25 มี.ค. 2020 เวลา 04:49 • ปรัชญา
💌 จดหมายถึง “นางฟ้าสายแกร่งทุกสายการบิน” ✈️
สวัสดีค่ะ ปฐมฤกษ์เปิดบล๊อก! ✨👏🏼
เปิดตัวบทความแรกในบล๊อกใหม่เลยแล้วกัน ด้วยการให้กำลังใจลูกเรือทั่วโลก อันที่จริงแล้วบทความนี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นบทความจากลูกเรือชาวฟิลลิปปินส์คนหนึ่ง 🇵🇭 ได้เขียนไว้ และถูกแชร์ไปมากมายในกลุ่มลูกเรือ แต่เราได้ขออนุญาตแปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้อ่านง่าย และเป็นกำลังใจให้กับลูกเรือไทยที่ประสบวิกฤต “พักบิน หยุดงาน” จากพิษ COVID-19 ด้วยค่ะ ☺️💕🇹🇭
แด่… ลูกเรือผู้แขวนปีกชั่วคราว และลูกเรือที่ให้บริการบนไฟลท์บินช่วงโรค COVID-19 ระบาดทุกท่าน ✈️😢
Credit : Pinterest
เมื่อตอนที่ฉันนั้น ยังอยู่ในมหาลัยฯ ทุกครั้งที่มีประกาศรับสมัครลูกเรือสายการบินต่างๆเข้ามา เพื่อนของฉันมักจะถือหนังสือพิมพ์เข้ามาด้วยความตื่นเต้น และพร้อมพูดโน้มน้าวให้ฉันนึกฝันว่า
สักวันหนึ่งเราจะได้ไปถ่ายรูปที่หอไอเฟลด้วยตาเปล่า 🗼ได้ไปโยนเหรียญขอพรที่น้ำพุเทรวี่ในอิตาลี่ ⛲️ร้องเพลง “New York newyork” ในสี่แยกไทม์สแควร์ 🗽และได้สัมผัสกำแพงของปราสาททัชมาฮาลในอินเดียด้วยมือของเราเอง 🕌
ตอนนั้นพวกเราอายุเพียง 19 ปี และยังอยู่ในประเทศฟิลลิปปินส์เท่านั้น ยังไม่เคยได้ออกไปพบเจอโลกกว้างที่ไหนเลย แต่ทว่า…ความพยายามของเพื่อนของฉันก็ได้หยุดลง เธอไม่ได้เป็นลูกเรือตามที่ฝันไว้ 😢 มีเพียงแค่ฉันที่ยังลุยต่อ…
ในปี 2003 ฉันได้ถูกเลือกให้เป็นผู้ถูกคัดเลือก 1 ใน 82 คนจากการรับสมัครลูกเรือของสายการบินแห่งหนึ่ง ท่ามกลางผู้สมัครหลักพันคน! ในช่วงที่ฉันได้งานลูกเรือ คือช่วงที่ประเทศอิรักและประเทศสหรัฐอเมริกากำลังก่อสงครามกันอย่างรุนแรง ทั้งข่าวระเบิดสนามบิน ระเบิดเครื่องบิน และอีกมากมาย
ฉันต้องบินจากบ้านไปเป็นเวลานาน 10 กว่าชั่วโมง ไปที่ประเทศหนึ่งแถบตะวันออกกลาง เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมการเป็นลูกเรือ ฉันได้เรียนเกี่ยวกับการกู้ชีวิตแบบ CPR การเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดไปบริเวณที่ให้มีการเสียหายน้อยที่สุดภายในเครื่องบิน (LRBL) ไปจนถึงเลือกว่ารองพื้นเฉดใดเหมาะกับสีผิวของฉัน และแน่นอน การเสริฟชา กาแฟบนเครื่องบิน 😂☕️
Credit : Pinterest
สิ้นสุด 2 เดือนเต็มของการฝึกฝนเตรียมพร้อมการเป็นลูกเรืออย่างเต็มตัว ฉันรู้สึกได้เลยว่า ฉันสามารถบอกทุกคนถึงความแตกต่างระหว่าง อาการของผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว หรือ ผู้ป่วยที่มีอาการกรดไหลย้อน เพื่อที่จะได้ปฐมพยาบาลได้อย่างถูกต้องตามอาการ จนถึงกระทั่งการดับเพลิงและทำคลอด! 🤱🏻 ฉันมั่นใจได้ว่า ฉันสามารถอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินในเหตุฉุกเฉินได้ภายในเวลา 90 วินาที!
