21 มี.ค. 2020 เวลา 07:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ว่ากันว่าธรรมชาติสร้างสิ่งเล็กๆ
ทรงพลังอย่างไวรัสขึ้นมาเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ค่ะ
เผ่าพันธุ์ไหนเลเวลสูงจัด
ไม่มีเผ่าอื่นหรือปรากฎการณ์ธรรมชาติมาลดประชากรได้
ก็มองเห็นหายนะในอนาคตได้เนอะ เผ่าอื่นอาจสูญพันธุ์ อาหารขาดแคลน ที่สุดแล้วดาวเคราะห์นี้ก็อาจจบสิ้น
ไวรัสจึงเป็นแผนที่ธรรมชาติใช้รับมือกับพวกนี้ในเวลาที่ประชากรเยอะ
เรียกว่าเป็นมาตรการสุดท้ายสำหรับป้องกันหายนะก็ว่าได้
เขามาเพื่อล้างผลาญเป้าหมายตรงๆ โต้งๆ
จะเห็นว่าไวรัสชนิดหนึ่งจะโจมตีสัตว์แค่หนึ่งหรือไม่กี่ชนิดเท่านั้น
ถ้าไปอาศัยในสัตว์ที่ไม่ใช่เป้าหมายก็แค่อยู่ไปเฉยๆ
รอคอยโชคชะตากับการันตีว่าตัวเองจะไม่มีวันหายไป
แถมยังไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ มักอาศัยการสัมผัสใกล้ชิด
จะใกล้ชิดได้ก็ต้องประชากรหนาแน่น และ
พอล้มตายไปจนถึงจุดไม่หนาแน่น
ไวรัสก็จะหายไปเองเข้ากันกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ที่สามารถเรียนรู้และต่อต้านไวรัสได้
หลังผ่านโรคระบาดไปจะเหลือเพียงผู้อยู่รอดที่แข็งแรงเท่านั้น
ส่งต่อเชื้อพันธุ์แข็งแรงกันต่อไปจนประชากรหนาแน่นอีกครั้ง
ธรรมชาติชอบความสมดุล มีเสียก็ต้องมีได้
ดังนั้นประโยชน์หนึ่งที่เราได้จากไวรัสก็คือการคัดเลือกพันธุ์ค่ะ
ลูกหลานมีความสามารถในการปรับตัวได้ดีขึ้น ทนต่อโรคมากขึ้น
ฯลฯ
การคุมกำเนิดแผนปัจจุบันไม่ได้อยู่ในแผนของธรรมชาติ
ก็ต้องมีวิธีลดประชากรซะบ้าง เผื่อว่าภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง
กับสงครามยังเอามันไม่ลง
ไวรัสนี่แหละที่รับประกันความสำเร็จได้ และเพราะชอบสมดุลนี้เอง
ในเมื่อไวรัสทำให้สายพันธุ์เราดีขึ้น มันก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นเหมือนกัน
ไวรัสเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตรึเปล่า
เพราะมันไม่มีพฤติกรรมแบบสิ่งมีชีวิต ไม่กิน ไม่ถ่าย ไม่หายใจ
มีแค่เรื่องเดียวที่เหมือนสิ่งมีชีวิตคือการพยายามเพิ่มจำนวน
ซึ่งพอจะถูไถพูดได้ว่ามีการแพร่พันธุ์
แล้วก็เป็นการแพร่พันธุ์ที่โคตรเฉพาะตัว ไม่ได้แบ่งตัว แตกหน่อ
แลกสารพันธุกรรม (มีเพศสัมพันธ์)
เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น
ถึงจะมีบ้างที่ไวรัสรับสารพันธุกรรมของใครไป แต่มันไม่เหมือนการผสมพันธุ์ตามปกติ เอาไปบ้างไม่เอาไปบ้าง เอาไปจากโฮสต์ผู้ติดเชื้อบ้าง เอาไปจากโฮสต์พาหะบ้าง ไม่มีใครรู้ว่าไวรัสมีเกณฑ์ยังไง
ไวรัสใช้วิธีเกาะเซลล์เป้าหมายแล้วบังคับให้ก็อปปี้ตัวเองขึ้นมาภายในนั้น
ให้เซลล์ของเราผลิตไวรัสใหม่ว่างั้นเถอะ
ขั้นตอนนี้เองที่ทำให้เราป่วย
มันมาใช้ทรัพยากรของเราในการสร้างตัวเองจนเซลล์เราตาย
ไอ้ที่เกิดใหม่ก็ไปบังคับเซลล์อื่นจนตายอีก
ในกรณีของโควิด-19 พี่แกใช้เซลล์เยื่อหุ้มปอด
ไต หัวใจ เป็นโรงงาน ไวรัสอื่นอาจเลือกอวัยวะอื่น
มันจะเลือกอย่างเจาะจง
ร่างกายมีการเรียนรู้และขัดขืนต่อต้านนะ ถ้าต่อต้านทันก็หาย
ไม่ทันก็ตาย ถ้าแข็งแรงก็อาการเบา ตายช้าหน่อย
ร่างกายของเราสามารถหายจากโควิด-19 เองได้
ตั้งแต่ติดจนหายก็มีที่ไม่รู้ตัว
แต่ใครจะอยากเสี่ยงล่ะ คนแก่กับเด็กหรือผู้ป่วยที่อ่อนแอจึงไม่ไหวจะทนเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งในขั้นตอนการก็อปปี้มันก็มีพลาดกันได้
เขาจะถือโอกาสนี้พัฒนาประสิทธิภาพตัวเอง
เรียกว่าการกลายพันธุ์ มีกลายพันธุ์แล้วด้อยลงอยู่เหมือนกัน
แต่พวกนี้ไม่รอดชีวิตมาให้เห็น
เราจึงเห็นแต่การกลายพันธุ์แบบดีขึ้น
เรื่องก็อปปี้พลาดมีในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ร่างกายเราก็มีการก็อปพลาดเองทุกวัน
เรียกว่าเซลล์มะเร็ง ต่อให้เป็นคนสุขภาพดีก็มีเซลล์มะเร็ง
แต่ซีเคียวริตี้ของเรากำจัดออกได้เลยไม่ป่วย
ซึ่งถ้าวันไหนกำจัดไม่ทันก็เป็นโรคมะเร็งนั่นแหละ
มนุษย์พัฒนายาเพื่อเอาชนะธรรมชาติอยู่ทุกวัน ธรรมชาติเองก็ไม่ยอมง่ายๆ
ไวรัสเป็นเครื่องมือที่ธรรมชาติรักมาก ถึงได้ออกแบบให้เขามีดีขนาดนี้ แม้แต่มนุษย์ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่ครองโลกสำเร็จยังต่อกรได้ยากเลย
มันจะเป็นสงครามที่มีอยู่ตลอดไป
มันมีพฤติกรรมที่ตายตัวไหม
มีค่ะ ไวรัสมีรูปแบบเฉพาะตัวอยู่
แค่ลักษณะของเขาก็โคตรเฉพาะตัวไม่เหมือนใครแล้ว
เขาเลือกทำลายแต่เป้าหมายและพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ
เคียงข้างกันไป แต่เดิมไวรัสโคโรนาเล่นงานสัตว์เล็ก
วันดีคืนดีกลายพันธุ์เป็นซาส์ ใช้ทริกหลอกว่า
"ฉันเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดานะจ๊ะ อย่าสนใจฉันเลย"
แต่เพราะแสดงอาการ โฮสต์จึงถูกแยกจากคนอื่น
ยิ่งเป็นนาน อาการแรง ก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ
ถูกจับได้ เกิดการคิดค้นรักษา ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้
ซาส์ก็จบภารกิจไปแบบเฟลๆ
ขอเวลาไปวางแผนใหม่ในค้างคาวและกลับมาเปิดตัวอย่างเฉิดฉายในชื่อ
ซาส์-โคโรนาไวรัส-2019 เชื่อเล่น โควิด-19
(เคยชื่อ ซาส์รุ่นสอง ด้วยนะ แต่ดูท่าทีน้องจะได้ไปต่อ เลยตั้งชื่อตามปีที่โด่งดัง พูดถึงอีกครั้งนักวิทย์จะได้ได้จำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง)
น้องมาด้วยทริก "เธอไม่ได้ป่วยหรอกนะ ทำตัวปกติเถอะ"
โคตรจีเนียส แก้จุดอ่อนของพี่ได้อย่างงดงาม
ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่าประสบความสำเร็จ
น้องไม่ได้มาทำภารกิจจบด่วนเพื่อลดประชากรเป็นหลักเหมือนแบคทีเรีย
อัตราตายสูงแค่พอขำๆ เน้นติดกันเยอะๆ
เป็นกันนานๆ คัดเลือกสายพันธุ์ให้อย่างประณีต
แต่ก็ไม่ถึงกับนานเหมือน HIV ไอ้นี่ก็ต่อนยอนเกินไป
เขาโด่งดังเพราะใช้ทริกอันสุดยอด
"ฉันจะทำลายระบบป้องกันของแกเท่านี้แกก็ปกป้องตัวเองจากฉัน
ไม่ได้แล้ว"
อาจเพราะเป็นทริกที่ดูทรงพลานุภาพ
วิธีติดต่อของเขาจึงจำกัดแค่การแลกเลือดกับปั่มปะป๊าม
ไม่ใช่จะติดกันง่ายๆ จากที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนน้องโควิด-19
แถมยังไม่ทำให้เกิดอาการป่วยโดยตรงอีก
เทียบกันแล้วเราสามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ได้อย่างปกติ
