19 มี.ค. 2020 เวลา 02:05 • ความคิดเห็น
ถาม-ตอบ เรื่อง COVID-19 กับ Bill Gates
ประมาณ 5 ทุ่มที่ผ่าน Bill Gates ได้เปิดให้ผู้คนใน Reddit “ถามอะไรก็ได้ (Ask Me Anything – AMA)” เกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 ซึ่งผมคิดว่ามีประเด็นที่น่าสนใจเยอะมากๆ เลยลองสรุปมาให้อ่านกันครับ
เกริ่นเล็กน้อย Bill Gates คืออดีต CEO ของ Microsoft ซึ่งหันมาทำงานการกุศลอย่างจริงจัง ตั้งมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ที่ได้ช่วยเหลือผู้คนในโลกนี้ไว้มากมาย โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาการศึกษา การพัฒนาสาธารณสุขพื้นฐานในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะประเทศยากจนครับ
มูลนิธิของ Bill Gates เองก็มีเงินทุนหนา และมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในองกรณ์มากมาย จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้นั้นน่าเชื่อถือและมีความถูกต้องครับ
ที่น่าทึ่งคือ ในเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสนั้น Bill Gates เคยพูดใน Ted Talk ปี 2015 ไว้ครับ ว่า “โลกของเรายังไม่พร้อมกับการรับมือโรคระบาดร้ายแรงครั้งถัดไป (We’re Not Ready for the Next Epidemic)”
มาถึงตอนนี้... ก็คงเป็นที่ประจักษ์แล้วครับ
Q1 : ในรายงานของ Imperial College COVID-19 Response Team ซึ่งได้ใช้โมเดลศึกษาผลกระทบการควบคุมโรค COVID-19 แบบไม่ใช้ยา (non-pharmaceutical interventions (NPIs)) กล่าวไว้ว่า หากไม่ทำอะไรเลย จะมีคนอเมริกาเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ล้านคน หรือ หากใช้วิธี Social Distancing ก็จะยังมีคนตายประมาณ 1 –2 ล้านคนอยู่ดี แต่หากใช้วิธีปิดทุกอย่าง(shutting Everything down) เป็นเวลา 18 เดือน จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพียงไม่กี่พันคน
Bill Gates: คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะค่าตัวเลขต่างๆ (Parameter) ที่ใช้ในโมเดลของงานวิจัยนี้ เป็นตัวเลขที่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป (Too Negative) ปัจจุบันเรามีข้อมูลที่สำคัญที่สุดจากจีน ซึ่งก็ใช้วิธี Shut Down และแสดงให้เห็นว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ได้มากดั่ง Model ในงานวิจัยนี้
1
Q2: คุณคิดยังไงเกี่ยวกับวิธีที่ เนเธอแลนด์กำลังจะประกาศใช้วิธีปล่อยให้มีการระบาดแบบตั้งใจ (สร้าง Herd Immunity) แทนที่จะใช้วิธี Shutdown
Bill Gates: ในขณะนี้ มีโมเดลเดียวเท่านั้นที่พบว่าได้ผลจริง คือการทำ Serious Distancing Effort (Shut Down) ถ้าไม่ทำวิธีนี้ โรคจะแพร่กระจายไปติดผู้คนจำนวนมาก และโรงพยาบาลจะ Overload ไปด้วยผู้ป่วยมหาศาล วิธี Herd Immunity นี้จึงควรจะหลีกเลี่ยง แม้การ Shut down มันจะทำให้เศรษฐกิจกระทบมากๆ ถ้าประเทศนั้นๆไม่มีมาตรการควบคุม ประเทศอื่นๆก็จะไม่ให้ใครเข้าออกประเทศนั้นได้ ในที่สุด ซึ่งสุดท้ายแล้ว Bill Gates คิดว่ายังไง Netherlands ก็ต้องกลับลำมาใช้วิธี Shut down นี้
Q3 : คุณกังวลในประเด็นใดมากที่สุด ในวิกฤติครั้งนี้ และคุณมีความหวังในเรื่องใดมากที่สุด
BG: ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในประเทศที่ร่ำรวย ถ้าพวกเขาไปถูกทาง (เพิ่มจำนวน Test และ Social distancing) ภายใน 2-3 เดือนนี้ เหล่าประเทศร่ำรวยทั้งหลายน่าจะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบบมหาศาลได้ สิ่งที่เขากังวลคือความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งหลายแหล่ แต่ที่กังวลที่สุดคือประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายที่ไม่สามารถใช้มาตราการ Shut down แบบที่ประเทศรวยๆใช้ได้ แถมยังมีกำลังทางการแพทย์น้อยกว่า
Q4 : จะมีโอกาสมั้ย ที่กระบวนการพัฒนาวัคซีน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือน สามารถถูกร่นให้สั้นลงได้
BG: ในตอนนี้ มีความพยายามจะผลิตวัคซีนอยู่ 6 ช่องทาง บางบริษัทใช้วิธี RNA ซึ่งยังไม่เคยมีการพิสูจน์ว่าได้ผลจริง ซึ่งถามว่าจะเร็วกว่า 18 เดือนได้มั้ย ก็คงได้ถ้าระหว่างทางไม่มีอุปสรรคอะไรเลย แน่นอนว่าทุกคนจะไม่ได้ฉีดวัคซีนในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะวัคซีนชุดแรกๆนั้น จะไปถึงมือบุคลากรทางการแพทย์ก่อนนั่นเอง
Q5 : ยารักษาโรคที่ได้ผล จะเริ่มมีใช้เมื่อไหร่ จะนานเหมือนวัคซีนมั้ย?
