23 มี.ค. 2020 เวลา 10:46 • การศึกษา
Black Death
-คุณรู้จัก Black Death ไหม
-รู้หรือเปล่าว่ามีคนตายจากเหตุการณ์Black Death กว่า100 ล้านคน
-คุณรู้ไหมว่า Black Death กินเวลากว่า 300 ปี
-คุณอยากรู้ไหมจุดกำเนิดของ Black Death มาจากที่ไหน และแพร่กระจายได้อย่างไร
ถ้าอ่านหัวข้อเหล่านี้แล้วคุณสนใจ ตามผมมาแล้วผมจะเล่าให้ฟัง
ก่อนจะเข้าเนื้อเรื่องผมต้องอธิบายอย่างงี้ก่อน
Black Death หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ความตายสีดำ ก็คือการระบาดของกาฬโรคซึ่งถือว่าเป็นโรคระบาดร้ายแรงในยุคอดีต โรคนี้ร้ายแรงถึงขนาดที่ว่า คนที่ได้รับเชื้อสามารถตายได้ภายในเวลา 5-6 วัน
แล้วอาการของโรคละเป็นไง
เป็นไข้ ปวดเนื้อปวดตัว สู้แสงจ้าไม่ได้ เวียนหัว จนสุดท้ายต่อมน้ำเหลืองก็จะโตโดยมีขนาดเท่าไข่ไก่และแตกออกในที่สุด เป็นเหตุให้ผู้ติดเชื้อเหนื่อยล้า หัวใจล้มเหลว เลือดออกที่อวัยวะภายในและตายไปในที่สุด
กาฬโรคในยุคนั่นเกิดได้ไงหว่า
เกิดจากเห็บที่อาศัยอยู่บนสัตว์ฟันแทะ อย่างเช่น หนู กระรอก ฯลฯ เป็นพาหะ
โอเคเรามาเริ่มกัน
ต้องบอกก่อนว่า กาฬโรคไม่ได้ระบาดเพียงแค่ครั้งเดียวแต่มีการระบาดเกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งนักประวัติศาสตร์ได้แบ่งช่วงเวลาออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน
ช่วงเวลาระบาดครั้งแรก : ยุคกลางตอนต้น ตั้งแต่ ปี คศ.541-700 จุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดในยุคนี้อยู่ที่อาณาจักรโรมันตะวันออก ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล
โดยเชื่อกันว่าเชื้อโรคนี้เริ่มที่ประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตามกรุงคอนสแตนติโนเปิลไม่ได้รับเชื้อโดยตรงจากจีน แต่ได้รับเชื้อผ่านการค้าขายกับประเทศอียิปต์ โดยกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้นำเข้าธัญพืชต่างๆจากประเทศอียิปต์และในธัญพืชเหล่านั้นก็มี หนูที่มีเห็บซึ่งเป็นพาหะของเชื้อโรคติดมาด้วย และด้วยความที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลมีหนูอาศัยอยู่เยอะมากจึงทำให้เชื้อโรคกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่คน
นักประวัติศาสตร์คาดว่า ในช่วงที่พีคที่สุดของโรคระบาด ชาวเมืองคอนสแตนติโนเปิลตายไปจากโรคระบาดราววันละ 10,000 คน
ชาวเมืองที่หลบหนีโรคระบาดออกจากเมืองมาได้ก็กลายเป็นพาหะนำโรคระบาดไปสู่ยุโรปภาคพื้นทวีปจนเป็นเหตุให้ชาวยุโรปตายไปจากเหตุการณ์นี้ราว 100 ล้านคน ซึ่งเป็นประชากรถึง 50 เปอร์เซ็น ของชาวยุโรปทั้งหมด
ช่วงเวลาระบาดครั้งที่สอง Black Death : การระบาดครั้งนี้เกิดนี้ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 14-17 โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าเชื้อเริ่มต้นที่ มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ในปี 1334 การระบาดครั้งนี้ทำให้คนในมณฑลหูเป่ย ตายไปถึง 90 เปอร์เซ็น ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 5 ล้านคน โดยสันนิษฐานกันว่าสาเหตุเกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติฝนตกน้ำท่วมจนทำให้สัตว์ประเภทหนูที่มีเห็บอาศัยอยู่ซึ่งซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ออกมารวมตัวกัน จนกลายเป็นพาหะนำเชื้อขึ้นมา
