Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดูหนังกัน
•
ติดตาม
22 มี.ค. 2020 เวลา 13:52
The Flowers of War สงครามนานกิง สิ้นแผ่นดินไม่สิ้นเธอ (2011)
สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม ผ่านโชคชะตาของ 13 บุปผา แห่งเมืองนานกิง
คำเตือน ⚠️ บทความนี้เป็นการเปิดเผยเนื้อเรื่องทั้งหมด Spoil
ภาพยนตร์ฉบับเต็มด้านล่างค่ะ
youtube.com
สงครามนานกิง สิ้นแผ่นดินไม่สิ้นเธอ พากย์ไทย HD
The Flowers of War (2011)
เหตุการณ์ถูกเล่าผ่านมุมมองของเด็กหญิง ชู วัย 13 เมื่อคราวสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ. 1937 กองทัพญี่ปุ่นได้เข้าบุกยึดเมืองนานกิง ชาวเมืองล้วนโดนเข่นฆ่า หญิงสาว ถูกข่มขืนและฆ่าทิ้งราวกับผักปลา
พ่อของชูรับปากว่าจะพาเธอและเพื่อนๆที่เรียนในโบสถ์วินเซนต์หนีออกจากนานกิง แต่เด็กๆหนีไปขึ้นเรือไม่ทันและต้องฝ่าฟันเอาชีวิตรอดกลับมายังโบสถ์จนเสียเพื่อนๆไปบางคน
การกลับมาที่โบสถ์ในครั้งไม่ได้มีเพียงชูและเพื่อนๆอีกต่อไป เมื่อมี จอห์น มิลเลอร์ ชายฝรั่งที่อ้างว่าเขามาทำศพบาทหลวงอีเกอร์แมน และพยายามขอเก็บเงิน แต่เมื่อโบสถ์ไม่มีอะไรเหลือ เขาจึงขอปักหลักพักที่นี่ ซึ่งในสายตาชูและเพื่อนๆ จอห์นก็เป็นขี้เมาไร้น้ำใจคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรพวกเธอเลย
และยังมีกลุ่มนางโลม 14 คน มาขออาศัยหลบที่โบสถ์ เพราะคิดว่าทหารญี่ปุ่นคงไม่มายุ่งกับสถานที่ของชาวตะวันตก ชูและเพื่อนๆไม่เคยเห็นนางโลมมาก่อน ชูคิดว่าพวกนางโลม ไม่สวยงามเหมือนที่เธอเคยคิด และได้ยินมาก่อนว่าพวกนางโลม เหมือนตำนานแห่งแม่น้ำฉินฮ่วย ที่อยู่คู่กับเมืองนานกิงมาช้านาน
เพียงไม่นานพวกเธอก็ยึดห้องใต้ดินของโบสถ์ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ร่ำสุรา เล่นพิณ ทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอม และอวี๋โม่ว 1 ในนางโลมที่รู้ภาษาอังกฤษ ยังพยายามให้จอห์นช่วยเธอและเพื่อนๆหลบหนี โดยแลกกับการจะยอมพลีกายให้
พันตรีลี่ หัวหน้าทหารจีนที่เหลือกำลังอยู่ไม่มาก และเสียชีวิตไปส่วนหนึ่งจากการช่วยเหลือชูและเพื่อนๆจากทหารญี่ปุ่น ได้แอบพา กู่เฉิน ทหารหนุ่มไร้บ้านที่อายุยังน้อย มาขอหลบอยู่ที่ห้องใต้ดิน เพราะว่าอยากให้เขาได้อยู่ในที่อบอุ่น
พวกนางโลมไม่เห็นด้วยในทีแรก แต่เพื่อเห็นแก่กู่เฉิน ที่คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน พวกเธอจึงยอมให้เขาพัก และรับปากว่าจะดูแลเขาในฐานะน้องชาย ด้านพันตรีลี่ ไม่ได้หนีไปไหนไกล เขายังซุ่มดูแลคนในโบสถ์จากซากของร้านที่อยู่ตรงข้ามกับโบสถ์
1
พวกทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาที่โบสถ์ตามที่พันตรีลี่คาด ทหารพยายามไล่จับเด็กสาวมาข่มขืน ใครขัดขืนก็จะฆ่าทิ้ง ชูและเพื่อนๆไม่หนีไปห้องใต้ดิน เพื่อให้พวกนางโลมและกู่เฉินรอด แต่ไปหลบในห้องสมุดแทน จนชูและเพื่อนๆโดนทหารญี่ปุ่นจับได้ในที่สุด
จอห์น ไม่อาจทนได้อีก เขาแต่งตัวและรับสมอ้างเป็นบาทหลวง เพื่อช่วยชีวิตเด็กๆ แต่ทหารญี่ปุ่นกลับไม่สนใจ จนเด็กบางคนเสียชีวิตและจอห์นก็บาดเจ็บ
พันตรีลี่ได้ลอบยิงทหารญี่ปุ่นในโบสถ์ และล่อลวงทหารให้ออกมาโดนระเบิดในขณะที่เขาเองก็ยอมพลีชีพไปด้วย ทำให้เหลือทหารญี่ปุ่นไม่กี่นาย
แต่แล้วเหตุการณ์ก็ยุติลงเมื่อ ผู้พันฮาเซกาว่า ผู้บังคับบัญชาทหารญี่ปุ่นได้เข้ามาระงับเหตุและขอให้จอห์นดูแลเด็กๆให้ดี เขาจะถือว่าที่โบสถ์เป็นเขตปลอดภัย และจะนำกำลังทหารมาเฝ้า นำอาหารเช่น มันฝรั่ง มาให้
