25 มี.ค. 2020 เวลา 06:58 • ธุรกิจ
[บทที่1] 5 ปี ของการรอคอย
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ตัวผมยังเป็นแค่นักศึกษาหนุ่มอายุ20 ผู้ซึ่งขี้เกียจเรียนหนังสือแต่ดันอยากจะรวย เพื่อที่จะไม่ต้องทำงานไปจนแก่ อยากมี passive income ในชีวิตโดยที่ไม่ต้องลงแรงอะไร
ผมหาวิธีหลากหลายมากเพื่อจะได้ไม่ต้องขอเงินจากพ่อแม่ ทั้งการพยายามจะขายของออนไลน์ พวกสินค้าไอที เสื้อผ้า สุดท้ายก็ทนผ่านช่วงแรกไม่ไหวเพราะคิดว่าทำไปก็คงไม่มีทางรวย ผมเลยหันมามองการทำเงินอย่างอื่น ซึ่งค่อนข้างจะฉาบฉวย เอาเป็นว่าเรียกว่าการพนันดีกว่า นั่นก็คือการ 'แทงบอล' นั่นเอง แต่เผอิญว่าผมเป็นคนที่จะทำอะไรต้องมานั่งคำนวณว่าคุ้มมั้ย ระยะยาวเราจะชนะหรือเปล่า สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า 'ไม่มีทาง' เพราะในวงการพนันบอลเล่นให้ตายยังไงก็ยากที่จะชนะ เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่า 'ค่าน้ำ' อยู่ ซึ่งก็คือประมาณว่าค่าคอมในวงการหุ้นนั่นแหละครับ ทำให้ถ้าเราแทงถูก เราก็ได้ไม่เต็มอยู่ดี แต่ถ้าเสีย แน่นอนว่ามีร้อยหมดร้อยครับ
เมื่อวิเคราะห์ได้อย่างนั้นผมจึงตัดสินใจไม่ 'ลงทุน' กับการพนันบอล ที่ต้องใช้คำว่าลงทุน เพราะผมมีแนวคิดที่ว่าหากเรา 'เล่น' ยังไงก็ไม่มีทางชนะ แต่หากเราเปลี่ยนเป็น 'ลงทุน' เรายังอาจจะมีโอกาสได้กำไรบ้าง แต่ก็นั่นแหละครับยังไงมันก็คือการพนันเราไม่มีทางได้ผลตอบแทนถ้าเราแทงไม่ถูก
หลังจากหาความรู้อะไรหลายๆอย่าง จนได้มาเจอกับรุ่นพี่ในเอกที่เป็นคนสนใจเรื่องการลงทุน เธอเล่าให้ฟังว่า 'หุ้น' เป็นสิ่งที่น่าลงทุน ในตอนแรกผมคิดว่าหุ้นคือการพนัน เพราะเห็นมีแต่คนเสีย ไม่เห็นจะมีคนได้ ซึ่งรุ่นพี่ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าตลาดหุ้นเป็นยังไง ซึ่งมันได้เปลี่ยนความคิดผมจากคำว่า 'หุ้นคือการพนัน' เป็นคำว่า 'หุ้นคือการลงทุน'
พร้อมทั้งหนังสืออีกปึกนึงที่เธอเอามาให้ผมไปลองศึกษาดู
ผมได้ลองอ่านหนังสือหลายๆเล่นที่เธอให้มา แต่เล่มนึงที่ชอบเป็นพิเศษคือ 'ตีแตก' ของ ดร. นิเวศน์ ผู้ซึ่งเป็นไอดอลของใครหลายๆคนในวงการ VI (Value Investor) หนังสือของ ดร. สอนผมหลายๆเรื่องทั้งด้านการดูพื้นฐานหุ้นแต่ละตัว จิตวิทยาการลงทุน และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย
แต่ตอนนั้นก็ด้วยความที่เป็นแค่เด็กนักศึกษา ไม่มีเงินทุน ครั้นจะไปขอแม่ก็คงโดนตะเพิดกลับมาให้เรียนหนังสือไปเถอะแน่ๆ เลยได้แต่เก็บและรอคอยโอกาศยามตลาดหุ้นลงไปเรื่อยๆ
