25 มี.ค. 2020 เวลา 02:00 • การศึกษา
Perfectionist แท้จริงแล้วคืออะไร!!!
หลายคนมีปัญหาการทำงาน
ทำไม่เสร็จทันเวลา
ทำงานไม่ดีสักที
เครียด หงุดหงิด โกรธตัวเอง
แล้วทางออกหละ???
ปัญหาเหล่านี้มักมาพร้อมกับคำว่า Perfectionist
นั่นคือ "การเสพติดความสมบูรณ์แบบ"
Perfectionism มี สอง แบบ
1. ตั้งเป้าหมายสูง แต่ยังสมจริงอยู่บ้างนะ (Adaptive Perfectionist)
+ มาตรฐานสูง
+ ทุ่มเท
+ ทำงานเสร็จในเวลาที่ควรจะเป็น (ไม่หมกมุ่นจนวินาทีสุดท้าย)
2. เป้าหมายก็สูง แถมยังไม่สมจริงอีก (Maladaptive Perfectionist)
+ มาตรฐานที่เวิ่นเว้อ เลื่อนลอย เพ้อฝัน
+ มีความกดดันตัวเอง เครียด เพราะมาตรฐานนั้นไม่มีอยู่จริง
สร้างเองเจ็บเอง
ฉนั้นปัญหาใหญ่ 2 อย่างของการเสพติดความสมบูรณ์แบบง่ายๆ เลยคือ
1. เงอะๆ งะๆ ไม่ยอมเริ่มทำอะไรสักที ทำไมหละ!!!
เพราะอยากจะทำให้ดีเลิศตั้งแต่ก้าวแรก วันแรก
ตอนนี้ วินาทีนี้เลย
และสุดท้ายคือ กว่าจะเริ่มทำจริงก็ผลัดวันประกันพรุ่ง
เพราะรู้สึกไม่พร้อมตลอดเวลา สุดท้ายย่ำอยู่กับที่จ้า
พักตรงนี้ไว้ก่อน มาดูอีกข้อที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
2. สั้นๆ กลัว กลัวความผิดพลาด
เพราะอะไรหนะหรอ คิดเอง เออเอง ความคิดเด้งอยู่ในหัวว่า
สุดท้ายผลที่ออกมาก็ไม่เพอร์เฟคไง
สองอย่างที่เกริ่นไปคือเรื่องใหญ่เลยนะ
แต่เรามีเคล็ด (ไม่) ลับ สองอย่างเท่านั้น
อย่างแรก
ตั้ง Deadline กำหนดมาว่าจะทำเสร็จเมื่อไหร่ เวลาไหน
เอาให้แน่นอนไปกันเลย แล้วเรื่องจะทำงานให้ออกมาเพอร์เฟคหละ
คตินี้ช่วยได้ "Done is better than perfect"
"ทำอะไรให้เสร็จดีกว่ารอให้เพอร์เฟคแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ"
ลองจินตนาการ เวลาจะต้องไปพรีเซนต์งานกับหัวหน้า
คนนึงพยายามทำให้ดีที่สุดไปเลย จนคิดว่าหัวหน้าจะไม่ติ
ก็เพราะมันดีมากๆ แล้วไง แต่
ลึกๆ ของ Perfectionist จะเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจ
ถึงจะคิดว่าทำดีแล้ว แต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่ามันต้องดีกว่านี้ได้อีกเส่
ส่วนคนที่ถือคติ Done is better than perfect จะอยู่กับความเป็นจริง
มีความมั่นใจในการพูดในที่ประชุม เพราะจะทำอะไรที่เพอร์เฟคแค่ไหน
สุดท้ายก็จะได้คำติกลับมาบ้าง แล้วไง ได้มาแล้วก็แก้ไขจุดนั้น
ไม่หมกมุ่น ไม่โทษตัวเอง เพราะเข้าใจว่าเห้ยไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ 100%
คิดแบบนี้ทำให้มี Confident แถมไม่กังวลเท่ากับ Perfectionist อีก
ข้อสุดท้ายละ
กฎ 80% อันทรงพลัง
ง่ายๆ เลยคือ ทำงานให้รู้สึกว่าเราทำดีที่สุดละ 80% ย้ำ 80% เท่านั้น
แล้วเดินหน้าลุยเรื่องอื่นต่อเลย ไม่หมกมุ่นเพื่อทำให้ถึง 100%
(Move on)
ทำไมหละ???
ลองคิดว่าพวกที่ต้องการ 100% แปลว่าทุกๆ details โดยเฉพาะที่ไม่สำคัญต้องเป๊ะ ต้องแน่น...
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตสิ่งที่ไม่ได้สำคัญว่าหู้ยยย ทำไมไม่เพิ่มอันนี้
ลดอันนี้ ใส่สีอันนั้น ย่อหน้าอันนี้...เน้นทำแต่อันโดนๆ อันไม่โดนเราจะไม่ไปขยี้
และนี่คือทั้งหมดที่อยากให้ทุกคนลองสังเกตตัวเอง หรือคนรอบข้าง
ว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นอย่างนี้รึเปล่า ฉันเข้าใจตัวเองว่าฉันเป็นแบบไหน
และเดี๋ยวโพสหน้าเราจะมาเล่าวิธีทำอย่างไรให้เราไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
กับลดความกังวลกับเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
อ่อ อย่าลืมถามเองตอบเองว่า
อะไรคือสิ่งที่คุณอยากจะเอาความ Perfectionist ออกไป
Share it in the comments and see you for the next topic.
โฆษณา