24 มี.ค. 2020 เวลา 12:36 • กีฬา
ในกีฬาฟุตบอล แน่นอนว่าตำแหน่งที่โดดเด่นมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นตำแหน่งที่อยู่ใกล้โอกาสในการทำประตู
ส่วนตำแหน่งที่เด็กทุกคนมักไม่ค่อยอยากเล่นคงหนีไม่พ้นผู้รักษาประตู
และมิดฟิลด์ตัวรับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิดฟิลด์ตัวรับที่ต้องรับบทบาททำงานหนักเป็นผึ้งงาน
คอยจัดการเกมรุกของคู่ต่อสู้ ที่มักไม่ค่อยโดดเด่นในสายตาแฟนบอล
แต่ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ หรือ"โฮลดิ้ง มิดฟิดล์" นี่แหละครับคือตำแหน่งที่
สำคัญอย่างมากสำหรับโครงสร้างทีมฟุตบอล เพราะเป็นตำแหน่งที่ทำให้
เกิดสมดุลในแดนกลาง ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ระบบฟุตบอลพัฒนามากขึ้น
ทำให้ตำแหน่งการเล่นนี้ยิ่งต้องพัฒนาตัวเองตามไปด้วย เพราะมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบมากกว่ามิดฟิลด์ตัวรับในยุคก่อนๆ
ทีนี้เมื่อเอ่ยถึงผู้เล่นประเภทมิดฟิลด์ตัวรับ หลายคนย่อมนึกถึงชายชื่อ
โคล้ด มาเกเลเล่ ตำนานโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ชาวฝรั่งเศส ที่สร้างชื่อเสียงให้กับการเล่นตำแหน่งนี้ จนแฟนบอลต่างขนานนามให้ว่าเป็น"ตำแหน่งมาเกเลเล่"
จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ วงการลูกหนังก็ยังไม่ขาดแคลนผู้เล่นฝีเท้าดี
ในตำแหน่งดังกล่าว บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ 5 ผู้เล่นสาย
โฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ที่มีความสามารถสูงและโลดแล่นอยู่ในวงการยุคปัจจุบัน
1.เอ็นโกโล่ ก็องเต้
คนแรกที่ต้องกล่าวถึง เพราะทุกคนต่างลงคะแนนเสียงเป็นเอกฉันทร์ว่าคือตัวยืนหนึ่งของตำแหน่งการเล่นนี้ในยุคปัจจุบันก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าเลสเตอร์ ซิตี้ จะค้นพบเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ และซื้อมาร่วมทีมในราคาเพียงแค่ 8 ล้านปอนด์เท่านั้น สมัยที่เจ้าตัวย้ายจากสโมสรคานส์ เมื่อปี 2015 ในวันที่เลสเตอร์ ผงาดขึ้นครองบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2015-2016 ผู้คนต่างยกย่องสรรเสริญผู้เล่นอย่าง ริยาด มาห์เรซ และ เจมี่ วาร์ดี้ ที่สร้างผลงานทั้งยิงทั้งจ่าย แต่บุคคลที่ทำงานหนักอยู่เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว คือชายชื่อเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ยืนคุมแดนกลางด้วยวิสัยทัศน์การอ่านเกมที่เฉียบขาดและทำให้แดนกลางของทีมมีความแข็งแกร่ง จนยากที่คู่ต่อสู้รายใดจะพาบอลผ่านไปถึงหลังบ้านได้ง่ายๆ จุดเด่นของก็องเต้คือความแข็งแกร่งและความขยัน แม้จะเล่นในบทบาทของโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ แต่ลักษณะการเล่นที่ออกมามักเทไปที่การวิ่งพล่านทั้งเกมรับและรุกตามสไตล์ Box to Box Midfield มากกว่า ทำให้เขามีความครบเครื่องมากกว่ามิดฟิลด์ตัวรับทั่วๆไป นอกจากนั้นยังมีทัศนคติในการเล่นฟุตบอลและการใช้ชีวิตที่ดี ไม่ค่อยตกเป็นข่าวในแง่ลบอะไรสักครั้ง ทำให้ผู้คนให้ความเคารพในตัวเขา จากเลสเตอร์ จนมาถึงเชลซี และทีมชาติฝรั่งเศส ก็องเต้ คือคนทำงานหนัก ปิดทองหลังพระเบื้องหลังแชมป์รายการต่างๆ รวมไปถึงตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2018 ที่ผ่านมาด้วย ทำให้คงไม่เกินเลยไปนักถ้าจะกล่าวว่าเขาคือผู้เล่นที่กุนซือทุกคนปรารถนาอยากมีไว้ในทีม เพราะการมี ก็องเต้คนเดียว ก็เหมือนมีผู้เล่นเพิ่มมาในสนามอีกสองคนนั่นแหละครับ
2.แฟร์นานดินโญ่
คนต่อมาคือมิดฟิลด์แซมบ้าวัย 34 ปี ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นคือ แฟร์นานดินโญ่ นี่คือคนที่ถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของสโมสรเรือใบสีฟ้า ในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก มาสามสมัย นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2013 ด้วยทักษะและเทคนิคที่ฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับชาวบราซิล รวมไปถึงพละกำลังในการทำงานหนัก เป็นมิดฟิลด์ตัวรับตามแบบฉบับ Box to Box อีกหนึ่งคนของวงการ ที่มีการผ่านบอลที่แม่นยำทั้งสั้นยาว แถมยังมีทีเด็ดเรื่องการยิงไกลที่แรงและเฉียบคม ยิ่งการเล่นในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะเห็นชัดเลยว่าแฟร์นานดินโญ่ มีบทบาทและอิทธิพลกับทีมอย่างสูง เพราะจะคอยเป็นคนกำหนดจังหวะการขึ้นเกม รวมไปถึงเวลาตั้งรับ เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีเพราะมีการอ่านเกมที่ดี คอยอ่านจังหวะการเล่นของคู่ต่อสู้อยู่เสมอ จนทำให้บางครั้งเขามักก้าวนำคู่แข่งไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว ถือเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่างแท้จริง
3.เซร์คิโอ บุสเก็ตต์
คนที่สามคือ เซร์คิโอ บุสเก็ตต์ มิดฟิลด์เชิงสูงชาวสแปนิชวัย 31 ปี ของสโมสรบาร์เซโลน่า อีกหนึ่งผู้เล่นระดับเวิลด์ คลาส ในบทบาทของตัวโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งการอ่านเกมและวิสัยทัศน์ในการเล่นบอล เขาคว้าแชมป์มาแล้วมากมายในระดับสโมสรรวมไปถึงแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 และแชมป์ยูโร 2012 กับทีมชาติสเปน ที่เขาถูกเรียกตัวรับใช้ไปแล้ว 115 เกม นอกจากจะมีทักษะเรื่องการอ่านจังหวะเกมและตัดบอลที่ยอดเยี่ยม บุสเก็ตต์ ยังเป็นผู้เล่นตามแบบฉบับของบาร์ซ่า ที่มีเทคนิคดี สามารถขึ้นเกมเองได้ เพราะมีลูกผ่านบอลที่แม่นยำและเล่นบอลจังหวะเดียวได้ดี รวมไปถึงการยืนตำแหน่งที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่าย จนบางครั้งก็มักจะถูกปรับบทบาทให้เล่นเป็น เพลเมกเกอร์ตัวต่ำ หรือ Deep lying playmaker อยู่บ่อยครั้ง การเล่นของ บุสเก็ตต์ จะไม่ค่อยมีคนมองเห็นสักเท่าไร เพราะโดนรัศมีของผู้เล่นคนอื่นๆในทีมบดบัง แต่ตามนิยามที่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ อดีตกุนซือของทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010 ว่าเอาไว้ นั่นคือถ้าคุณมองการแข่งขันทั้งเกมคุณจะไม่เห็นหรอกว่าบุสเก็ตต์ทำอะไร แต่ถ้าคุณมองการเล่นของบุสเก็ตต์ แค่เพียงคนเดียว คุณสามารถจะเห็นภาพรวมของการแข่งขันเกมนั้นๆได้ทั้งหมด เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสายโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถรอบด้าน ตามแบบสมัยนิยม ที่ฟุตบอลยุคใหม่ต้องการอย่างแท้จริง
