18 มี.ค. 2020 เวลา 14:00 • ธุรกิจ
ใครต่อใครก็พูดถึงเรื่องความเสี่ยง แล้วความเสี่ยงคืออะไรกันนะ ?
สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนเรื่องการเงินมาคงสงสัยไม่มากก็น้อย ว่าความเสี่ยงที่คนในตลาดหุ้นต่างพูดถึงมันตรงกับที่เราเข้าใจรึเปล่า
หากเป็นเรื่องการลงทุนแล้ว ความเสี่ยงสามารถสรุปแบบบ้านๆได้ว่า คือโอกาสที่เราจะคิดผิดแล้วเหลือเงินน้อยกว่าที่หวังนั่นเอง ซึ่งในตำราลงทุนพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายไปจนถึงผู้จัดการกองทุนล้วนเคยผ่านตา จะแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 2 ชนิดได้แก่ ความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic Risk) และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ (Unsystematic Risk)
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic Risk) อาจเรียกเล่นๆว่าเป็น ความเสี่ยงถ้วนหน้าก็ได้ เพราะเป็นตัวแปรมหภาค เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐ ความเปลี่ยนแปลงของปัจจัยใดก็ตามในหมวดนี้จะกระทบหมดทุกคน เช่น รัฐเก็บภาษีนิติบุคคลเพิ่ม ลดดอกเบี้ย หรือสั่งปิดประเทศ ปิดตลาดหุ้น แบบนี้ไม่ว่าเราจะกระจายหุ้นแค่ไหนก็ไม่มีทางรอด เป็นความเสี่ยงที่เราไม่มีทางควบคุมและขจัดให้หมดไปได้ แต่หลีกเลี่ยงได้ด้วยการออกจากตลาดไปเลย ก็มีทั้งออกแบบกำไร และตัดขาดทุน หรือจะใช้ตราสารหลายชนิดมาช่วยกันเฮจจิ้ง (Hedging) ก็ต้องไปฝึกวิชากันเพิ่ม
ด้านความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ (Unsystematic Risk) เรียกเล่นๆว่าเป็นความเสี่ยงตัวใครตัวมันน่าจะตรงสุด เพราะเป็นปัจจัยเฉพาะตัวของธุรกิจ หรือกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งความเสี่ยงชนิดนี้สามารถควบคุมได้ด้วยการซื้อหุ้นที่ทำธุรกิจแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น หุ้นสายการบิน กับผลิตน้ำประปา เป็นต้น ไม่ใช่ซื้อหุ้นที่ทำคอนโด 5 บริษัท แบบนั้นก็ยังกระจุกตัวในอุตสาหกรรมเดียวกันอยู่ดี หรือศัพท์เทคนิคเค้าเรียกว่า มีค่าสหสัมพันธ์(Correlation)สูง ถ้าอยากกระจายก็ต้องทำให้ค่านี้ต่ำ
ข้อดีของการกระจายความเสี่ยงคือทำให้การเติบโตของทรัพย์สินเราไม่แตกต่างไปจากค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ในตลาดมากนัก ส่วนข้อเสียจะเกิดกับคนที่ต้องการอะไรที่สูงกว่านั้น เพราะจะทำให้เสียโอกาสทำกำไรก้อนโตจากการทุ่มเงินลงไปแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งหากคิดถูกก็รวยไป แต่ถ้ามานึกกันให้ดีคนที่จนลงจะมีจำนวนมากกว่ารึเปล่า เอาเป็นว่าเรามาหาจุดสมดุลของตัวเองให้เจอน่าจะเป็นทางเลือกที่สบายใจสุดละ
โฆษณา