23 มี.ค. 2020 เวลา 18:08 • ธุรกิจ
❄Natural Killer Cell (NK CELL)คืออะไร?
🧿NK Cells คือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระแสเลือด เป็นระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิดของร่างกาย
🧿NK cells มีหน้าที่สำคัญในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง โดยไม่ต้องผ่านกระบวน การกระตุ้น และการเรียนรู้ต่อเซลล์ที่ผิดปกตินั้น (Antigen Stimulation) ดังนั้น เม็ดเลือดขาว NK Cell จึงมีบทบาทสำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกัน (Innate Immune System) ในการค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้นและควบคุมการติดเชื้อไวรัสต่างๆ
🧿ถ้าจะเปรียบ NK Cells ก็คือ กองทหารที่คอยปกป้อง พร้อมเคลื่อนเข้าไปเผชิญหน้ากับเซลล์แปลกปลอม และเซลล์มะเร็งที่กำลังคุกคามร่างกายนั่นเอง
🧿ซึ่งปกติแล้วในร่างกายของคนเราจะมี NK Cells อยู่ที่ประมาณ 2,000– 5,000 ล้านเซลล์ เมื่อมีเซลล์แปลกปลอมเข้าไป NK Cell จะรับรู้ได้ทันทีที่มันเคลื่อนที่เข้ามา
🧿จากการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว NK Cell จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ของมะเร็งที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ แต่นอกจากอายุแล้ว ก็ยังมีปัจจัยที่ทำให้ความสามารถของ NK cell อ่อนแอลง เช่น
-พักผ่อนไม่เพียงพอ
-ไม่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น
-รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
เช่น อาหารที่มีน้ำตาล หรือไขมันสูง และรับประทานผักผลไม้ไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากร่างกายไม่มีแร่ธาตุและวิตามินที่เพียงพอ
-มีความเครียดสะสม
เมื่อร่างกายมีความเครียดสูงขึ้น ฮอร์โมนความเครียดจะไปกดภูมิคุ้มกันให้อ่อนแอลงจนร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
🧿ระบบภูมิคุ้มกันถือเป็นปราการด่านสำคัญของสุขภาพ ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดีจึงควรใส่ใจในเรื่องระบบภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น
🧿ระบบภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถเริ่มจากการใช้ชีวิตของเราเอง การรับประทานอาหารที่หลากหลายครบหมู่ เสริมด้วยอาหาร เช่น บลูเบอร์รี, เห็ดไมตาเกะ, เห็ดหลินจือ, กระเทียม หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆอาทิ Cordyceps (ถั่งเช่า), Resveratrol, Reishi Extract (สารสกัดจากเห็ดหลินจือ), เบต้ากลูแคน, โพรไบโอติกส์ เป็นต้น ก็สามารถช่วยเพิ่ม NK cell activity ได้เช่นกัน
🧿นอกจากนี้ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ปล่อยวางความเครียด และคอยหมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น มีการติดเชื้อบ่อยขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียด หากปล่อยปละละเลยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงภายหลังได้
โฆษณา