สงสัยไหมครับว่าหลายคนทำไมเราต้องไปเสียเงินเพิ่มตั้งหลายบาทเพื่อกินน้ำแร่ น้ำแร่ดีกว่าอย่างไร แตกต่างกับน้ำเปล่าทั่วไปไหม ทำไมบางยี่ห้อแพงกว่าข้าวอีก แล้วมีความจำเป็นขนาดไหนในการที่คนเราจะต้องดื่มน้ำแร่ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังกันครับ
ผมขอเริ่มที่ความแตกต่างของน้ำแร่กับน้ำเปล่าก่อนนะครับ
ในส่วนใหญ่แล้วน้ำที่เราบริโภคกันเนี่ย ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทครับ ประเภทแรกคือ น้ำเปล่าทั่วๆไป ประเภทที่สองคือน้ำแร่ธรรมชาติ และสุดท้ายคือน้ำเพียวริไฟด์ หรือที่เรียกกันว่าน้ำ RO นั่นแหละครับ ซึ่งหลักๆแล้วน้ำทุกประเภทจะผ่านกระบวนการหลักๆเหมือนๆกัน คือ การกรองเพื่อลดความขุ่น และความกระด้าง การดูดกลิ่น และการฆ่าเชื้อด้วยเทคโนโลยีหรือใช้สารเคมีต่างๆให้ได้มาตรฐาน ส่วนที่ใช้จำแนกความแตกต่างของน้ำทั้ง 3 ประเภท จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยในกระบวนการผลิตครับ
โดยน้ำเปล่าธรรมดาเนี่ย มีทั้งที่มาจากน้ำแหล่งน้ำธรรมชาติ และน้ำประปาครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำประปา ซึ่งในระหว่างกระบวนการผลิต จะผ่านกระบวนการคัดกรองทำให้มีความกระด้างต่ำ ทำให้แร่ธาตุส่วนมากจะถูกกรองออกไป ส่งผลให้น้ำไม่มีรสชาติและมีแร่ธาตุอยู่จำนวนน้อย
ส่วนน้ำแร่เนี่ย ผลิตมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติครับ ซึ่งแต่ละแหล่งน้ำก็จะมีแร่ธาตุที่แตกต่างกันไป โดยในกระบวนการผลิต การกรองแร่ธาตุออกจะมีการกรองที่หยาบกว่าครับทำให้น้ำแร่มีปริมาณแร่ธาตุที่มากกว่าน้ำปกติทั่วไปนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิตน้ำแร่ ก็มีมาตรฐานของมันนะครับ เนื่องจากมีการกำหนดเกณฑ์ปริมาณสารปนเปื้อนที่ปลอดภัย ทำให้น้ำแร่มาตรฐานทั่วไปในบ้านเรา ไม่อันตรายแน่นอนครับ
ส่วนน้ำเพียวริไฟด์นั้นคือน้ำที่ผ่านการกลั่นหรือกรองขั้นสูง เพื่อแยกเอาสิ่งตกค้างออกไปให้หมด โดยน้ำที่ได้เนี่ยจะมีความบริสุทธิ์สูงกว่าน้ำประเภทอื่นครับ ซึ่งส่วนมากจะเป็นน้ำที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ค่อยพบเจอในการบรรจุขวดขายซักเท่าไหร่ครับ
มาถึงคำถามยอดนิยมที่ว่าทำไมน้ำแร่ถึงแพงกว่าน้ำเปล่า และบางยี่ห้อแพงกว่าอย่างมาก ซึ่งเมื่อดูจากกระบวนการผลิตแล้ว
แน่นอนครับ โดยพื้นฐานน้ำแร่มีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า เนื่องจากใช้แหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้มีการผลิตที่ค่อนข้างจำกัดกว่า ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยก็คือแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบครับ โดยแร่ธาตุที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตว่ามีปริมาณแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์อยู่มากน้อยแค่ไหน นั้นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมน้ำแร่บางยี่ห้อถึงแพงมาก อย่างเช่น เอเวียง เป็นต้น
ในส่วนของรสชาติของน้ำแร่เนี่ย แต่ละยี่ห้อก็จะมีรสชาติต่างกัน บางยี่ห้อรสชาติเค็ม บางยี่ห้อหวาน ส่งผลให้ผู้บริโภคบางคนชอบน้ำแร่ต่างยี่ห้อกันไป ซึ่งที่มาของรสชาติของน้ำแร่นั้น หลักๆเกิดมาจากปริมาณแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบครับ โดยน้ำแร่เนี่ย ถูกแบ่งเป็นประเภทหลักๆตามปริมาณแร่ธาตุที่มีอยู่สูงครับ อาทิเช่น ประเภทน้ำแร่แคลเซียม คือน้ำแร่ที่มีปริมาณแคลเซียมอยู่มากกว่า 150 มิลลกกรัมต่อลิตร โดยตัวอย่างของน้ำแร่ในประเทภนี้ก็คือยี่ห้อ เอเวียง ที่ค่อนข้างมีรสปลายลิ้นหน่อยๆนั่นเอง
แล้วเราจำเป็นต้องดิ่มน้ำแร่มั้ย ? แน่นอนครับการดื่มน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุอยู่นั้น ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้กับตัวเราได้มากกว่าครับ โดยแร่ธาตุแต่ละชนิดที่อยู่ในน้ำแร่ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับร่างกายเราแตกต่างกันไป แต่หากถามว่าจำเป็นไหม ผมคงตอบได้ว่าไม่จำเป็นครับ เนื่องจากร่างกายเราสามารถรับแร่ธาตุจากการรับประทานอาหารอื่นๆนอกจากน้ำได้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่แร่ธาตุจากการรับประทานอาหารก็จะเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการอยู่แล้ว การดื่มน้ำแร่ก็เลยคล้ายกับการตอบคำถามว่าการรับประทานวิตามินเสริมในรูปแบบเม็ดจำเป็นไหมนั่นแหละครับ
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว การดิ่มน้ำแร่ในบางครั้งยังอาจจะส่งผลเสียได้ด้วยสำหรับบุคคลบางกลุ่มครับ อย่างเช่น กลุ่มเด็กและหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากระบบย่อยอาหารอาจจะไม่ดีเท่ากับบุคคลทั่วไปครับ โดยคำแนะนำสำหรับกลุ่มบุคคลที่ไม่ควรดื่มน้ำแร่นั้น องค์กรอาหารและยาได้กำหนดคำเตือนไว้เรียบร้อย สามารถอ่านได้ตามฉลากหรืออ่านจากแหล่งอ้างอิงข้างใต้โพสนี้ก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้ การจะเลือกดื่มหรือไม่ดื่มน้ำแร่ก็คงขึ้นอยู่กับความสะดวกและความพอใจส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นด้านของรสชาติ หรือ ราคา ครับ เนื่องจากในส่วนของทางโภชนาการแล้วนั้น คงมิได้มีผลดีหรือผลเสียอะไรร้ายแรงอย่างมีนัยสำคัญ
Source :
- 14
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