และด้วยเส้นทางการค้าอันโด่งดัง ที่มีชื่อเรียกว่าเส้นทางสายไหม จึงทำให้โรคระบาดครั้งนี้แพร่กระจายตามเส้นทางผ่านของกองคาราวาน ทั้ง รัสเซีย( ปี 1345) อินเดีย จนข้ามไปสู่ตะวันออกกลาง(ปี 1346) และในที่สุดโรคระบาดก็เข้ามาสู่กรุงคอนสแตนติโนเปิล(ปี 1347)
ด้วยความที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากบวกกับเป็นเมืองท่าการค้าสำคัญที่มีการค้าขายทางเรือ จึงทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปกับเรือและแพร่กระจายสู่ยุโรปในที่สุด
และการแพร่ระบาดเข้าสู่ยุโรปครั้งนี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์สยองขวัญเหตุการณ์หนึ่ง
ที่เมืองท่าชื่อว่า ชิชิลี ได้มีเรือลอยลำเข้าเทียบท่าถึง 12 ลำในครั้งเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนเรือก็พบกับ ผู้คนที่อยู่บนเรือนั้นเกือบทั้งหมดได้เสียชีวิตไปแล้วและบางคนที่ยังไม่เสียชีวิตก็อาการหนักมาก และด้วยความที่มีศพติดเชื้อจำนวนมากอยู่ในท่าเรือจึงทำให้เชื้อโรคได้แพร่กระจายสู่เมืองต่างๆในยุโรปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เกิดการระบาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน ปี คศ.1348 โรคระบาดก็ได้กระจายเข้าไปในอิตาลี โดยเริ่มจากเมือง เมืองฟอเรส เมืองปิซ่า เมืองเวนิส ซึ่งเป็นเมืองการค้าที่เจริญในยุคนั้น จากนั้นการแพร่กระจายก็เริ่มรวดเร็วขึ้นโดย แพร่จากอิตาลี สู่ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ และอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป
การระบาดครั้งนั้นยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่ว่า เกิดการล้มตายครั้งใหญ่ในอิตาลี นับเป็นประชากร 2 ใน 3 ของประเทศ และถ้านับรวมชาวยุโรปที่ตายทั้งหมด ก็มีการจดบันทึกไว้ว่า มากถึง 25 ล้านคน
ใน ปี คศ.1350 ก็เหมือนกับว่าโรคจะเบาบางลง แต่!!! การระบาดไม่ได้หยุดลงอย่างสิ้นเชิงมีช่วงที่เชื้อสงบลงในช่วงหน้าหนาวและกลับมาระบาดใหม่ในช่วงหน้าร้อน วนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ นับเป็นเวลา 300 ปี เลยทีเดียว
อยากรู้ไหมว่าผู้คนมีเอฟเฟกต์อย่างไรกับการระบาดใหญ่ ที่เรียกว่า Black Death
ในยุคที่มีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นั้นยังไม่มีการประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์จึงทำให้ผู้คนไม่รู้ถึงสาเหตุและที่มาของโลกรวมถึงวิธีการรักษา คนในยุคนั้นจึงสันนิษฐานกันไปต่างๆนาๆ
เรื่องสาเหตุผู้คนก็ต่างคาดเดากันไป
บางก็ว่า เกิดจากการเรียงตัวของดาวเคราะห์
บางก็ว่า เกิดจากสภาพอากาศที่คนยุคนั้นเรียกว่า Bad Air
บางก็ว่า เกิดจากพระเจ้าลงโทษ การก่อให้เกิดการไถ่บาปด้วยการเฆี่ยนตีตัวเอง
ส่วนการติดต่อและการแพร่เชื้อก็คาดว่า
เกิดจาก การมองตาผู้ป่วย
เกิดจาก ผู้ที่ใส่รองเท้าหัวแหลม
เกิดจาก การขยับตัวจึงทำให้โรคกำเริบ
วิธีการรักษาเป็นไง
รักษาโดย การกินแร่บด
รักษาโดย เนื้อนกพิราบ โดยนำเนื้อนกพิราบมาขัดถูตัว
รักษาโดย การเจาะต่อมน้ำเหลือง
รักษาโดย แช่ตัวอยู่ในน้ำส้มสายชู
เรียกได้ว่ามีการผลิตทฤษฎีต่างๆออกมามากมาย และบางทฤษฎีก็มีการโทษคนอื่นเป็นแพะรับบาปของโรคระบาดครั้งนี้ด้วย แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแพะเจ้าเก่าในยุโรปอย่าง ชาวยิว และเหล่าหญิงงามเมือง โสเภณี ต่าง ๆ นั่นเอง
ที่กล่าวมาทั้งหมดเนี่ยถ้าเป็นตอนนี้มันออกจะแฟนตาซี แต่ลองคิดดูในสมัยยุคกลางที่ไม่มีทั้งกล้องจุลทรรศน์และเทคโนโลยีในการพิสูจน์โรคทุกคนก็ต่างพากันคาดเดากันไป
เมื่อบ้านเมืองโกลาหลผู้คนล้มตาย ผู้รักษากฎหมายไม่มีกำลังพอที่จะบังคับใช้กฎหมาย ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อบางส่วนก็ต่างพากันละทิ้งศิลธรรมทั้งปล้นทั้งฆ่าข่มขืนกินเหล้าเมาตลอดเวลาเพื่อลืมความเลวร้ายหรือแม้แต่มีเซ็กส์กันในที่สาธารณะ
โรคระบาดครั้งนี้ยังเป็นต้นเหตุของการละทิ้งศาสนาของชาวยุโรป เมื่อมีโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่องและยาวนาน จึงทำให้ชาวคริสต์ในยุโรปหมดศรัทธาในพระเจ้าจนนำไปสู่การละทิ้งศาสนา กล่าวได้ว่าการระบาดของโรคในครั้งนี้เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การสิ้นสุดของยุคกลาง ก็ว่าได้
เมื่อมีคนตายก็ย่อมมีศพ แล้วจะจัดการกับศพโรคระบาดจำนวนมากอย่างไร
การจัดการกับศพในเหตุการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่นี้ผู้ที่จัดการศพจะใช้วิธีฝังศพติดเชื้อทั้งหมดรวมกันและเป็นวิธีการที่ใช้อย่างแพร่หลายในทุกๆที่ในยุโรป
หลังจากที่ยุโรปเจอกับโรคระบาดเป็นเวลายาวนานยุโรปจึงพอรู้ว่าโรคนี้แพร่กระจายมากับผู้คนที่เดินทางมาจากนอกทวีปทั้งทางบกและทางน้ำ ทางการจึงได้ให้มีการกักตัว กักเชื้อโรค โดยตั้งกฎไว้ว่าเรือที่เดินทางมาจากที่ใดๆ ห้ามจอดเทียบท่าจนกว่าจะทำการกักโรคเป็นเวลา 40 วันซะก่อน
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเหตุการณ์ Black Death คือหน้ากากที่มีจะงอยปาก
เนื่องจากผู้รักษาโรคในยุคนั้นยังไม่มีความรู้มากพอ จึงเชื่อกันว่าโรคพวกนี้ผ่านมาจากทางอากาศที่เรียกว่า Bad Air ดังนั้นจึงต้องทำหน้ากากให้มีจะงอยยาวๆเพื่อที่จะนำเครื่องหอมสมุนไพรต่างๆยัดเข้าไปข้างใน เพื่อดับกลิ่นศพและกรองอากาศให้สดชื่นขึ้น
ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลาระบาดครั้งที่สอง ในเหตุการณ์ ที่ถูกเรียกว่า Black Death แต่ๆ แต่ยังไม่จบ กาฬโรคยังมีการระบาดใหญ่อีกครั้ง
แต่ก่อนจะถึงการระบาดครั้งที่สาม ปี คศ.1665-1666 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่กรุงลอนดอนซึ่งการแพร่ระบาดของกาฬโรค ในครั้งนั้นทำให้ประชากรชาวลอนดอนตายไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จากประชากร 450,000 คน ลดลงเหลือ 60,000 คน ในปีเดียว
มาถึง ช่วงเวลาระบาดครั้งที่สาม : ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของการระบาดใหญ่ของเชื้อกาฬโรค ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน(อีกแล้ว)โดยเริ่มระบาดจากมณฑลยูนาน ในปี คศ.1855 และมีคนตายจากเหตุการณ์ระบาดครั้งนี้ประมาณ 12 ล้านคน
แต่การระบาดครั้งนี้แตกต่างจากการระบาดครั้งก่อน นั่นก็คือในศตวรรษที่ 17 มนุษย์ได้มีการคิดค้นกล้องจุลทรรศน์จนไปสู่การค้นพบเชื้อแบคทีเรีย