BG: วิธีรักษานั้นน่าจะมาก่อนวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเคสรุนแรงที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและ ICU , วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ คือการใช้ Plasma ของคนที่เคยติดเชื้อซึ่งจะมี Antibody มารักษาต่อ
Q6 : สถานการณ์นี้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่?
BG: ขึ้นกับแต่ละประเทศ ของจีนนั้นจบเร็วเพราะพวกเขามีการ Test และ Shut Down ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าประเทศไหนที่ทำได้ดี ก็น่าจะค่อยๆฟื้น หลังผ่านเหตุการณ์ไป 6-10 สัปดาห์
ส่วนในกรณีที่มีบางงานวิจัยบอกว่าโรคระบาดนี้จะมาเป็นทอดๆ (Multiple waves) และกินเวลาอย่างน้อย 18 เดือนกว่าเรื่องจะจบนั้น ข้อมูลจากโมเดลงานวิจัย ไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่ประเทศจีนและเกาหลีใต้
Q7: Shut down ได้ผลจริง แต่ถ้าหยุดช่วง Shut Down ไปแล้ว มันก็จะระบาดอีกรอบนึงรึปล่าว (มี Rebound)? ในเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อเทียบกับประชากทั้งหมด ก็ยังเป็นสัดส่วนน้อยมากๆ
BG: เป้าหมายของการ Shut Down ก็คือการจำกัดให้จำนวนผู้ติดเชื้อ มี % ที่น้อยที่สุด และหลังจากนี้ มันจะขึ้นกับว่าประเทศที่ผ่านช่วง Peak มาแล้วสามารถคุมคนเข้ามาจากประเทศอื่นได้ดีแค่ไหน และ สามารถตรวจหาคนติดเชื้อได้มีประสิทธิภาพเพียงใด จนถึงตอนนี้จำนวนผู้ติดเชื้อในจีน(Rebound) ก็ยังน้อยอยู่มากๆ เช่นเดียวกันกับฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโป ที่มี Rebound น้อยเช่นกัน
Q9: การเข้าถึง COVID-19 Test นั้นไม่ยุติธรรมมากๆ คนรวย คนดัง (ในอเมริกา)นั้นสามารถทำ Test ได้ตลอด แม้จะไม่มีอาการใดๆเลย แต่คนทั่วๆไปนั้น จะทำ Test ได้ก็ต้องมีไข้ ร่วมกับอาการทางระบบทางเดินหายใจ แล้วยังต้องรออีกตั้ง 5 วัน ทำไมมันไม่แฟร์เลย?
BG: เชื่อว่าตอนนี้รัฐบาล(สหรัฐ) กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการควบคุมการระบาดนี้
Q10: ทำไมเรา (อเมริกา) ยังไม่เข้าสู่ช่วง Lockdown เสียที?
BG: เราจะต้องทำมันแน่ๆ ซึ่งควรทำตั้งนานแล้ว ยิ่งเร็วยิ่งลดเคสได้มาก
Q11 : ระหว่างที่ทำ Social Distancing นี้ ธุรกิจต่างๆ จะดำเนินไปอย่างไรดี?