1
ในช่วงของการฝึกฝน พวกเราต้องแสดงบทบาทสมมติในเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆบนเครื่องบิน ทั้งทำเสียงกรีดร้อง และทำท่าทางว่าประตูเครื่องบินหนักมาก เปิดจนแทบไม่ออก 😂 ยังไม่พอ พวกเรายังต้องสวมบทบาทเป็นผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาจี้เครื่องบิน และการเอาตัวรอดในสภาพภูมิอากาศเลวร้าย ที่อาจจะเกิดจากเครื่องบินตกทั้งบนพื้นและในน้ำ
จุดที่ยากที่สุดของฉันน่าจะเป็นการจำว่าอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้ในเหตุการณ์ต่างๆอยู่ตรงไหน และมีกี่ชิ้น ซึ่งมันเยอะมากจนจำแทบไม่หมด แถมบางครั้งยังสลับกันไปมาอีก 🤪
แต่ท้ายที่สุด…ฉันก็สอบผ่าน และได้ติดปีกในที่สุด 😊✈️
และแน่นอน! ฉันบินไปรอบโลก! แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเคยบอกฉันมาก่อนเลยว่า สุดท้ายแล้วเธอก็จะเลือกแค่ นอนในห้องและสั่งอาหารจาก Room Service มาทานในห้องพักแทน เพราะเหนื่อยจากร่างที่หมดแรงจากการทำงานมาตลอดทั้งไฟลท์ ไม่มีใครเคยบอกฉันเลยว่าการทำไฟลท์เจดด้า (Jeddah) ไปแมนเชสเตอร์ (Manchester) จะเหนื่อยจนแทบขาดใจ
ไม่มีใครเคยบอกฉันมาก่อนเลยว่า การบินข้ามผ่านโซนแอตแลนติก (Transatlantic) จะทำให้ฉันหมดเรี่ยวแรงติดต่อไปอีกหลายวัน วันไหนที่หยุดพักก็มีเพียงแค่นอนพักโดยที่ไม่ทำอะไรเลย แถมระบบฮอร์โมนในร่างกายของฉันยังสับสนไปหมดอีก 😵
Credit : Pinterest
ไม่เคยมีใครบอกฉันว่า ฉันจะต้องพลาดวันคริสมาสต์กับครอบครัว วันเกิดของฉันเอง หรือแม้กระทั่งวันแต่งงานของน้องชายแท้ๆของฉัน ฉันจะอยู่ที่ไหนละ? ก็อยู่ที่เหนือระดับน้ำทะเล 35,000 ฟุตไง และยังถูกตัดออกจากโลกภายนอกอีก จนถึงขั้นที่ฉันต้องพลาดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องเสียใจไปตลอดชีวิตคือ วันที่หลายๆคนที่ฉันรักต้องจากไปโดยที่ฉันไม่มีโอกาสแม้ได้เจอหน้า ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงของฉัน แมวที่รัก และสุดท้าย พ่อของฉันเอง…😢
ไม่มีใครเคยบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ และฉันยังคนทำหน้าที่ติดปีกบนฟ้าต่อไป…
Credit : Pinterest
นอกจากความเศร้าที่ฉันพลาดเหตุการณ์บางอย่างไป ข้อดีของการมีปีกนางฟ้าก็ทำให้ฉันได้พักโรงแรมหรูในแต่ละที่ทั่วโลก ให้รายได้มากมาย ฉันมีโอกาสได้ซื้อนาฬิกาหรูอย่างโรเล็กซ์ กระเป๋าแบรนด์เนมแพงๆ และยังสามารถดูแลส่งเสียค่าเล่าเรียนให้น้องชาย น้องสาวของฉันได้อีกด้วย การที่เดินทางไปมา ฉันยังได้พบเพื่อนที่อยู่อาศัยไกลออกไปจากบ้านเกิดของฉัน ถึงที่ LA ถึงเป็นเพียงแค่คืนสั้นๆ ในช่วงระหว่างพักบิน แต่ก็ทำให้ฉันได้พบเจอเพื่อนรักที่คิดว่าแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอกันตอนที่เรายังเด็ก เพราะเราอยู่ไกลกันเหลือเกิน
ปีกนางฟ้าคู่นี้มีพลังพิเศษนะ! การเป็นลูกเรือจะมีคำพูดเฉพาะตัวเช่น เราจะไม่พูดว่า “ฉันบินไปมัลดีฟต์” เราจะพูดว่า “ฉันมีมัลดีฟต์” หรือ “ฉันมีมิลาน มีใครอยากได้แฟรงเฟิร์ตบ้าง มาแลกกันมา” 😂 มันเหมือนกับเราเป็นเจ้าของโลกใบนี้เลยนะ 🤪🗺
เรามีพฤติกรรมแปลกๆที่ไม่คิดว่าผู้โดยสารจะเข้าใจสิ่งที่เราทำ เราสามารถทานซุปในถ้วยกาแฟกระดาษได้ เราใช้การนับเวลาแบบทหาร เราสามารถทานข้าวให้เสร็จได้ภายใน 30 วินาที ด้วยการยืนนะ! เราไม่ชอบเวลามีผู้โดยสารยืนก่อนที่สัญญาณรัดเข็มขัดจะดับลง จะรีบกันไปไหน! 🤨 แต่เราชอบเวลาที่ผู้โดยสารขอบคุณพวกเรา ☺️💕 คำว่า Aircraft คือศัพท์ของลูกเรือ ส่วนคำว่า Airplane คือคำศัพท์ของผู้โดยสาร 😏✈️