ดังนั้นจึงมีแพทย์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ Alexandre Emile Jean Yersin ศึกษาจนค้นพบสาเหตุของการเกิดโรค ในปี คศ.1894 รายการค้นพบครั้งนี้ได้นำไปสู่การผลิตวัคซีนต่างๆในการป้องกันและรักษากาฬโรค
และในปี 1897 ในที่สุด มนุษย์ก็ได้ค้นพบวิธีการป้องกันและรักษากาฬโรคจนสำเร็จ
**การระบาดของกาฬโรคล่าสุดเกิดขึ้นในปี คศ.2009 ในมณฑลฉิงไฮ่ ประเทศจีน แต่ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตเพียง 9 คนเท่านั่น
....
อ้างอิง
- “Black Death.”[ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://blackdeathfacts.com/ [ม.ป.ป.] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- “ BLACK DEATH TIMELINE.” [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: http://blackdeathreglit.weebly.com/timeline.html [ม.ป.ป.] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- BBC. “The Black Death.” [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.bbc.co.uk/bitesize/guides/z7r7hyc/revision/2 [ม.ป.ป.] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- Benedictow, Ole.“ The Black Death: The Greatest Catastrophe Ever.” History Today Volume 55 Issue 3 March 2548.
- Centers for Disease Control and Prevention. “History of Quarantine.”[ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/quarantine/historyquarantine.html [ม.ป.ป.] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- Herlihy, David. The Black Death and the Transformation of the West. Massachusetts: Harvard University Press, 2540.
- hfocus.“กำเนิดและสิ้นสุดโรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 1 กาฬโรค.”[ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2014/08/7906 [2557] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- Howard, Jenny.” Plague, explained “.[ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.nationalgeographic.com/science/health-and-human-body/human-diseases/the-plague/ [ม.ป.ป.] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- Mussap, Christian J. "The Plague Doctor of Venice." Internal Medicine Journal. (May 2563): 617-676.
- ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ. "รู้จักคำศัพท์เกี่ยวกับโรคระบาด." [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.facebook.com/thestandardth/photos/a.1725541161072102/2377049565921255/?type=3&theater [2563] สืบค้น 13 กุมภาพันธ์ 2563.
- ไทยรัฐ. "ค้นพบหลุมศพมรณะดำในศตวรรษที่ 14." [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.thairath.co.th/news/foreign/1780738 [2563] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- ศิลปวัฒนธรรม. “Black Death โรคระบาดครั้งใหญ่ จากจีนถึงไทย สู่ตำนานพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา” [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.silpa-mag.com/history/article_44799 [2563] สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2563.
- เพจ Point of View
โฆษณา