BG: เป็นปัญหาที่ยากและซับซ้อน แต่คิดว่าพวกธุรกิจที่จำเป็นกับความเป็นอยู่ต่างๆ สำคัญๆ เช่น อาหาร ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต และสาธารณสุขจะยังต้องดำเนินต่อ แต่เชื่อว่าในตอนหลังๆเรื่องธุรกิจนี้จะดีขึ้น เพราะเราสามารถมี Digital Certificate ที่บอกได้ว่าใครติดโรคและหายแล้ว หรือใครมีภูมิแล้ว ซึ่งจะทำให้ป้อนแรงงานได้ง่ายขึ้น
Q12: เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้มั้ย ถ้าต้อง Shutdown จริงๆ
BG: ได้แน่นอน Shut down จะกระทบกับเศรษฐกิจมหาศาล แต่มันจะเจ็บแต่จบ
Q13 : ทำไมผู้นำหลายๆประเทศทั่วโลกถึงไม่เตรียมรับมือกับเรื่องนี้ ทั้งๆที่มีผู้เชี่ยวชาญมากมายออกมาเตือนกันตั้งนานแล้ว ว่ามันระบาดหนักแน่
BG: ไม่มีใครทำนายได้ว่าโอกาสที่จะมีการระบาดของไวรัสนั้นมากแค่ แต่เรารู้ว่าสักวันนึงสถานการร์นี้มันจะเกิดขึ้น และเรายังไม่ได้เตรียมตัวรับมือไว้เลย
Q14 : คุณคิดว่าจะมีประชากรโลกทั้งหมดเท่าไหร่ติดเชื้อ?
BG: ขึ้นอยู่กับว่าเป็นประเทศไหน ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโป รับมืออย่างรวดเร็วและน่าจะมีเคสน้อยมากๆ จีนก็น่าจะคงจำนวนผู้ติดเชื้อไว้ได้ที่ประมาณ (.01%) ประเทศไทยก็เป็นอีกที่ที่มีจำนวนผู้ป่วยน้อย (ใช่ครับ! Bill Gates เขียนแบบนี้จริงๆ) แต่ที่น่าเป็นห่วงคือประเทศยากจนที่ไม่สามารถทำ Social Distancing ได้ เพราะผู้คนอยู่กันอย่างแออัด และต้องทำงานหาเงินซื้ออาหารไปวันๆ ซึ่งประเทศเช่นนี้ น่าจะมีการระบาดของไวรัสจำนวนมาก
Q15 : เรื่องนี้มันจะจบเมื่อไหร่?
BG: ประเทศที่รวยๆ น่าจะคุมการระบาดได้ แต่ประเทศยากจนนั้นน่าเป็นห่วง และจะยุติได้ก็ต่อเมื่อมีการผลิตวัคซีนออกมา
โดยสรุปแล้ว Bill Gates เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก็คือการเร่งเพิ่มจำนวนชุดทดสอบ COVID-19 ให้มากที่สุด เพื่อจะ Detect ผู้ติดเชื้อและคุมการแพร่ระบาดได้ ร่วมกันการ "Shutdown" ชั่วคราว เพื่อคุมให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ๆ มีน้อยที่สุด ซึ่งวิธีนี้ก็ได้อิทธิพลมาจากสิ่งที่เกิดจริงในจีนและเกาหลีใต้ ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสิทธิภาพจริงๆ ส่วนเรื่องการ Rebound หลังจาก Shutdown นั้น ตัวเลขจริงจากจีน แสดงให้เห็นว่ายังน้อยกว่าตัวเลขจากโมเดลซึ่งอ้างอิงจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่(Flu) ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า Rebound จะไม่ได้เยอะมากครับ
ในระหว่างที่คุมการระบาดนั้น เราก็รอยา และรอวัคซีน วัคซีนมาเมื่อไหร่ ก็ End Game ได้เลย
แต่แน่นอนครับ ต้องยอมรับว่า การระดมชุดตรวจโรค และการ Shutdown นั้น ไม่ใช่ทุกๆประเทศจะสามารถทำได้ ซึ่งก็เป็นโจทย์ของผู้นำแต่ละประเทศ และเป็นพันธกิจของมนุษยชาติ ที่สุดท้ายแล้ว คนทั้งโลก ต้องช่วยกันครับ
Ref:
โฆษณา