แลกกับการให้เด็กๆฝึกร้องเพลง และเขาจะกลับมาฟัง ซึ่งพ่อของชูได้มากับทหารญี่ปุ่นด้วย และแอบมาบอกจอห์นว่าขอให้ช่วยพาตัวชูมาเจอเขา เขาจะพาลูกสาวหนีไปจากที่นี่
แต่สถานการณ์ทั้งหมด ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิด และกลับนำไปสู่จุดจบที่น่าเศร้า
เนื้อหาด้านล่างต่อไปนี้ เป็นการเล่าถึงตอนจบของหนัง หากผู้อ่านท่านใด ที่ไม่ต้องการให้เสียอรรถรสจากการรับชมในภายหลัง ไม่ควรอ่าน
เด็กๆถูกฝึกให้หัดร้องเพลง เพื่อให้ไปร้องเพลงในงานเลี้ยงและบำเรอทหารญี่ปุ่นเท่านั้น ชูและเพื่อนๆจึงตัดสินใจจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
กลุ่มนางโลม ซึ่งตอนนี้เหลือ 12 คน เพราะ 2 คนเสียชีวิตจากการที่กลับไปเอาสายพิณเพื่อเอามาเล่นให้กู่เฉินฟังก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ ได้อาสาไปแทนเด็กๆเอง
อวี๋โม่ว ได้เกลี้ยกล่อมเพื่อนนางโลมว่า พวกเด็กๆไม่ควรต้องมาทำเรื่องแบบนี้ เราเองที่มีประสบการณ์น่าจะไปแทนมากกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอซึ้งใจที่ชูและเพื่อนๆ ช่วยชีวิตพวกเธอไว้ โดยไม่ยอมลงมาหลบที่ห้องใต้ดิน
เมื่อตอนที่ทหารญี่ปุ่นมานับจำนวนเด็กนักเรียนนั้น มีเด็กอยู่ 12 คน แต่มีนางโลมคนหนึ่งได้ออกมาตามหาแมวของเธอ ทำให้ทหารญี่ปุ่นนับรวมว่าเด็กมี 13 คน
เด็กชายจอร์จ เฉิน ที่ถูกเลี้ยงมาโดยบาทหลวง อีเกอร์แมน ขอปลอมเป็นเด็กหญิงคนที่ 13แทน ชู ได้แต่มองเด็กชายแล้วคิดย้อนกลับไปว่าเธอและเพื่อนๆชอบล้อเลียนจอร์จ เวลาเขาพูด เพราะเขาเป็นเด็กขาดสารอาหารและถูกนำมาเลี้ยง จอร์จจึงช่วยงานครัวทุกอย่าง ช่วยขัดพื้น ช่วยตีระฆัง
1
นักเรียนหญิงตัวปลอมทั้ง 13 คน ได้ปลอมตัวเป็นเด็กนักเรียนโดยความช่วยเหลือของจอห์นในการตัดและยืดผม ส่วนเสื้อผ้ารองเท้าก็ช่วยกันเย็บและขยาย และทุกคนไม่ลืมพกเศษกระจกเพื่อเป็นอาวุธต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นติดตัวไปด้วย
เมื่อถึงวันเดินทางจริง แม้จะเกิดการขัดขืนบ้างขณะขึ้นรถ แต่ทั้ง 13 คนก็เดินทางออกไปในที่สุด และพ่อของชูที่มารอรับลูกสาวก็ถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตายตรงหน้าโบสถ์นั่นเอง โดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เจอหน้าลูกสาว
จอห์น รีบพาเด็กหญิงทั้งหมดซ่อนตัวในรถและทำทีว่าขนไวน์ของโบสถ์เพื่อนำไปขาย จนเมื่อผ่านทหารญี่ปุ่นไปได้ จอห์นได้แต่มองผ่านกระจกมองหลังด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
หนังจบลงด้วยมุมมองของชู ที่ทำได้เพียงจินตนาการถึงภาพ ที่กลุ่มนางโลมเดินเข้ามาโบสถ์โดยตัวชูเองมองผ่านกระจกกลมบานใหญ่ของโบสถ์ เพราะในชีวิตจริงเธอไม่มีทางรู้เลยว่า พวกนางโลมและเด็กชายจอร์จจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
1
ไม่มีสงครามใด ที่ไม่มีการสูญเสีย สิ่งที่หนังสะท้อนออกมา คือการกระทำย่ำยีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองอย่างโหดร้าย ผ่านการทำสงคราม
และสะท้อนว่าในบางครั้ง สิ่งที่เราเห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
ชายขี้เมาคนหนึ่ง ที่เรามองว่าไร้ประโยชน์ อาจจะกลายเป็นคนที่นำพาให้เรารอดชีวิต
นางโลม ที่เรามองว่าทำอาชีพต่ำทราม อาจจะมีจิตใจที่งดงาม และเปี่ยมไปด้วยความเสียสละที่เราคิดไม่ถึง
เด็กผู้ชายซื่อๆ ที่เราชอบล้อเลียน อาจจะเป็นเพื่อนยาก ที่พร้อมจะตายแทนเราได้เสมอ
12 บันทึก
32
25
7
12
32
25
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย