25 มี.ค. 2020 เวลา 17:18 • กีฬา
“การเล่นฟุตบอลคือเรื่องที่ง่าย แต่การเล่นฟุตบอลให้ง่าย นั้นคือสิ่งที่ยากที่สุด”
วาทะตลอดกาล ของชายผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็น เทวดาลูกหนัง แห่งวงการฟุตบอล ‘โยฮัน ครัฟฟ์’
‘การเล่นฟุตบอลให้ง่าย’ ประโยคที่ฟังดูเหมือนจะทำได้ง่ายๆ แต่สำหรับผมแล้ว ไอการเล่นให้ง่ายนี้แหละ เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด
1
ซึ่งการเล่นฟุตบอลให้ง่าย อย่างที่ ครัฟฟ์ ได้บอก
มันเป็นเพียงคำจำกัดความของ ศาสตร์ลูกหนังชนิดหนึ่ง
ที่เราเรียกกันว่า ‘Total Football’ (โททัลฟุตบอล)
โททัล ฟุตบอล คือ ศาสตร์ฟุตบอลชั้นสูง ที่ต้องใช้ความเข้าใจเกมและทีมเวิร์คภายในทีม ในอัตราที่ค่อนข้างสูง
เพราะผู้เล่นทุกคน สามารถทดแทนกันได้หมด ไม่มีใครที่มีตำแหน่งตายตัว ใช้ระบบหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
จุดเด่นของ โททัล ฟุตบอล คือการสร้างพื้นที่ภายในสนาม และการครองบอลโดยที่ไม่เสียไปง่ายๆ
แล้วอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนการนี้? ทุกคนอาจคิดว่า ต้องเป็นนักเตะที่ครอบครองบอลอยู่สิ เพราะห้ามเสียฟุตบอลไปง่ายๆไม่ใช่หรือ
ใช่ครับ ผู้เช่นที่ครอบครองบอล นั้นย่อมสำคัญ แต่มันยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นหัวใจของศาสตร์ฟุตบอลชนิดนี้ อย่างที่สุด
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘ผู้เล่นที่ไม่มีบอล’ ทั้ง 10 คน นั้นแหละครับ(รวมผู้รักษาประตูด้วย) ว่าจะเคลื่อนที่อย่างไรยามที่ไม่มีบอล จะหาสเปซหรือตำแหน่งที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้ได้อย่างไร
ขอยกตัวอย่างอีกหนึ่งคำพูดของ ครัฟฟ์ ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
“ใน 1 เกมฟุตบอล ผู้เล่นแต่ละคนจะครองบอลโดยเฉลี่ย 3 นาที เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘คุณจะทำอะไรใน 87 นาทีที่คุณไม่มีบอล’ นี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าคุณเป็นผู้เล่นที่เก่งหรือไม่”
หรือแม้กระทั่งยามมีบอลอยู่กับเท้า ผู้เล่นคนนั้นต้องใช้เวลาอยู่กับบอลให้น้อยที่สุด เพื่อจะลดโอกาสเสี่ยงในการเสียการครอบครองบอล
ฉะนั้นการออกบอลไว และในขณะเดียวกัน ต้องเคลื่อนที่โดยทันที ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน หรือศัพท์ในวงการฟุตบอลเรียกมันว่า ‘ให้แล้วไป’ นั้นแหละครับ (ซึ่งการออกบอลในแต่ละครั้งต้องใช้ความแม่นยำด้วยเช่นกัน)
แล้วศาสตร์ฟุตบอลที่ว่ามานี้ ใครเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมากันหละ?
โททัล ฟุตบอล นั้น ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยสุดยอดปรมาจารย์กุนซือ อย่าง ‘ไรนุส มิเชลล์’ เจ้าของฉายา “ท่านนายพล”
ไรนุส มิเชลล์ เป็นกุนซือจากแดน กังหันลม ประเทศเนเธอร์แลนด์ หากหมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไปสักช่วงทศวรรษที่ 1970 แฟนฟุตบอลทั่วโลก คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก กุนซือชาวดัตช์ ผู้นี้เป็นแน่
1
แฟนฟุตบอลในยุคนี้ อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกุนซือท่านนี้มากนัก หรืออาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้ว แต่ ไรนุส มิเชลล์ นี้แหละ ที่ถูกหลายสื่อทั่วโลกให้การยอมรับ
ว่าเขานั้นเป็น ‘ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุด เท่าที่โลกนี้เคยมีมา’
ในหลายๆครั้งที่สื่อตั้งโพลล์สอบถาม แฟนบอล,นักเตะ,ผู้จัดการทีม ที่ได้สัมผัสและเคยผ่านช่วงเวลาเดียวกันกับ มิเชลล์ มา ชื่อของเขาจะจัดอยู่ในอันดับ 1 ไม่ก็ 2 เสมอ (ชื่อของอีกคนที่ถูกยกขึ้นมาก็คือ ตำนานกุนซือแห่งทัพปีศาจแดง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นเอง)
กลับมาที่เรื่อง โททัล ฟุตบอล
ไรนุส มิเชลล์ ใช้ โททัล ฟุตบอล พา อาแจ็กซ์ ทีมธรรมดาๆ(ในเวลานั้น) กลายเป็นแชมป์ยุโรป 3 สมัยซ้อน (ในปี 1971-73)
นอกจากนี้ เขายังพาอาแจ็กซ์ สร้างสถิติขั้นสุดยอด
ด้วยการชนะรวดในบ้าน 46 เกม ติดต่อกัน(ในลีก)
กินเวลากว่า 2 ฤดูกาลเต็ม โดยที่ไม่ปราชัยให้ทีมใดเลย แถมยังไม่เสมอทีมใดอีกด้วย (ชนะ46,เสมอ0,แพ้0)
แน่นอนว่า ไรนุส มิเชลล์ คือกุนซือที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในเวลานั้น แต่เขาไม่สามารถทำมันได้เลย หากเขาไม่มีนักรบที่เก่งกาจ และเพรียบพร้อมไปด้วยความปราดเปรื่อง อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์
ครัฟฟ์ คือผู้เล่นคนสำคัญของยอดกุนซือผู้นี้อย่างแท้จริง เขาสามารถทำตามใบสั่ง ที่ได้มาอย่างเบ็ดเสร็จ เขาเป็นดั่งศูนย์กลางของทีม เนื่องจากเขามีความเข้าใจเกม เขาจึงสามารถสั่งการเพื่อนร่วมทีมได้อย่างดี
“ท่านนายพล” และ “นักเตะเทวดา” นอกจากจะพา อาแจ็กซ์ ประสบความสำเร็จได้แล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขายังนำศาสตร์ โททัล ฟุตบอล ไปถ่ายทอดให้ ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ ของพวกเขาได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง ที่ สเปน กับทีม บาร์เซโลนา และยังสามารถพา เจ้าบุญทุ่ม ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ลาลิก้า มาครองได้สำเร็จ (ปี 1973-74) จนกระทั่ง ไรนุส มิเชลล์ จะโรยราและวางมือจากตำแหน่งผู้จัดการทีมไป
หลงเหลือไว้เพียง ศิษย์เอก ผู้ซึมซับวิชา โททัล ฟุตบอล ไปอย่างมหาศาล อย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และเจ้าตัวยังยึดมั่นกับศาสตร์นี้มาโดยตลอด