4.กาเซมีโร่
คนที่สี่ที่จะกล่าวถึง ปัจจุบันเป็นแกนหลักสำคัญในสโมสรเรอัล มาดริด นั่นคือ กาเซมิโร่ มิดฟิลด์บราซิลเลี่ยน ที่เป็นหัวใจในทีมของซีเนอดีน ซีดาน กาเซมีโร่ ย้ายจากเซา เปาโล มาร่วมทีมชุดขาวเมื่อปี 2013 โดยในช่วงแรกนั้นเขาไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเท่าไร จนกระทั่งการก้าวขึ้นมาคุมทีมของซีดาน ที่ไว้วางใจให้ กาเซมีโร่ ลงเล่นในหน้าที่ของมิดฟิลด์ตัวรับ คอยทำงานหนักในแดนกลางในด้านการสร้างสมดุล เพราะเรอัล มาดริด เป็นทีมที่มีฟูลแบ็คสองข้างเน้นขึ้นเกมรุก ฉะนั้น กาเซมีโร่ จึงต้องคอยดูแลอุดช่องว่าง ที่เกิดขึ้นเวลาโดนสวนกลับ ซึ่งเจาตัวก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างมาก แม้จะไม่ใช่ผู้เล่นที่อุดมไปด้วยเทคนิคอย่างที่นักฟุตบอลบราซิลส่วนใหญ่มี ทว่าสิ่งที่ กาเซมีดร่ มีมาทดแทนคือความชาญฉลาดในการเล่นและการยืนตำแหน่ง รวมไปถึงร่างกายที่แข็งแกร่งและคล่องตัว ทำให้เขามักจะเข้าปะทะแย่งบอลชนะคู่ต่อสู้อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีปฎิกิริยาที่ว่องไว ตอบสนองกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสนาม จุดเด่นส่วนนี้ทำให้ กาเซมีโร่ เปรียบเสมือนปราการด่านหน้าที่คอยชนกับคู่แข่งขันในชั้นแรกก่อนที่จะหลุดไปถึงแนวรับของทีม ปัจจุบันในวัย 28 ปี กาเซมีโร่ ลงเล่นใน ลา ลีกา สเปน ซีซั่นนี้ไปแล้ว 25 นัด มีค่าเฉลี่ยการตัดบอลอยู่ที่ 2.1 ครั้งต่อเกม การเข้าปะทะอยู่ที่ 3.3 ครั้งต่อเกม และการผ่านบอลสำเร็จอยู่ที่ 83.8% และที่เด่นมากที่สุดก็คือค่าเฉลี่ยการดวลชนะคู่แข่งในพื้นที่แดนกลางที่เขาทำไว้เฉลี่ย 3.3 ครั้งต่อเกม บ่งบอกชัดเจนว่าระดับความสำคัญของเขาในทีมเรอัล มาดริด ชุดปัจจุบันมีมากแค่ใหนและจากผู้เล่นที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ จะสังเกตุได้ว่า กาเซมีโร่ ถือเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่แทบจะถอดแบบมาจากโคล้ด มาเกเลเล่ ต้นฉบับของผู้เล่นตำแหน่งนี้มากที่สุด นั่นคือการตัดบอลและจ่ายบอลคืองานหลักที่เขารับผิดชอบได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ใช่ลูกผสมที่ต้องขึ้นเกมรุกเหมือนอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ตต์ หรือ แฟร์นานดินโญ่ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือของแอตเลติโก มาดริด เคยกล่าวยกย่องกาเซมีโร่เอาไว้ว่า เป็นผู้เล่นคนสำคัญที่สร้างสมดุลให้ทีมเรอัล มาดริด และเป็นคนสำคัญที่ราชันชุดขาวจะขาดไม่ได้เลย
5.เฟรงกี้ เดอ ยอง
คนสุดท้ายคือดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการลูกหนังฮอลแลนด์ นามว่า เฟรงกี้ เดอ ยอง ที่ปัจจุบันอายุเพียง 22 ปี และเพิ่งย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลน่า เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน ในกรณีของเฟรงกี้ เดอ ยอง จะแตกต่างจะมิดฟิลด์ตัวรับในนิยามที่เรารู้จักกัน เพราะพื้นฐานของเขา จะออกไปในแนวทางของ โฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ที่กำหนดจังหวะเกมของทีม ในรูปแบบเดียวกันกับผู้เล่นอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อีเนียสต้า มากกว่า แต่เขาก็ถือเป็นมิดฟิลด์ประเภทเอนกประสงค์คนหนึ่ง ที่สามารถรับบทบาทได้ทั้ง Defensive Midfield , Holding Midfield , Central Midfield และ Box to Box Midfield แถมบางทียังถูกถอยไปเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้อีกด้วย เหมือนที่เคยทำให้เห็นสมัยเล่นคู่กับ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ตอนอยู่อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม จุดเด่นของ เฟรงกี้ เดอ ยอง คือการครองบอลและการเลี้ยงบอล รวมไปจนถึงวิสัยทัศน์การผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม สามารถจ่ายบอลคีย์พาสสำคัญๆจากแนวลึกขึ้นหน้าสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ดี โดยมีตัวเลขสถิติการผ่านบอลสำเร็จในซีซั่นนี้ สูงถึง 92% เป็นเครื่องยืนยัน ขณะที่หน้าที่หลักอย่างการแย่งบอล เขาก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้จะมีรูปร่างเล็กบอบบาง สูง 180 เซนติเมตร แต่ก็ยังสามารถสกัดบอลสำคัญได้เฉลี่ยต่อเกมอยู่ที่ 1 ครั้ง และเข้าปะทะ 1.4 ครั้งต่อเกม แม้จะยังไม่โดดเด่นมากสักเท่าไรก็จริง แต่ด้วยวัยเพียง 22 ปี ยังมีเวลาและโอกาสในการพัฒนาตัวเองอีกมาก แถมเขาเองยังจัดอยู่ในประเภท ผู้เล่นสไตล์พิมพ์นิยมของบาร์เซโลน่า มีดีเอ็นเอบาร์เซโลน่าครบถ้วน เหมือน ชาบี และ อันเดรส อีเนียสต้า จึงเชื่อได้ว่าอนาคตของเขาในถิ่นคัมป์ นู น่าจะสดใส และในอนาคต จะสามารถก้าวขึ้นมายืนรันวงการ ในการเป็นโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ตัวท้อปของโลกได้ไม่ยาก เหมือนเช่นที่ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส อดีตตำนานนักเตะชาวดัทช์ และเป็นสปอร์ต ไดเรคเตอร์ ของ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้เคยชื่นชม เขาไว้ว่า ด้วยทักษะและทัศนคติของเดอ ยอง จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็น ชาบี หรือ อันเดรส อีเนียสต้า ได้แน่นอน
จะเห็นได้ว่านับจากจุดเริ่มต้นที่วงการฟุตบอลรู้จักกับมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง โคล้ด มาเกเลเล่ ไล่เรียงมาจนถึงปัจจุบัน ตำแหน่งการเล่นนี้ได้วิวัฒนาการไปมาก เพราะปัจจุบันมิดฟิลด์ตัวรับ ไม่ได้มีหน้าที่แค่การสดัดกั้นเกมรุกคู่แข่งเพียงอย่างเดียว
แต่ยังต้องมีทักษะ มีสกิลเพลย์ในการเล่นที่รอบด้านมากขึ้นด้วย
ส่วนหนึ่งเพราะวิถีฟุตบอลยุคใหม่ มักมอบบทบาทการขึ้นเกมให้กับผู้เล่น
ที่เล่นในแนวลึกมากขึ้น เป็นผลให้ผู้เล่นโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ ยุคปัจจุบัน ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิม
ถือเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญและเป็นหัวใจของทีมฟุตบอลอย่างแท้จริง
โฆษณา