19 มี.ค. 2020 เวลา 11:07 • ประวัติศาสตร์
กงเกวียนกำเกวียน 2 ราชวงศ์เกาหลี
กระแส Kingdom ซีซั่น2 ที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจในการเล่าประวัติศาสตร์ของเกาหลี แต่ว่าจะไม่ใช่ในมุมมองทั่วๆไป แต่เป็นมุมมองในรูปแบบของกฎแห่งกรรม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกงล้อแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้หมุนกลับมาซ้ำรอยอีกครั้งของ 2 ราชวงศ์เกาหลีที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน และในขณะเดียวกันก็มีจุดจบที่คล้ายคลึงกัน
ในอดีตที่บริเวณคาบสมุทรเกาหลี ได้มีอาณาจักรที่ชื่อโชซอนโบราณตั้งอยู่ ต่อมาอาณาจักรแห่งนี้ได้ล่มสลายลงจากฝีมือของราชวงศ์ฮั่นประเทศจีน และ ได้แตกเป็นอาณาจักรมากมาย ก่อนที่อาณาจักรเหล่านั้นจะถูกผนวกจน เหลือเพียง 3 อาณาจักร โกคูรยอ(Goguryeo) , แพคเจ (Bakeje) และ อาณาจักรซิลลา (Sillia) ซึ่งยุคนี้ถูกเรียกว่ายุคสามอาณาจักร (Three kingdom period) หรือยุคสามก๊กเกาหลีนั่นเอง แต่ว่ายุคสามก๊กของเกาหลีนั้นกินเวลายาวนานกว่า 700 ปี จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดเมื่ออาณาจักรได้ถูกรวมเข้ากับอาณาจักรซิลลา (Silla) ซึ่งได้ร่วมมือกับราชวงศ์ถังของจีนที่มีกองทัพมหึมาและแข็งแกร่ง
ถึงแม้อาณาจักรชิลลาจะรวมแผ่นดินได้สำเร็จแต่การรวมนั้นเป็นได้เพียงแค่ เปลือกนอกเท่านั้น เพราะประชาชนยังไม่เคยลืมความเป็นชาวโกคูรยอกับ ชาวแพคเจ รอเวลาเพียงแค่มีผู้นำมาปลุกระดมลุกขึ้นสู้ ซึ่งอาจทำให้เกิด การแยกตัวออกมาตั้งอาณาจักรของตนเองอีกครั้ง สาเหตุมาจากการที่ซิลลานั้นมีระบบชนชั้นที่ค่อนข้างเข้มงวด ให้สิทธิพิเศษแก่พวกชนชั้นสูงและคนที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวชิลลามากกว่าพวกที่มาสวามิภักดิ์ในภายหลัง ทำให้นานวันเข้าตระกูลขุนนางที่สืบทอดอำนาจมาหลายชั่วอายุโดยเฉพาะขุนนางท้องถิ่น นั้นมีอำนาจทางการเงินและทหารมากจนไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีให้แก่ ราชสำนัก ส่งผลให้ราชสำนักมีรายได้น้อยลง ทำให้ต้องมาขูดรีดภาษีกับ ประชาชนอย่างโหดร้าย ทำให้ประชาชนที่ถูกกดขี่มานานจำต้องลุกฮือขึ้นต่อต้าน ในขณะเดียวกันราชสำนักที่อ่อนแออยู่แล้วไม่มีอำนาจในการปราบปราม เนื่องจากปัญหาการแย่งชิงบัลลังก์ของเชื้อพระวงศ์ เป็นระยะเวลานานติดต่อหลายรัชกาล ส่งผลให้อาณาจักรที่รวมเป็นหนึ่งได้แตกแยกเป็นหลายก๊ก
ก๊กของกุงเยก็เป็นหนึ่งในนั้น กุงเยเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยานสูงและเป็นคนที่มีความสามารถในการโน้มน้าวชักจูงผู้คน เขาได้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการรวบรวมผู้คนที่เสื่อมศรัทธาในราชสำนักและแตกแยกให้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง โดยที่วิธีของกุงเยจะพยายามเน้นไปที่สันติวิธีมากกว่าการใช้กำลัง จนสามารถก่อตั้งเป็นอาณาจักรฮูโกรคูรยอ หรือต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแทบง (Taebong) ได้ในที่สุด
1
ในช่วงระหว่างที่กุงเยกำลังก่อร่างสร้างอาณาจักร เขาได้นำกองทัพของเขาบุกตีเมืองแคซอง ( Kaesong) แต่ด้วยอานุภาพกองทัพของกุงเยที่เข้มแข็งกว่า ทำให้ชาวแคซองจำต้องยอมศิโรราบต่อกุยเยเพื่อไม่ให้เกิดสงครามนอง เลือดขึ้น และวังริว (Wang ryu) ก็เป็นหนึ่งในนั้นซึ่งเขาเป็นเจ้าเมืองแคซอง และเป็นหัวหน้าตระกูลพ่อค้าที่ทรงอิทธิพลในเมือง ต่อมาเขาได้ให้ลูกชายของเขาวังกอน (Wang geon) ไปรับราชการรับใช้กุงเยในฐานะแม่ทัพ
2
วังกอนเป็นคนที่มีความสามารถโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบัญชาการรบ ศึกที่สร้างชื่อเสียงที่สุดให้กับวังกอนคือ สงครามทางเรือกับอาณาจักรแพคเจใหม่ (Hubaekje) ซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่มีความแข็งแกร่งพอๆกับอาณาจักรของกุงเยและมีความถนัดศึกทางเรือ ที่บริเวณนาจู (Naju) ในปี 903 (พ.ศ.1447) เนื่องจากประสบการณ์การเดินเรือในฐานะพ่อค้าของวังกอน ทำให้เขาได้รับชัยชนะและกลายเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างมากจากกุงเยถึงขนาดเรียกวังกอนว่าน้อง
ต่อมาในปี 913 วังกอนได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครเสนาบดี กลายมาเป็นผู้ที่มีอำนาจ บารมีรองจากกุงเย และในขณะเดียวกันวังกอนก็มีฐานอำนาจความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทุกครั้งที่วังกอนยกทัพไปมักเข้าไปช่วยปลดแอกผู้คนจากความยากลำบากภายใต้การปกครองของอาณาจักรซิลลา เรียกได้ว่าชนวนของความขัดแย้งในการแย่งชิงอำนาจก็ได้ครุกกรุ่นขึ้นมาอย่างชัดเจนระหว่างผู้นำที่เกิดจากศรัทธาทางศาสนากับผู้นำที่เกิดมาจากผลงานทางการทหาร ทำให้ช่วงประวัติศาสตร์นับจากนี้เป็นต้นไปถูกเขียนโดยมุมมองของผู้ชนะ นั่นคือวังกอน
โดยได้มีการระบุไว้ว่า พระเจ้ากุงเยนั่นมีอาการวิปริตขึ้น หลงระเริงในอำนาจ มักประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างฟุ่มเฟือย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็น ตนคือมีนึก (พระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่ลงมาจุติเพื่อปราบปรามยุคมืด) และจะสั่งประหารชีวิตคนที่มีความเห็นแตกต่างจากตน ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ รวมถึง ภรรยากับลูกของตนเองอีกด้วย เพราะถือว่าตนคือพระผู้ช่วย คำสั่งของตนถือว่าเด็ดขาดและถูกต้อง
1
ดังนั้นเพื่อไม่ให้บ้านเมืองต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของทรราชกุงเย จำเป็นต้องมีวีรบุรุษลุกขึ้นมาสู้ (พล๊อตคุ้นๆไหมครับเหมือนบางประเทศ) วีรบุรุษคนนั้นคือวังกอน ขุนนางผู้ที่พระเจ้ากุงเยชุบเลี้ยงและปลุกปั้นจนได้กลายมาเป็นขุนนางใหญ่นั่นเอง กตัญญูจริงๆเลยครับ ได้ใช้ข้ออ้างนี้รัฐประหารและฆ่าพระเจ้ากุงเยลง และตั้งตนเป็นพระเจ้าแทโจ แห่งราชวงศ์โครยอ ต่อมาหลังจากที่วังกอนที่สามารถแย่งชิงอาณาจักรที่กุงเยสร้างขึ้นมาสำเร็จแล้ว ก็ได้ใช้รากฐานจากอาณาจักรแห่งนี้ในการรวบรวมอาณาจักรซิลลาที่อ่อนแอถึงขีดสุดกับอาณาจักรแพคเจใหม่เข้าด้วยกันในปี 936 (พ.ศ.1480) ภายใต้การปกครองอาณาจักรโครยอ (Goryeo)ในที่สุด
โฆษณา