จนกระทั่ง ครัฟฟ์ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในวัย 36 ปี (ปี 1977) กับสโมสร เฟเยอร์นูด ฝากผลงานประดับวงการฟุตบอลไว้มากมายในฐานะนักเตะ
ก่อนที่ 8 ปีหลังจากนั้น (ปี 1985) เจ้าตัวจะหวนกลับวงการฟุตบอลอีกครั้ง ในฐานะผู้จัดการทีมของสโมสรผู้ ปลุกปั้นเขาขึ้นมาอย่าง อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม
ครัฟฟ์ พยายามวางรากฐาน ในการเน้นไปที่ด้านเยาวชน ขณะที่ทีมชุดใหญ่ เขาก็นำระบบ โททัล ฟุตบอล มาใช้ แต่มันยังไม่มีความชัดเจนมากนัก
ในด้านความสำเร็จ เขาสามารถพาอาแจ็กซ์ ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยมาครองถึง 3 โทรฟรี่
บอลดัตช์คัพ 2 สมัย , คัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย
เขาอยู่กับ อาแจ็กซ์ ได้ 3 ฤดูกาล (1985-1988)
ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายกลับไป บาร์เซโลนา อีกครั้ง
และนี้แหละ คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จที่ชื่อ “โททัล ฟุตบอล”
ต้องท้าวความก่อนว่า บาร์เซโลนา ในช่วงเวลาก่อนที่ ครัฟฟ์ จะเข้าไปรับตำแหน่งกุนซือ บาร์ซ่าเป็นทีมที่ห่างหายจากความสำเร็จไปนาน ซึ่งในยุคนั้นทีมที่ครองสเปน ส่วนใหญ่จะเป็น 2 ทีมคู่อริร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด เสียมากกว่า
หลังจาก ครัฟฟ์ ได้หวนกลับมาสู่สโมสร เขาได้เริ่มวางระบบรากฐานใหม่ โดยการเน้นและให้ความสำคัญไปที่ระบบเยาวชน เชกเช่นตอนที่เขาเคยทำกับอาแจกซ์
เขาปลูกฝังระบบ โททัล ฟุตบอล และ ทัศนคติ ไปสู่นักเตะทุกชุดของสโมสร ไล่มาตั้งแต่ทีมระดับเยาวชน จนถึงชุดใหญ่
ครัฟฟ์ ทำให้บาร์ซ่า เริ่มมีแนวทางการทำทีมที่ชัดเจนขึ้น หลังจากก่อนหน้านั้นทีมแทบจะไม่มีอัตลักษณ์ หรือ แนวทางใดๆที่มันชัดเจน และน่าดึงดูดสายตาแฟนบอลเลย
เพียงฤดูกาลแรก เขาโละนักเตะออกไปถึง 15 คน ซึ่งทั้ง 15 คนนี้ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่เหมาะกับแนวทางการทำทีมที่เขากำลังจะสร้างมันขึ้นมา
แต่ย่อมมีการขายออก ก็ต้องมีการเซ็นเข้ามาทดแทน เขาตัดสินใจซื้อนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทัพ 12 คน ซึ่งเขามองว่า เหล่าผู้เล่นเซ็ตนี้ จะสามารถไปกับระบบของเขาได้ อย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่การผลักดันเยาวชน,การวางรากฐาน,การสร้างระบบทีมขึ้นมาใหม่ เพียงเท่านั้นที่ครัฟฟ์ ทำ
สิ่งหนึ่งที่ ครัฟฟ์ สามารถมัดใจชาว ‘คาตาโลเนีย’ (แคว้นๆหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งพยายามจะแยกตัวออกจากสเปน เนื่องจากถูกรัฐบาลสเปนกดขี่รีดไถมาโดยตลอด) ได้ก็คือ เขามีหัวใจแห่ง คาตาลัน อย่างแท้จริง ถึงแม้เขาจะเป็นชาว เนเธอร์แลนด์ ก็ตาม
