเราเองพึงหมั่นขวนขวายทำบุญที่เลิศตามอัตภาพด้วย โดยการทำบุญนั้นๆ ของเราต้องเป็นบุญที่บริสุทธิ์ กล่าวคือ ของทำบุญได้มาโดยบริสุทธิ์ จิตใจเราบริสุทธิ์ ทำเพื่อให้ได้ทำ ไม่ใช่ทำเพื่อให้ได้หน้า หวังถูกล็อตเตอรี่ ทำร้อยหวังกอบโกยล้าน ฯลฯ
●การทำบุญอยู่ที่ใจ ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์แม้ทำบาทเดียวก็อาจมีอานิสงส์มากกว่าคนทำำนทำหมื่นที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่างๆ ในการทำบุญนั้นๆ อาทิ บางคนจำใจและแอบไม่พอใจที่ต้องทำแต่ก็ทำเพื่อรักษาหน้า
●คนมีสองบาททำบุญหนึ่งบาท นับว่ามหาศาลแล้ว เพราะทำครึ่งหนึ่งของที่ตนมี ไม่จำเป็นต้องรวย ไม่พึงเสียใจที่ไม่ได้ทำเท่าคนที่มีมากกว่า เพราะโดยปกติการทำบุญต้องไม่เบียดเบียนตนเอง
●การทำบุญแล้วปรารถนาสวรรค์หรือพรหมภูมิก็ตาม ก็ยังเป็นความปรารถนาที่จะ 'เอา' ยังผูกสัตว์ให้อยู่ในสังสารวัฏอยู่ดี ยังเป็นความปรารถนาจะเกิดจะเวียนว่ายไม่รู้จบ การทำบุญที่เลิศจึงเป็นการทำบุญที่ปรารถนาจะ 'สละ' สละสิ่งของ สละเงิน สละโลก สละทุกภพภูมิ แล้วตั้งจิตว่า ทุกครั้งตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้การทำบุญ ทำทาน ทำความดี(ใดๆ)นี้ จงเป็นอีกพลวปัจจัย ส่งให้ข้าพเจ้าได้ถึงซึ่วพนะนิพพานในอนาคต (หรือเมื่อไหร่ก็ตามแต่เจตนามุ่งหมายไว้)
●การทำบุญ ทำทาน ทำความดีใดๆ บุคคลพึงหมั่นทำสม่ำเสมอ ค่อยๆ ทำ อาทิ ใส่บาตรทุกเช้า เพราะเป็นการฝึกให้ ฝึกระเบียบชีวิต ฝึกการสละออก ท่านว่า อาทิ ใส่บาตรประจำ ย่อมเป็นเสบียงในชาติหน้าๆ ที่ยังไม่พ้นทุกข์ (ศีลเป็นสะพาน ทานเป็นเสบียง)
●เมื่อการอนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นมีอานิสงส์มากมายขนาดนี้ เราทุกคนเองเมื่อเราทำบุญ ทำทาน ทำคุณความดีใดๆ เราเองพึงปลื้มปีติในบุญทุกบุญนั้นๆ ไม่ว่าบุญเล็กบุญใหญ่ ให้มากๆ ให้เต็มเปี่ยมเหมือนเราได้ทำบุญใหญ่อันบริสุทธิ์ทุกครั้ง แล้วขยัยแผ่บุญนั้นไปให้ผู้อื่นได้อนุโมทนา ก็เป็นการขยายมูลค่าบุญนั้นไปให้ใครต่อใครอีกมากมายด้วย