5 ปีผ่านไป ในปี2020 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดหุ้นลงมา และผันผวนสูงมาก คำว่า CB (Circuit Breaker) ดูเป็นเรื่องไม่เกินคาดหมายเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยปัจจัยกระทบต่างๆมากมาย ทั้งโคโรน่า วิกฤติเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงสงครามน้ำมัน เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน หรือถ้าลงทุนก็จะยังเต็มไปด้วยความกลัวทั้งตลาด
ส่วนตัวผมมองว่านี่คือโอกาศที่ตัวเองจะได้เป็นเจ้าของหุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวที่ผ่านการวิเคราะห์มา เลยได้เข้าไปช้อนไว้หลายๆตัว จากเงินเย็นที่ตัวเองมี ซึ่งถ้าถามว่ากลัวมั้ยในการลงทุนครั้งนี้ ก็ต้องขอตอบเลยว่า 'ไม่' ผมมองว่าการลงทุนมันไม่สำคัญที่ว่า 'คุณได้ซื้อหุ้นถูกตัวมั้ย' แต่มันคือคำว่า 'คุณได้ซื้อหุ้นดีตอนราคาถูกหรือเปล่า' และในตลาดตอนนี้มีของดีให้คุณได้เลือกหลายๆตัว จากราคาที่ไม่น่าจะได้เห็นหากอยู่ในภาวะปกติ แต่ตอนนี้มันมากองให้คุณเลือกข้างหน้่ากันแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะลงทุ่มหมดตัวไปเลยซะทีเดียว เพราะการลงทุนก็คือการลงทุน มันมีความเสี่ยงในตัวเองอยู่แล้ว ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือ 'วินัยทางการเงิน' ที่สำคัญมากกว่าที่จะทำให้คุณอยู่รอดได้ อย่าลืมที่จะ ใช้เงินเย็นมาลงทุน และคอยถามตัวเองว่าถ้าวันนึงเงินจำนวนนี้ติดลบหลายเปอร์เซน คุณยังจะ 'ทน' ถือไปได้หรือเปล่า หรือต้องใช้เงินตรงนี้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือต้องใช้เงินตรงนี้ก็แนะนำให้อย่าพึ่งลงทุนเลย ไม่นั้นวันนึงที่มันลบเยอะๆสุขภาพจิตคุณจะเสียไปเสียเปล่า ส่วนอีกข้อคือการแบ่งไม้การลงทุนออกเป็นรอบๆ เพราะอย่าลืมว่าลงไปแล้วอาจลงได้อีก ฉะนั้นอย่างืมที่จะกระจายความเสี่ยงโดยการแบ่งรอบกันนะครับ
2
ทั้งหมดที่กล่าวมานี่คือบทแรกของการลงทุนในหุ้นของผม ผมไม่ได้เก่งหรือเป็นสายวิเคราะห์อะไร แต่ที่เลือกมาเขียนบทความตรงนี้เพราะอยากจะมีแนวร่วมลงทุนที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน และแชร์ความคิดในการลงทุนเหมือนการเขียนไดอารี่ไปด้วย เพราะผมเชื่อว่า 'วิกฤติ' รอบนี้มันจะเป็น 'โอกาส' ให้เราได้กล้าเริ่มอะไรใหม่ๆให้กับตัวเอง ถึงจะล้มลงมาอย่างน้อยเราก็ยังได้ประสบการณ์เป็นสิ่งตอบแทน ยังไงก็จะพยายามเข้ามาอัปเดทความเคบื่อนไหวเรื่อยๆนะครับ สำหรับคนที่ชอบบทความนี้ก็รบกวนช่วยกดติดตามกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ :)
(source pic :moneytoknow)
โฆษณา