เขาอยากจะผลักดัน บาร์เซโลนา ซึ่งเป็นทีมตัวแทนแห่งแคว้น คาตาลัน ล้มทีมอย่าง เรอัล มาดริด ให้จงได้ (เรอัล มาดริด เปรียบดั่งตัวแทนของฝั่งสเปน)
ขอพักเรื่องการเมืองไว้เท่านี้ และย้อนกลับมาสู่เรื่อง ฟุตบอล
สิ่งหนึ่งที่ ครัฟฟ์ ยึดมั่นเสมอมา นั้นก็คือ ‘การเล่นฟุตบอลที่สวยงาม จะนำมาซึ่งชัยชนะ’ เขาค่อยๆถ่ายทอดแนวทางการทำทีมแบบนี้ ให้ซึมซับสู่สโมสรและแฟนบอล จนสามารถเรียกสิ่งนี้ได้ว่า “อัตลักษณ์”
เขาใช้เวลาในการปรับจูนทีม ให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของระบบ โททัล ฟุตบอล เป็นเวลา 3 ฤดูกาล
และเมื่อถึงเวลาที่ทีมลงตัว ครัฟฟ์ ทำให้บาร์ซ่า เป็นทีมที่ไม่มีทีมใดในสเปนหยุดได้แล้ว
บาร์ซ่า ภายใต้การทำทีมของ ครัฟฟ์ ในปีที่ 3 ของเขา (1990-91) มาด้วยระบบทีมที่เล่นเกมบุกอย่างมีประสิทธิภาพ รูปเกมสง่างาม ตามแบบฉบับ โททัล ฟุตบอล
ครัฟฟ์ พาทีม กวาดแชมป์ลีก 4 สมัยซ้อน พร้อมกับ แชมป์ยูโรเปี้ยนส์ คัพ ครั้งแรกของสโมสรได้อีกด้วย
ภายใต้เหล่าขุนศึกใต้หล้า ที่เขาตั้งใจ’เคี่ยว’ขึ้นมา
นำทัพโดย โรนัน คูมัน,ไมเคิล เลาดรู๊ป,สตอยช์คอฟ,โรมาริโอ พร้อมกับ ศิษย์เอกอย่าง ‘เป๊ป กวาดิโอล่า’
สื่อ ต่างขนานนาม บาร์เซโลนา ในยุคนั้นว่า ชุด “ดรีมทีม” ซึ่งกล่าวขานกันมาถึงปัจจุบันนี้
และเส้นทางระหว่าง ครัฟฟ์ และ บาร์เซโลนา ก็ได้สิ้นสุดลง ในปี 1996
ครัฟฟ์ ตัดสินใจแยกทางกับ บาร์เซโลนา เนื่องจากปัญหาภายในสโมสรฯ
แต่จากความสำเร็จในตอนนั้น ครัฟฟ์ ทำให้ บาร์เซโลนา ได้มีแนวทาง และ อัตลักษณ์ การทำทีมอย่างชัดเจน และโดดเด่น มาจนถึงปัจจุบัน
เขาแสดงให้เห็นแล้วว่า ‘เกมฟุตบอลที่สวยงาม มีความสำคัญ กว่าชัยชนะ’ ถ้าการคว้าแชมป์มาในแบบฉบับฟุตบอลที่ไร้สไตล์ กระหายเพียงชัยชนะ ไม่สนรูปแบบของเกม เขายอมที่จะละแชมป์เอาไว้ตรงนั้นเสียดีกว่า
เพราะสิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งใด ของ ครัฟฟ์ และ บาร์เซโลนา คือการแสดง อัตลักษณ์ และ ฟุตบอลที่สวยงามออกมา ต่างหาก
“ การเล่นอย่างชาญฉลาด ภายใต้การเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยสไตล์ฟุตบอลที่อย่างงดงาม นั้นแหละครับ คือสิ่งที่เรียกว่า ‘โททัล ฟุตบอล’ ”
สุดท้ายนี้ นักอ่านทุกท่านเริ่มเข้าใจคำว่า “เล่นฟุตบอลให้ง่าย” ตามแบบฉบับ โยฮัน ครัฟฟ์ ขึ้นมาบ้างหรือยังครับ ?
ใช่ครับมันเหมือนจะดูง่าย แต่สำหรับผมแล้วนั้น ใดๆในโลกนี้ มักมีส่วนที่ยาก ซ่อนอยู่เสมอ
แต่ไม่ว่ามันจะยากหรือว่าง่าย ถ้าเรารักมัน และ มีความแน่วแน่ในเส้นทางนั้น ไม่ว่าจะเรื่องใด สักวันหนึ่งมันต้องส่งผลดีกลับมาสู่เราอย่างแน่นอนครับ🙂
"ฟุตบอลที่เรียบง่ายที่สุด คือ ฟุตบอลที่งดงามที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่สุด ในการจะเล่นฟุตบอลที่เรียบง่ายที่สุด"
— Johan Cruyff.
ภูพาน.
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ🙏🏻
โฆษณา