25 มี.ค. 2020 เวลา 12:56
วิธีการบริหารเงินง่ายๆด้วยระบบ 6 โหล
หลายครั้งที่เราได้รับเงินมาก็จะนำไปใช้จ่ายตามความจำเป็นหรือความฟุ่มเฟือย หรือแม้แต่การเก็บออม ซึ่งทุกอย่างที่เราทำไปนั้นมันเหมาะสมจริงหรือเปล่า?
การบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เรามองเห็นเป้าหมายและเส้นทางในการไปสู่เป้าหมายได้อย่างแท้จริง เพราะหากเรามัวแต่สนใจในเรื่องของการออมเงินจนไม่ได้มองถึงจุดอื่น ในที่สุดแล้วเงินที่เก็บออมไว้ก็ต้องถูกใช้จ่ายออกไปอยู่ดีเพราะการวางแผนที่ผิดพลาดของเราไม่ได้เตรียมเงินไว้จนทำให้ต้องหยิบเงินในส่วนอื่นมาใช้ วันนี้ผมจะพูดถึงวิธีการบริหารรายได้แบบง่าย ๆ ที่สามารถทำได้จริง แถมยังเป็นวิธีที่ช่วยบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเงินมากมาย วิธีนี้เรียกว่า
ระบบ 6 โหล (6 JARS)
โหลใบที่ 1 โหลเพื่อความจำเป็น (Necessity Account) ~ ประมาณ 40-55% ของรายได้
เงินในส่วนนี้ เป็นเงินที่จะถูกแบ่งไว้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติม เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ และหนี้สินต่าง ๆ โดยคิดเป็น 55% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญมากเพราะต้องแยกให้ออกถึงสิ่งที่จำเป็นเท่านั้นโดยเลือกให้เหมาะสมกับฐานะทางการเงินของเรา ณ ตอนนั้นเพื่อที่จะได้เหลือไว้สำหรับส่วนอื่นด้วย
โหลใบที่ 2 โหลเพื่อการลงทุนเพื่อการเกษียณ (Financial Freedom Account) ~ ประมาณ 10-20% ของรายได้
ในส่วนนี้เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางการเงินยามเกษียณ ซึ่งเป็นหากคนที่เริ่มเร็วจะเป็นการลงทุนระยะยาวทำให้สามารถรับความเสี่ยงได้มากหน่อย และอาจคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยได้ประมาณ 7-10 % ต่อปี เพื่อให้เติบโตในระยะยาว และควรปรับลดสินทรัพย์เสี่ยงลงเมื่อใกล้เกษียณ โดยอาจะลงทุนตามสินทรัพย์ที่เราถนัดเช่น หุ้นรายตัวหากมีความรู้และระยะเวลาในการลงทุนมากพอ หรืออสังหาริมทรัพย์ หรือ กองทุนรวมสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดเรื่องการลงทุนและอยากให้มีมืออาชีพคอยจัดการให้
โหลใบที่ 3 โหลเพื่อการลงทุนตามวัตถุประสงค์ต่างๆ (Long-Term Saving for Spending Account) ~ ประมาณ 10-15% ของรายได้
เงินส่วนนี้จะเป็นเงินที่เก็บในระยะยาวประมานหนึ่งไว้ใช้จ่ายสำหรับสิ่งหนึ่งที่เป็นของชิ้นใหญ่ที่สำคัญและมีราคาสูงพอสมควร เช่นการเก็บเงินดาวน์บ้าน หรือการศึกษาบุตร โดยการทยอยแบ่งเงินจากรายได้ประจำมาเก็บไว้ในเงินส่วนนี้อาจจะเก็บไว้ในสินทรัพย์ต่างๆ โดยประเมินที่ีความสำคัญ สภาพคล่อง ความเสี่ยง ระยะเวลาของเป้าหมายในการเลือกสินทรัพย์ เช่น
การเก็บเงินดาวน์บ้านอาจจะใช้เวลาไม่นานในการเก็บเงินดาวน์ อาจเลือกสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนไม่มาก แต่ว่ามีความมั่นคงของเงินต้นสูงด้วย เช่น ตราสารเงิน หรือเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ เป็นต้น
ส่วนเงินเก็บเพื่อการศึกษาบุตรอาจจะใช้เวลาในการเก็บเงินก้อนนี้ล่วงหน้าค่อนข้างนาน เช่น ตั้งแต่วางแผนจะมีลูกหรือตั้งแต่แต่งงาน ก็สามรถเริ่มประเมินค่าใช้จ่ายในการศึกษาว่าส่งจนกระทั้งลูกเรียนจบใช้เงินประมาณเท่าไร่ จะแบ่งเงินมาสะสมในส่วนนี้แค่ไหน และจะนำไปลงทุนกับสินทรัพย์อะไร เนื่องจากจำนวนเงินที่ต้องใช้ในส่วนนี้ค่อนข้างสูง ถ้าเราลงทุนให้ผลตอบแทนดีในระดับหนึ่ง ก็อาจจะประหยัดเงินที่เราต้องใช้ได้มาก
