20 มี.ค. 2020 เวลา 11:00 • กีฬา
" ฟูเตร้ ซ้ายสายฟ้าแห่งโปรตุเกส "
โปรตุเกส ได้ชื่อว่าเป็นชาติที่ผลิตนักเตะฝีเท้าจัด ลีลาลากลุยดุดัน ชั้นเชิงสูง เข้าสู่วงการอย่างไม่ขาดสาย
 
โดยเฉพาะในยุคหลังที่เราได้เห็นผู้เล่นอย่าง หลุยส์ ฟิโก้, แซร์โจ้ คอนไซเซา จนมาถึง ริคาร์โด้ กวาเรสม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จนมาถึงรุ่นหลังอย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ชูเอา เฟลิกซ์
ก่อนหน้านั้น พวกเขามีดาวเด่นที่ชื่อ เปาโล ฟูเตร้
2
นี่คือปีกซ้ายที่ดีสุดคนหนึ่งในยุโรป ในช่วงที่เขากำลังพีคสุดขีด ฟุตบอล ยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1987 ที่ ปอร์โต้ คว้าแชมป์ไปครองนั้น โดยมากคนมักจำชื่อของ ราบา มัดเจอร์ สตาร์แอลจีเรียน ผู้ยิงประตูตีเสมอสุดมหัศจรรย์ใส่ บาเยิร์น มิวนิค ในชัยชนะ 2-1
 
ทว่า ในความเป็นจริง แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์ ในเกมนั้นเป็นปีกดาวรุ่งวัย 21 ที่ชื่อว่า เปาโล ฟูเตร้ นี่เอง
ฟูเตร้ มีเท้าซ้ายฉมัง ทั้งการเลี้ยง การเปิด และยิง ถูกนำไปเทียบกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า บวกกับความเร็วต้นในการกระชากบอล และเซนส์ฟุตบอลยอดเยี่ยม เขาจึงกลายเป็นนักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจสุดคนหนึ่งในยุโรป
 
เขาเริ่มต้นอาชีพตั้งแต่อายุ 17 ปีกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แล้วก็ทำผลงานฮือฮาได้ทันที แต่เพียงปีเดียวก็ย้ายมาอยู่กับอริอย่าง เอฟซี ปอร์โต้
 
กับทีมยักษ์ทางเหนือ เขาช่วยทีมเป็นแชมป์ซูเปอร์ ลีกา 2 สมัย ก่อนปิดท้ายที่ ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 87 ดังกล่าว
ฤดูกาล 1986/87 เป็นปีที่เขาสุดยอดมากๆ วัย 20 ย่าง 21 เขายิงได้ถึง 12 ประตูในลีกกจาก 25 นัด ช่วยทีมเป็นแชมป์ยุโรป และ ทันใดนั้นเอง แอตเลติโก้ มาดริด ก็โผล่เข้ามากระชากเข้าไปยังแดนกระทิง
 
ว่ากันว่า เขารับค่าเหนื่อยถึง 650,000 ยูโร ต่อปี ซึ่งมหาศาลในสมัยปี 1987 และเขาก็ไม่ทำให้ตราหมีผิดหวัง ร่ายผลงานเป็นขวัญใจแฟนๆ อย่างรวดเร็ว
 
ผลงานคาบเกี่ยวระหว่าง ปอร์โต้ กับ ตราหมี ทำให้เขาคว้าอันดับสองนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป (ได้บอลเงินไปครอง เพราะปีนั้น รุด กุลลิท ของ มิลาน ซิวบัลลง ดอร์ หรือบอลทองไปครอง)
 
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ตามมาสำหรับนักเตะบางรายที่ทำให้พลาดการไปยืนบนจุดที่ควรจะเป็น คือเรื่องสภาพร่างกาย
 
ฟูเตร้ ค่อนข้างผอม ไม่ใคร่แกร่งนัก โดนเกมหนักมาตั้งแต่อายุ 17 ทำให้เขามีอาการบาดเจ็บรบกวนที่หัวเข่าอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงปี 90 มาแล้ว
เขามักได้รับปลอกแขนกัปตันทีมอยู่เสมอ และแม้จะบาดเจ็บ ในปี 1991/92เขาก็ทำให้แฟนๆ ตราหมีมีความสุขที่สุด นอกจากจะเปิดป้อนให้ มาโนโล่ เพื่อนร่วมทีมยิง 27 ประตูจนคว้าดาวยิงลีกกระทิงแล้ว เขายังนำทีมซิว โกปา เดล เรย์ มาครองได้ ด้วยการเอาชนะ อริเบอร์ 1 อย่าง เรอัล มาดริด ได้ 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศด้วย
 
ปี 93 ในวัย 27 อาการบาดเจ็บเล่นงานเขาหนัก ลงเล่นไม่ถึงครึ่งฤดูกาล เขาโดนปล่อยกลับมายังบ้านเกิด โดยมี เบนฟิก้า รับไปดูแล
 
นี่เองเป็นจุดเริ่มที่แท้จริงของขาลง แม้เขาจะเล่นระยะสั้น ช่วยเบนฟิก้า คว้าแชมป์บอลถ้วยมาครอง (เขายิงประตูในนัดชิงใส เบาวิสต้า ได้ด้วย) แต่อาการเจ็บก็มาเกาะกินเรื่อยๆ
 
เขาตระเวนไปเล่นกับ มาร์กเซย, เรจจิน่า, เอซี มิลาน, เวสต์แฮม กลับมาตราหมีในยุคเปลี่ยนผ่าน 1997/98 และตบท้ายที่ โยโกฮาม่า ฟลูเกลส์ ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1998 ก่อนแขวนสตั๊ดด้วยวัย 32 ปีเท่านั้น
 
โดยในช่วงหลัง ไม่มีสโมสรไหนที่เขาลงเล่นถึง 10 นัดเลย อาการเจ็บเล่นงานเขาหนัก (เขาเล่นให้ มิลาน ได้แค่นัดเดียวในกัลโช่)
ฟูเตร้ รับใช้ชาติไป 41 นัดทำได้ 5 ประตู ระหว่างปี 1983 จนถึง 1995 นัดแรกของเขาในเกมตัดเลือก ยูโร 1984 เจอกับ ฟินแลนด์ เขาทำสถิตินักเตะอายุน้อยสุดลงเล่นให้โปรตุเกส ด้วยวัย 17 ปีกับ 203 วันเท่านั้น
 
น่าเสียดาย เทียบกันแล้ว เขาก็คงเหมือน ไมเคิ่ล โอเว่น ในยุคหลัง ที่ดังเร็ว เก่งเร็ว แต่อาการเจ็บไม่อนุญาตให้ไปไกลกว่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานตั้งแต่ยังหนุ่มของ เปาโล ฟูเตร้ ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาคือหนึ่งในแข้งดีสุดของยุโรปอย่างแท้จริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา