18 มี.ค. 2020 เวลา 15:47 • ประวัติศาสตร์
ขอแต่งงาน สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนก็ไฝ่ฝัน
การขอแต่งงาน
จริงๆแล้วในความคิดของผมการขอแต่งงานคือการให้คำมั่นสัญญาว่า จะมีพิธีแต่งงานเกิดขึ้น หรือหลายคนจะคิดว่าเป็นการให้คำมั่นสัญญาแด่คู่รักของเขาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และจะคอยดูแลกันตลอดไป
อีกอย่างหนึ่งคือเป็นการขอหรือให้คำมั่นต่อหน้าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่เราพร้อมจะดูแลลูกสาวของเขาอย่างดีที่สุดไม่มีวันทอดทิ้งจากไป
ขออนุญาตใช้รูปถาพนะครับ
ในการขอแต่งงานนั้นจะเป็นอีกหนึ่งโมเม้นที่ผู้หญิงหลายๆคนต้องการ และเป็นสถานการณ์ที่คู่รักหลายๆคนอยากทำขึ้นมา เพื่อความทรงจำที่ดีที่น่าจดจำไปตราบชั่วรุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าคู่ของเรากำลังจะแต่งงานกันแล้ว แต่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่จะคิดว่าการขอแต่งงานคือเรื่องสมมติ คือการสมมติเหตุการณ์ทำขึ้นมาเท่านั้น จึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากยิ่งนัก
แต่สำหรับตัวผมเองแล้วบางทีผมก็คิดว่าทำไมผู้ชายส่วนใหญ่มีความต้องการทำสถานการณ์แบบนี้น้อยกว่าผู้หญิง หรือเรียกง่ายแบบภาษาวัยรุ่นคือ “ไม่อิน” เท่ากับผู้หญิง อาจเป็นเพราะผู้ชายมีมุมที่แตกต่างไปจากมุมมองผู้หญิง เช่น
- คิดว่าความรักมันไม่ใช่การสร้างภาพ
- คิดว่าความรักมันคือเรื่องของสองคน
- คิดว่ามันน้ำเน่า
- คิดว่าไร้สาระ
- คิดว่าสิ้นเปลือง
บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขออนุญาตใช้รูปภาพสถานที่จริงที่ถ่ายมานะครับ
ยังมีตัวอย่างของคู่รักหลายคู่ที่ทำให้ผู้ชายได้มองเห็นมุมมองการขอแต่งงานที่ต่างกันออกไป ซึ่งจริงๆผมไม่อยากจะมาเล่าให้ฟังหรอก แต่ผมจะเขียนไว้เป็นที่ความทรงจำของชายคนหนึ่งที่เคยทำอะไรให้กับผู้หญิงที่เขารักลงในนี้ ซึ่งผมจะขอเล่าเรื่องของผมให้ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเป็นวันแต่งงานของพี่สาวแฟนผม ก่อนถึงวันงานผมก็ได้จัดเตรียมของ จัดเตรียมชุดช่วยเขาทุกๆอย่างเพราะผมเป็นแฟนน้องสาวของเขา และก่อนหน้าวันงานสองวัน ผมได้โทรไปปรึกษาพี่สาวแฟนว่า “จะขอแฟนแต่งงานในงานแต่งพี่ดีไหม “ พี่สาวแฟนก็ตอบมาว่า “เห้ย!!!!!ดีสิ” แล้วเราก็คุยกัน ปรึกษากันเรื่องเตรียมแผน
ผมจึงได้ไปหาพี่สาวแฟนเพื่อเตรียมหาซื้อจองแหวนหมั้น และตัดสินใจซื้อวันนั้นเลย เพื่อไปขอแต่งงาน ทุกอย่างปกติดี
วันต่อมาผมไปทำงานปกติ และเตรียมที่จะเดินทางไปงานแต่งของพี่สาวแฟน ผมก็ต้องรีบไปเอาแหวนที่จองไว้ก่อนเที่ยง เพื่อที่จะทันกลับมารับแฟนเดินทางไปงานแต่งพี่สาวแฟน
เหตุการณ์ทุกอย่างราบรื่นทุกอย่าง แฟนของผมก็ไม่เอะใจอะไร
จนถึงวันงาน
ทุกอย่างดำเนินไปปกติ
หลังจากพิธีแต่งงานของพี่สาวแฟนช่วงงานเลี้ยงตอนเย็นเสร็จลง ผมก็ได้นัดหมายกับพิธีกร ช่างภาพเรียบร้อย ทุกอย่างพร้อม คิวพร้อม 55555
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ผมก็ถือไมโครโฟนเดินขึ้นไปบนเวที หลังจากนั้นผมก็หันหน้าเข้าหาเวที เพราะน้ำตาของผมเริ่มไหลลงมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งทุกคนคิดว่าผมจะขึ้นไปร้องเพลงให้พี่สาว แต่ที่ไหนได้ ตั้งสติสักพัก ตัดสินใจหันหน้าออกมาสู้กับสักขีพยานทั้ง 350 ชีวิต ที่นั่งเต็มทุกโต๊ะตามภาพข้างบน ก่อนอื่นต้องขอบอกกก่อนว่า (อ่านแบบคนร้องไห้) ผมต้องขออนุญาตสละเวลาแขกผู้มีเกียรติทุกๆท่าน ที่รบกวนเวลา สะอึกๆๆ ที่ขึ้นมาวันนี้ ผมจะมาขอพ่อและแม่ของแฟนที่เป็นที่รักของผมไปดูแล และจะขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลให้ดีด้วยคำพูดของผู้ชายอกสามศอก จะมาสู่ขอลูกสาวของพ่อและแม่ให้ถูกต้องตามประเพณี ..........
จากนั้นผมก็เดินลงไปหาแฟนของผมพร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ และหยิบแหวนที่เตรียมไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วพูดคำว่า “แต่งงานกันนะ” เธอก็ตกลงตามนั้น ..........
การขอแต่งงานสิ้นสุดลง เราก็ได้ตกลงกันว่าจะจัดงานแต่งภายในปีหน้า และจะพาพ่อและแม่ของเราได้ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน คุยกันในเร็วๆนี้
ผมเองไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไป เพราะวันนี้เึกแล้ว
โฆษณา