อีกอย่างที่แน่นอนเลยคือ เราจะจำแค่วันนี้วันที่เท่าไร แต่เราจำไม่ได้ว่าวันนี้วันอะไร เราจำได้ว่ามีซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งไหนที่ใกล้กับโรงแรมที่สุด เราจำชื่อของกันและกันไม่ค่อยได้ แต่เราจะจำแค่ เพื่อนร่วมงานของเราทำงานในตำแหน่งไหน ซึ่งเราจะเรียกเป็นชื่อประตูเช่น L2 girl หรือ R5 boy 😂
เรามักจะสะดุ้งตื่นมากลางดึก แล้วมานั่งนึกว่าตอนนี้เรานอนอยู่ที่ไหน มีหลายครั้งเราเจอสถานที่สวยๆ แต่เราไม่มีใครข้างๆให้มาแชร์ความรู้สึกตรงนั้นด้วย เราปะปนอยู่กับคุณทุกที่ แต่หลายๆครั้ง เราก็เดินชมเมืองคนเดียว… 😔
Credit : Pinterest
ในตลอด 17 ปีของการบิน ปีกนางฟ้าที่แข็งแกร่งของฉันผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญ เฉียดตายมามากมาย ทั้งตอนที่มีสงครามระเบิดขีปนาวุธยิงผ่านข้ามท้องฟ้าตะวันออกกลางช่วงเหตุการณ์พิพาทระหว่าง กลุ่มอัลไกดะ (Al Qaeda) กลุ่มตะลีบัน (Taliban) และกลุ่มไอซิส (ISIS) และยังผ่านเหตุการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู โรคซาร์ (SARS) อีโบล่า (Ebola) และเมอส์ (MERS) โดยปราศจากหน้ากากป้องกัน ถุงมือ มีเพียงแค่รอยยิ้มในการบริการให้กับผู้โดยสารทุกคนเท่านั้น…
Credit : Pinterest
และตอนนี้ ปี 2020 กับโคโรน่าไวรัส (COVID-19) ทุกแห่งประกาศปิดประเทศ วางแผนป้องกั้นการระบาด กักกันผู้ป่วย ทุกอย่างหยุดลง แต่โลกการบินของฉันสั่นคลอน…
สายการบินทั่วโลกต้องสูญเสียผลประกอบการถึง 113 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ (อ้างอิงข้อมูลจาก IATA)
ลูกเรือจำนวนมากจากสายการบินทั่วทุกมุมโลกต้องถูกพักงาน จำนวนเกือบพันคนต้องถูกสั่งให้ออก และที่เหลือที่ยังไม่รู้ว่าชะตากรรมในสายงานอาชีพนี้จะเป็นเช่นไรต่อไป… 😔
ฉันรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันยากเหลือเกิน ฉันก็รู้สึกไม่ต่างไปจากพวกคุณ มันไม่ใช่แค่คุณเสียอาชีพไป แต่มันคือการเสียแรงใจ ความเสียสละที่คุณทุ่มเทลงไปในระหว่างที่คุณดูแลผู้โดยสารบนเครื่องบิน แต่ได้โปรด…จงอย่าลืมว่า ครั้งหนึ่งคุณคือนางฟ้าที่มีปีก และมันคือปีกของคุณตลอดไป ไม่มีไวรัสชนิดไหนจะมาพรากมันออกไปได้ จงจำวันที่คุณคือผู้ที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ คุณใช้แรงมากกว่าอาชีพไหนๆ คุณใส่ส้นสูงออกไปดูแลผู้โดยสารในเที่ยวบิน ทั้งๆที่รองเท้าส้นสูงทำให้คุณมีเท้าเป็นแผลมากมาย แต่คุณก็อดทน และทำงานด้วยรอยยิ้ม หรือในวันที่คุณป่วย คุณหิว คุณก็ฝืนแรงเพื่อไม่ให้เป็นภาระให้กับเพื่อนร่วมงานในไฟลท์
คุณถูกฝึกให้เป็น “ผู้รอดชีวิต” ในทุกสถานการณ์ และคุณต้องรอดเท่านั้น แล้วจะมีอะไรที่คุณทำไม่ได้อีกหรือ? แม้กระทั่งวันที่จิตใจคุณแตกสลายเป็นเสี่ยงๆจากเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตคุณ คุณก็ยังฝืนไปบินด้วยรอยยิ้มมาแล้วเลย 🙂
“But those who hope in the Lord will renew their strength.
They will soar on wings like eagles;
They will run and not grow weary,
They will walk and not be faint.”
Isaiah 40:31
“แอร์พิมขอเป็นกำลังใจให้กับนางฟ้าผู้อดทนทุกคน และเราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ 💕✈️”
Until we meet again ☺️✈️
Credit : IG :tada_crew
Sources :
- Mr. Leigh Palmeiro , Cabin Crew
- IATA ; Recent data update $252 billion estimated impact on 2020 passenger revenue (25 Mar 2020)
โฆษณา