แตกต่างจากน้องโควิด-19 โดยสิ้นเชิงด้วยซ้ำ
ประหนึ่งว่า HIV เป็นกองกำลังเสริมของไวรัสอื่นซึ่ง
โดนมนุษย์ปราบแทบจะเกลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าพัฒนาไวรัสอย่างเดียวมันไม่ได้ผล
ก็ต้องลองตัวเสริมประสิทธิภาพไวรัสเดิมใช่ไหมล่ะ
ที่สุดของโลกใบนี้ไม่มีใครจีเนียสเท่าธรรมชาติจริงๆ
นี่คือรูปแบบของไวรัสค่ะ
ลดประชากรแต่อย่าให้ถึงขั้นสูญพันธุ์ ถ้าเราสู้ได้
เขาก็จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเรื่อยๆ ด้วยทริกที่แยบยลกว่าเดิม แถมหัวใส ไปแอบพัฒนาในสัตว์อื่นด้วยนะ
โควิด-19 พัฒนาในค้างคาว HIV ในซิมแปนซี
ไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในสัตว์ปีก
จะเห็นว่าไวรัสพัฒนาตัวเองได้เยอะสำหรับการเล็งเป้ามาที่เผ่าพันธุ์ซึ่งมีประชากรมาก นอกจากมนุษย์ก็คือปศุสัตว์
ส่วนไวรัสที่เล่นงานพวกวิ่งร่าเริงในป่าใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรใหม่
อย่างไรเสีย แนวคิดที่ว่าไวรัสมีตัวตนอยู่เพื่อจำกัดประชากรสิ่งมีชีวิต
หรือเพื่อรักษาสมดุลของโลก
หรือเพื่อคัดเลือกพันธุ์ หรือเพื่อการันตีว่าไม่มีวันที่สิ่งมีชีวิตชนิดไหนมาทำให้โลกล่มสลายได้ ก็เป็นแค่ทฤษฎีกลุ่มหนึ่ง
ฉันพูดรวบตึงเพราะมันไปทางเดียวกัน ส่วนทฤษฎีอื่นก็เช่น ไวรัสคือระบบต่อต้านไวรัสของโลก
(มีพื้นฐานจากทฤษฎีไกอาซึ่งเชื่อว่าโลกเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มนุษย์คือตัวทำให้โลกป่วย หรือก็คือมนุษย์นี่แหละที่เป็นไวรัส)
ที่บอกว่าไวรัสเป็นเรื่องบังเอิญก็มี
(ทฤษฎีนี้ต่อต้านทฤษฎีที่ว่า 'ทุกสิ่งมีตัวตนอยู่เพราะมีเหตุผลให้ควรอยู่
ถ้าไม่มีเหตุผลก็จะถูกกำจัดทิ้งไป
แต่เชื่อว่าทุกสิ่งมาจากอะไรบางอย่าง มันก็แค่มีอยู่เท่านั้น)
ยังไม่นับความเชื่อทางศาสนาอีกนะ
ทุกวันนี้เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไวรัสมาจากไหน
กรณีมนุษย์ยังรู้ได้ว่ามีบรรพบุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
แต่ไวรัสมันแหกคอกจนหาบรรพบุรุษไม่เจอจริงๆ สัตว์ก็ไม่ใช่ พืชก็ไม่ถูก
เชื้อรงเชื้อราก็ไม่ใกล้เคียง
มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่าไวรัสพัฒนามาจากเซลล์พิกลพิการ คือถ้ามีเต็มเซลล์ก็กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าไม่เต็มเซลล์ก็ไปเป็นไวรัส
แล้วมันยังพอเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้ไหม อยู่ในคลาสไหน
ไวรัสขาดลักษณะเด่นของสิ่งมีชีวิต ไม่กิน ไม่ถ่าย ไม่หายใจ
เหมือนเพียงอย่างเดียวคือการพยายามสืบพันธุ์ด้วยวิธีที่ไม่มีใครเหมือน แถมโครงสร้างร่างกายก็ไม่ครบแม้แต่จะเป็นเซลล์เซลล์หนึ่งด้วยซ้ำ
ส่วนตัวฉันมองมันเป็นเครื่องจักรปัญญาประดิษฐ์ แบบว่าเป็นจักรกลเลียนแบบสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างโดยธรรมชาติน่ะ
มันทำแบบนั้นเพื่ออะไร
มีหลายทฤษฎี ฉันเห็นด้วยกับแก๊งรักษาสมดุลโลก
กรณีนี้ถามถึงการดำรงอยู่ของสิ่งสิ่งนี้ด้วยครับ
ไวรัสจะอยู่กับเราไปจนถึงกาลที่โลกล่มสลายค่ะ
Cr NobrainMode
โฆษณา