ที่สำคัญคือควรกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมและมีการติดตามการลงทุนอยู่เรื่อยๆ มีการปรับความเสี่ยงของสินทรัพย์ให้เหมาะกับระยะเวลาที่ใช้ เช่น ถ้ามีระยะเวลาออมนานอาจจะออมในกองทุนรวมหุ้นมากขึ้นเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ต้องใช้เงินก็ค่อยๆปรับสินทรัพย์มาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น และควรมีแผนสำรอง เช่น วางแผนประกันเพื่อให้ครอบคลุมวงเงินที่ต้องใช้ควบคู่ไปด้วยเผื่อกรณีที่เราต้องจากอย่ากระทันหันจะได้มีเงินในส่วนนี้คอยให้บุตรได้รับการศึกษาต่อจนจบและสามารถหางานทำเลี้ยงตัวเองได้
โหลใบที่ 4 - โหลเพื่อการพัฒนาตนเอง (Education Account) ~ ประมาณ 10% ของรายได้
ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่การสมัครเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้น อาจรวมถึงการได้พัฒนาทักษะเสริมอื่นๆตามความสนใจก็ได้ และยังรวมถึงการซื้อหนังสือ การลงคอร์สอบรมสัมมนา และการเข้าเวิร์กช็อปในสิ่งที่ตัวเองสนใจหรือว่าการสอบใบอนุญาตต่างๆ ที่จำเป็นกับการประกอบอาชีพ เป็นต้น
โหลใบที่ 5 - โหลเพื่อการให้ (Give Account) ~ ประมาณ 5% ของรายได้
การอยู่ร่วมกันในสังคมเราควรรู้จักแบ่งปัน เราควรแบ่งปัน เพื่อบริจาคให้กับคนที่ลำบากหรือมีโอกาสน้อยกว่าเรา เพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น โดยเราอาจจะเลือกบริจากให้โรงพยาบาล หรือมูลนิธิหรือให้การช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่าง ๆ แถมยังนำเงินในส่วนนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย (เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา การพัฒนาสังคม รวมถึงบริจาคโรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินบริจาค แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ทั้งนี้ควรให้ผลประโยชน์ทางภาษีเป็นของแถมที่ได้จากการบริจาคนะคร้าบ) ในโหลนี้อาจรวมถึงซื้อของขวัญให้กับคนใกล้ชิดในโอกาสพิเศษ ได้ด้วยครับ
โหลใบที่ 6 - โหลเพื่อเพื่อการใช้จ่ายเพื่อให้รางวัลตัวเอง (Play Account) ~ ประมาณ 10% ของรายได้
มาถึงโหลสุดท้ายส่วนนี้จะเป็นเงินที่นำไปใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อให้รางวัลตนเองหลังเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจอื่นๆในชีวิตเพื่อให้กำลังใจตนเองในการก้าวต่อไปเช่นกัน โดยเราอาจนำเงินนี้ไปเที่ยวพักผ่อนประจำปีกับครอบครัว แฟนหรือเพื่อนฝูง ซึ่งนอกจากจะได้ประสบการณ์ในการไปท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ แล้วยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัหรือคนใกล้ชิด หรือการซื้อของที่เราอยากได้มากๆ ร้านอาหารที่อยากกินซักครั้ง ทั้งนี้ข้อควรระวังคือเราไม่ควรทุ่มให้กับการใช้เงินในส่วนนี้มากเกินไปจนไปรบกวนส่วนอื่นที่สำคัญนะครับ
ระบบการบริหารเงินแบบนี้ถือเป็นวิธีที่ดูแล้วไม่โหดร้ายเกินไปสำหรับคนที่มีรายได้ไม่มาก เราอาจจะแบ่งเงินลงทุนโดยใช้วิธีการเปิดบัญชี 6 บัญชี แต่ละบัญชีต่อเงินลงทุนแต่ละส่วนเพื่อแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายให้ชัดเจนเพื่อให้เรารู้ว่าเรามีเงินที่จะใช้ได้ในแต่ละส่วนเท่าไหร่เพื่อให้วางแผนได้ถูกต้องว่าจะใช้จ่ายอย่างไร ทั้งนี้การที่เราบริหารค่าใช้จ่ายได้ดี รู้จักการนำเงินไปลงทุนและวางแผนเพื่อบริหารความเสี่ยงด้านต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้การใช้เงินในแต่ละส่วนของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสบรรลุวัตถุประสงค์ในแต่ละเป้าหมายมากขึ้นด้วย
สุดท้ายนี้การแบ่งเงินลงทุนในระบบ 6 โหลก็อาจเป็นเพียงหนึ่งในโมเดลง่ายๆที่สามารถนำไปศึกษาต่อเพิ่มเติมว่าแต่ละเป้าหมายควรจะลงทุนที่สินทรัพย์อะไรแต่การจัดสรรเงินเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการลงทุน หากเราบริหารได้ดีก็เชื่อว่าความสำเร็จทางการเงินก็ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
ติดตาม secure-investor ได้ที่
Facebook - Secure-investor
โฆษณา